ความยุ่งยากในการยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ไม่มีข้อมูลทางการเงินที่เพียงพอ บางรายก็ไม่มีการทำบัญชี ไม่มีหลักประกัน และไม่มีการวางแผนทางการเงิน ซึ่งนี่คือปัจจัยหลักที่ทำให้ธนาคารไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้
‘กสิกรไทย’ ถือเป็นหนึ่งในธนาคารที่ให้การสนับสนุนลูกค้าเอสเอ็มอีมาโดยตลอด ซึ่งทางธนาคารก็ไม่ได้นิ่งเฉยต่อปัญหาที่เอสเอ็มอีต้องเผชิญ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) เข้ามาช่วยในการพิจารณาสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ เพื่อนำเสนอสินเชื่อส่งตรงถึงมือลูกค้า SME ผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS ซึ่งกสิกรไทยถือเป็นธนาคารแรกของไทยที่นำเสนอสินเชื่อในลักษณะนี้
สุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “ที่ผ่านมาลูกค้าเอสเอ็มอียังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินสินเชื่ออยู่มาก หลายคนไม่ทราบว่าจะต้องไปกู้ที่ไหน กู้อย่างไร โดยเฉพาะเอสเอ็มอีขนาดเล็กหรือเอสเอ็มอีแบบบุคคล ซึ่งทำให้พวกเขาต้องไปใช้บริการสินเชื่อประเภทที่บ้านแลกเงิน รถแลกเงิน หรือกระทั่งเงินกู้นอกระบบ ทำให้เราตัดสินใจนำ Data Analytics มาเป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของลูกค้าแบบเจาะลึก โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณากว่า 300 เรื่อง อาทิ ข้อมูลด้านเงินฝาก การใช้เครดิต และข้อมูลจากแอปพลิเคชัน K PLUS เป็นต้น เพื่อประเมินความต้องการออกมาเป็น Credit Need Score ที่ทำให้ธนาคารทราบว่าจะต้องนำเสนอสินเชื่อให้ใคร เมื่อไร และเท่าไร โดยไม่ใช้หลักประกัน ไม่ต้องยื่นเอกสาร ไม่ต้องทำสัญญา และรออนุมัติภายใน 1 นาทีเท่านั้น จากปกติที่ต้องใช้เวลาพิจารณากว่า 1 เดือน ซึ่งผู้ที่ได้รับเสนอสินเชื่อจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านเมนู Life PLUS บนแอปพลิเคชัน K PLUS”
สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับข้อเสนอผ่านแอป K PLUS จะมีขั้นตอนในการขอสินเชื่อเพียง 3 ขั้นตอน คือ 1.ลูกค้าเลือกข้อเสนอ 2.ธนาคารพิจารณาอนุมัติ 3.ลูกค้าคลิกตกลงรับสินเชื่อ ซึ่งเงินจะโอนเข้าบัญชีลูกค้าทันทีภายใน 1 นาที โดยมีวงเงินกู้สูงสุด 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR+3 ถึง MRR+9% ต่อเดือนโดยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของลูกค้า ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับสินเชื่อบุคคลผ่านบัตรเครดิตที่ 18% และบัตรกดเงินสด 28%
“เราใช้เทคโนโลยีเพื่อค้นหาคนที่ต้องการใช้สินเชื่อจากฐานข้อมูลผู้ใช้ K PLUS กว่า 8.5 ล้านราย และบัญชีออมทรัพย์อีกกว่า 10 ล้านราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเอสเอ็มอีราว 2 แสนราย โดยในเฟสแรกเราได้นำเสนอสินเชื่อไปให้กับลูกค้าแล้ว 1,000 ราย พบว่ามีผู้ที่สนใจตอบกลับถึง 76% และในจำนวนนี้ผ่านเกณฑ์พิจารณาถึง 63% ซึ่งจากการนำเสนอที่อนุมัติสินเชื่อง่าย สะวดก และรวดเร็ว จะช่วยให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อผ่านแอปได้ราว 3,000 ล้านบาท หรือประมาณ 6,000 รายภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งในอนาคตทางธนาคารก็มีแผนที่จะนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้กับการปล่อยสินเชื่อประเภทอื่นๆ ด้วยเช่นกัน” สุรัตน์กล่าวต่อไปว่า
“การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการพิจารณาสินเชื่อในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการช่วยขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่เป็นกลุ่มไมโครเอสเอ็มอี (รายได้ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อปี) อาทิ ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก หรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่สามารถเติบโตเป็นเอสเอ็มอีขนาดเล็ก (รายได้ 10-50 ล้านบาทต่อปี) และเอสเอ็มอีกลาง (รายได้ 50-400 ล้านบาทต่อปี) ในอนาคตแล้ว ยังเป็นการช่วยลดต้นทุน และลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อได้ไม่ต่ำกว่า 50%”
ทั้งนี้ ทางธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของยอดสินเชื่อเอสเอ็มอีไว้ที่ 6% หรือคิดเป็นสินเชื่อเอสเอ็มอีปล่อยใหม่ประมาณ 2.4 แสนล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาได้มีการยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ไปแล้วราว 1 แสนล้านบาท
FYI
สำหรับขั้นตอนการติดต่อขอสินเชื่อเอสเอ็มอีจากธนาคารทั่วไปมีอยู่ 8 ขั้นตอนมาตรฐาน ได้แก่ 1.ติดต่อสาขา 2.เตรียมเอกสาร 3.หาหลักประกัน 4.ประเมินหลักประกัน 5.พิจารณาและแจ้งผล 6.ทำสัญญา 7.จดจำนองหลักประกัน 8.รับเงิน ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิจารณาทุกขั้นตอนราว 7-30 วัน