ทรูยู ชูความสำเร็จแนวคิด “Happiness is only True when we share” เพราะเชื่อว่าความสุขคือการมีเวลาดีๆ ร่วมกัน เลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดมอบสิทธิพิเศษเพื่อดูแลความสุขลูกค้าทรูทุกคน ส่งผลให้มียอดลูกค้าเข้าถึงสิทธิพิเศษสูงถึงมากกว่า 10 ล้านครั้งต่อเดือน ทั้งยังก้าวเป็นที่หนึ่ง*ในใจลูกค้าสำหรับสิทธิพิเศษร้านอาหาร (Dining) รวมทั้งเป็นอันดับหนึ่ง*ด้านการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าชั้นดี (High-Value Segment’s Engagement) ประกาศเดินหน้ามอบความสุขหลากหลาย เติมเต็มทุกประสบการณ์ลูกค้าให้อิ่ม-ช้อป-เพลินอย่างต่อเนื่องดูแลกัน 24 ชั่วโมง ทุกวัน และทุกเดือนตลอดทั้งปี พร้อมปรับโฉม “ทรูการ์ด” ตอบโจทย์ชีวิตดิจิตอล ยกระดับสู่มาสเตอร์การ์ดแบบเติมเงิน เพิ่มความสะดวกและอำนาจในการควบคุมการใช้จ่ายด้วยตัวเอง รองรับทุกการใช้จ่ายและสะสมแต้ม TruePoint เพื่อแลกรับของรางวัลมากมาย

          ฐานพล มานะวุฒิเวช ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และบริหารความสุขลูกค้า บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "ทรูยู เป็นความตั้งใจของกลุ่มทรูที่มุ่งมั่นพัฒนาแนวทางและคัดสรรสิทธิพิเศษมากมายเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าที่ใช้บริการทั้งทรูมูฟ เอช ทรูออนไลน์ และทรูวิชั่นส์ ภายใต้แนวคิด “Happiness is only True when we share” เพราะเชื่อว่าความสุขคือการมีเวลาดีๆ ร่วมกัน นับจากก้าวแรกที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2554 จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 5 ปีที่ ทรูยู ดูแลทุกความสุข เติมเต็มทุกความพอใจ และสร้างสัมพันธภาพที่ดีให้กับลูกค้าทุกคนของกลุ่ม โดยได้มอบสิทธิพิเศษที่หลากหลายแบบเหนือระดับให้กับสมาชิกทรูการ์ด ทั้งทรูแบล็คการ์ด และทรูเรดการ์ด รวมทั้งสิ้น 1.87 ล้านราย (แบ่งเป็นทรูแบล็คการ์ด 1.7 แสนราย และทรูเรดการ์ด 1.7 ล้านราย) จนก้าวสู่ความเป็นที่ 1 ในใจลูกค้าด้าน Dining และ High-Value Segment’s Engagement* และที่น่ายินดีคือ มีลูกค้าเข้าถึงสิทธิประโยชน์สูงกว่า 10 ล้านครั้งต่อเดือน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการคัดสรรสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ตรงใจไลฟ์สไตล์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี"

          นอกเหนือจากความมุ่งมั่นของกลุ่มทรูในการส่งมอบเทคโนโลยีสื่อสารที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแล้ว ทรูจะเดินหน้าคัดสรรสิทธิพิเศษจากทรูยู เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสุข “อิ่ม ช้อป เพลิน” แทนคำขอบคุณให้ลูกค้าทรูทุกคน ซึ่งเปรียบเสมือนบุคคลในครอบครัวที่เราจะดูแลและแบ่งปันทุกความสุขในทุกนาที ทุกวัน ทุกเดือนตลอดไป ผ่านกลยุทธ์หลักของทรูยู ทั้งการเติมเต็มประสบการณ์พิเศษทุกไลฟ์สไตล์ (TrueYou …Fulfilling Experiences) โดยผนึกพาร์ทเนอร์และร้านค้าชั้นนำกว่า 15,000 ร้านทั่วประเทศ ร่วมมอบ

          สิทธิพิเศษที่หลากหลายเน้นความครอบคลุมในทุกไลฟ์สไตล์ ทั้ง กิน ดูหนัง ช้อปปิ้ง ความงาม ท่องเที่ยว การศึกษา สุขภาพ การเดินทาง และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งยังสามารถเลือกรับสิทธิ์ได้ง่ายๆ ผ่าน แอพพลิเคชั่น TrueYou ทั้งระบบแอนดรอยด์ และ iOS นอกจากนี้ ทรูยู ยังจะตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสิทธิประโยชน์ด้าน Dining เติมเต็มความสุขให้เต็มรสชาติ (TrueYou…A Matter of Taste) คัดสรรร้านดังทั่วประเทศให้ลูกค้าได้เต็มอิ่มกับสิทธิพิเศษสุดคุ้ม อาทิ อิ่มกับทรูที่ CPN และอิ่มตำนานร้านดัง พร้อมสร้างมาตรฐานความอร่อยใหม่ให้กับวงการอาหาร ด้วย “ทรูยูชวนชิมกับเชลล์” ชวนลูกค้าจัดอันดับสุดยอดร้านอร่อยทั่วไทย และเติมเต็มทุกนาทีของคุณกับทรูด้วยคำขอบคุณ (TrueYou…Thankful Moments) ของขวัญตอบแทนทุกการใช้งานของทุกบริการในกลุ่มทรู ด้วย TruePoint ทุก 25 บาทที่ใช้บริการในกลุ่มทรู รับ 1 คะแนนสะสม เพื่อแลกเป็นของรางวัลได้มากมาย ทั้งนี้ ทรูตั้งเป้าดัน TruePoint เป็นสกุลเงินใหม่ของลูกค้าทรู สมกับคำพูดที่ว่า “ยิ่งใช้ทรูเยอะ ยิ่งได้” และ TrueBonus “ยิ่งอยู่กับทรูนาน ยิ่งฟรี” เพียงอยู่กับทรูนาน 2 เดือนขึ้นไป ก็ได้รับโบนัสใช้งานบริการนั้นๆ ฟรี

          ฐานพล กล่าวเพิ่มเติมว่า "อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญของทรูยู คือ เติมเต็มสมดุลให้ชีวิตดิจิตอล (TrueYou MasterCard…Privileged Passage to Digital Economy) ซึ่งครั้งนี้เป็นอีกก้าวที่สำคัญของการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าในกลุ่ม High-Value เพื่อให้สามารถรับสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมและเหนือกว่าในทุกด้านกับ “TrueYou MasterCard” โดยจะเปลี่ยนบัตรทรูการ์ดเป็นมาสเตอร์การ์ดแบบเติมเงิน สะดวกในทุกการใช้จ่ายที่สามารถควบคุมวงเงินได้ด้วยตนเอง รวมทั้งได้รับ TruePoint ทุกการใช้จ่าย ดีเดย์จัดส่งบัตรใหม่ให้ลูกค้าทั้งฐานตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป พิเศษไปกว่านี้ สำหรับลูกค้าทรูแบล็คการ์ดสัมผัสประสบการณ์พิเศษได้ที่ “TrueSphere” ปรากฏการณ์ใหม่ระดับ First Class Co-Working Space Experience ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ในทุกรูปแบบได้แล้ววันนี้"

          *ทรูยู ก้าวสู่ความเป็นที่ 1 ในใจลูกค้าด้าน Dining และ High-Value Segment’s Engagement* ด้วยยอดการใช้สิทธิ์สูงถึงกว่า 10 ล้านครั้งต่อเดือน ทั้งยังมีอัตราการสูญเสียลูกค้า (churn rate) ต่ำกว่า 1% และมีแนวโน้มที่จะแนะนำต่อสูงสุด จากการสำรวจของบริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำ TNS