วิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามในสัญญาร่วมทุน (Joint Venture Agreement) ระหว่าง บริษัท ณุศา วัน จำกัด บริษัทย่อยของณุศาศิริ กับ บริษัท บิวตี้ ออเนอร์ (ไทย) จำกัด บริษัทยักษ์ใหญ่จากฮ่องกงมูลค่าทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ตั้ง บริษัท ศิริ แกรนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ร่วมทุนเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของณุศาศิริพร้อมเปิดประเดิมโครงการ Lake Como และ Chivani ที่ณุศาศิริซิตี้ พระราม 2 เป็นโครงการแรก
โดย วิษณุ เทพเจริญ ได้เปิดเผยถึงข้อมูลดังกล่าวว่า “ทางบริษัทฯยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความร่วมมือกันในครั้งนี้ และเล็งเห็นถึงศักยภาพความตั้งใจจริงของ บริษัท บิวตี้ ออเนอร์ (ไทย) จำกัด ที่มีวัตถุประสงค์จัดตั้ง บริษัท ศิริ แกรนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (บริษัทร่วมทุน) ร่วมลงทุนธุรกิจเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งด้านการขายพัฒนาที่ดินและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งแนวราบและแนวสูง โดย ณุศา วัน ถือหุ้น 50.7% และ บิวตี้ ออเนอร์ (ไทย) จำกัด ถือหุ้น 49%ทั้ง 2 บริษัทต่างมีแนวคิดและจุดมุ่งหมายทิศทางเดียวกันคือต้องการร่วมกันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้มีคุณภาพทัดเทียมสากล โดยคำนึงถึงคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้าเป็นสำคัญ
โครงการณุศาศิริซิตี้ พระราม 2 ถือเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่บนเนื้อที่กว่า 350 ไร่ ซึ่งณุศาศิริ ได้มีการพัฒนาโครงการนี้มาสักระยะแล้ว เพราะแนวคิดที่ต้องการให้โครงการนี้เป็นพื้นที่ของการใช้ชีวิตสมบูรณ์แบบที่สุดบนถนนพระราม 2 และเป็นอาณาจักรที่ครบครันตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง โดยในปัจจุบันประกอบด้วย NUSA Living คอมมูนิตี้มอลของคนรักการตกแต่งบ้านที่ไม่ซ้ำใคร, โรงเรียนนานาชาตินอริช และโรงพยาบาลพานาซี โรงพยาบาลระดับพรีเมี่ยมมาตราฐานจากประเทศเยอรมัน รวมถึงโครงการบ้านหรูกรีนเนอรี่ (Greenery) การร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นการร่วมกันพัฒนาโครงการใหม่ได้แก่ โครงการเลค โคโม (Lake Como) คฤหาสน์สุดหรูระดับไฮคลาสริมทะเลสาบส่วนตัวกว่า 30 ไร่ และพื้นที่สีเขียวถึง 9 ไร่ บนพื้นที่ 115 ไร่ โดยจะเริ่มแผนการตลาดภายใน Q1 ของปี 2561 ส่วนลำดับถัดไป ได้แก่โครงการชีวานี่(Chivani) บ้านสุขภาพสไตล์ทัสคานีคาดว่าจะสามารถทำตลาดภายใน Q3 ของปี 2561
นอกจากการร่วมทุนครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัทฯ ในการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานในอนาคตและในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งโครงการต่างๆ ของบริษัทฯ ให้ประสบความสำเร็จตามแผนธุรกิจที่วางไว้ยังก่อให้เกิดโอกาสในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ มากขึ้น เนื่องจากบริษัท บิวตี้ ออเนอร์ (ไทย) จำกัด เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งด้านเงินทุน ซึ่งมีเครือข่ายด้านการตลาดในต่างประเทศอย่างกว้างขวาง เปิดโอกาสให้แก่บริษัทฯ ขยายฐานกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง”