กระทรวงพาณิชย์ ติดปีก SMEs ไทยบินไกลสู่ตลาดโลก
12 Jul 2018

          กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมการค้าต่างประเทศ จับมือ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ และกลุ่มบางกอกโพสต์ จัดสัมมนา “ติดปีก SMEs ไทยบินไกลสู่ตลาดโลก” หวังผลักดัน  SMEs ไทยกว่า 3 ล้านราย ให้แข่งขันได้ในตลาดโลก โดยในวันงานได้ดึง SMEs ที่ประสบความสำเร็จ มาร่วมแชร์และเปิดช่องทางโกอินเตอร์ เจาะตลาดจีน อินเดีย และอาเซียน รวมถึงเทคนิคการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล  โดยมี สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธี พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “พลัง SMEs ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย”

 


 

          สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานในพิธีเปิดกล่าวถึงความสำคัญของพลัง SMEs ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยว่า “ผู้ประกอบการ SMEs ไทยในปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3 ล้านกิจการ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.7ของจำนวนวิสาหกิจทั้งหมด โดยมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของ SMEs ในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 ขยายตัว ร้อยละ 6 คิดเป็นมูลค่า 1.74 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42.8 ของ GDP รวมทั้งประเทศ จึงถือได้ว่า SMEs มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อโลกธุรกิจยุคใหม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติ ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายให้ SMEs ต้องปรับตัวเพื่อให้ทันต่อการแข่งขันในโลกการค้าที่ก้าวสู่ยุค industry 4.0 ที่เป็นโกลบอล และดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลตระหนักถึงและได้ให้ความสำคัญในประเด็นนี้อย่างยิ่ง จึงได้กำหนดให้การพัฒนา SMEs เป็นวาระแห่งชาติ ขับเคลื่อนผ่านทุกกลไกของรัฐบาล และกระผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็จะใช้ศักยภาพทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ และหน่วยงานอื่นๆ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ SMEs มีความแข็งแกร่ง สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ ไม่ใช่เฉพาะในกลุ่มอาเซียนเท่านั้น แต่ต้องติดอาวุธให้ SMEs สามารถบุกไปในทุกภูมิภาคได้”
 

          “กระทรวงพาณิชย์ได้กรุยทางในช่องทางการค้าต่างประเทศที่สำคัญต่างๆ เช่น การนำสินค้า SMEs ไทยมาพัฒนาร่วมกับศูนย์นวัตกรรม (Innovation Center) ของเทสโก้ กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้า และส่งออกไปจำหน่ายในห้างเครือข่ายในสหราชอาณาจักร ยุโรป และเอเชีย ฯลฯ และความร่วมมือกับสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ New Economy Academy ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสถาบันไอซีซี ประเทศฝรั่งเศส ในการพัฒนา SMEs ไทย และแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบด้านการค้า นโยบาย พิธีการศุลกากร ตลอดจนจัดกิจกรรมเสริมแรงกระตุ้นและสร้างแนวคิดให้ SMEs ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ และต่อยอดให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ดังเช่นงานสัมมนาในวันนี้ เป็นต้น ซึ่งความมุ่งมั่นนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันและส่งเสริมให้ SMEs ไทยซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สามารถพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น” สนธิรัตน์ กล่าว 

 

 

 
          บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “สำหรับมูลค่าการส่งออกของ SMEs ใน 5 เดือนแรกของปี 2561 (ม.ค. – พ.ค. 2561) มีมูลค่า 25,467.07 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.5 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด โดยตลาดส่งออกสำคัญอยู่ในกลุ่มตลาดอาเซียน มีมูลค่า 7,576 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 6 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ  29.7 รองลงมา คือ ประเทศจีน มีมูลค่า 3,019 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.9 ทั้งนี้  สินค้าส่งออกที่สำคัญของ SMEs อยู่ในหมวดอัญมณีและเครื่องประดับ หมวดพลาสติกและของทำด้วยพลาสติก หมวดยานยนต์และส่วนประกอบ ตามลำดับซึ่งจะเห็นได้ว่า  SMEs ไทยยังมีศักยภาพที่จะสามารถขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดหลักของ SMEs ไทย เนื่องจากมีความนิยม และชื่นชอบสินค้าคุณภาพจากประเทศไทย รวมทั้งมีรสนิยมและพฤติกรรมการบริโภคไม่แตกต่างกันมากนัก จึงถือเป็นช่องทางสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการ SMEs เติบโตและกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ได้ซึ่งการสัมมนา ‘ติดปีก SMEs ไทยบินไกลสู่ตลาดโลก’ ในวันนี้ จะช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการทำให้ SMEs ไทยสามารถเข้าถึงช่องทางการค้าในตลาดจีน อินเดีย อาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ ทั้งช่องทางดิจิทัลและผ่านผู้แทนการค้าที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตลาดของแต่ละประเทศโดยเฉพาะ รวมถึง จะได้พบกับผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้นำนวัตกรรมในรูปแบบต่างๆ มาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจจนประสบความสำเร็จมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ แนวคิด ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการปรับตัวให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนา เพื่อเป็นแนวคิดให้กับผู้ประกอบการ SMEs ได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”


          ด้าน กฤตธี มโนลีหกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้บริการเว็บไซต์ Sanook.com, แอพพลิเคชั่นสำหรับสื่อสาร WeChat และแอพพลิเคชั่นสำหรับฟังเพลง Joox กล่าวว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่า ตลาดจีนในปัจจุบันมีขนาดใหญ่มาก โดยประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออก SMEs ไปยังประเทศจีน มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท และโอกาสขยายตัวทางธุรกิจของประเทศไทยไปยังตลาดจีนนั้นจะยิ่งได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดออนไลน์ ด้วยจำนวนผู้ใช้ WeChat ที่มีอยู่ราว 963 ล้านคนทั่วโลก ที่ใช้ WeChat แทนการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงถือได้ว่าแอพพลิเคชั่นสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มคนจีนได้เป็นจำนวนมากจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ SMEs สามารถใช้เป็นเครื่องมือขยายตลาดและธุรกิจไปยังประเทศจีนได้เป็นอย่างดี”

 

          ในขณะที่ พัชรพร สิริทรัพย์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ Baidu ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “Baidu หรือที่เรียกว่า ไป่ตู้ ก็จัดเป็น Search Engine ยอดนิยมของตลาดจีนมาโดยตลอดเช่นกัน โดยมีสัดส่วนในตลาดจีนมากที่สุดถึง 72.73% และจะเป็นช่องทางที่ดีในการดึง SMEs ไทยขยายธุรกิจสู่ตลาดจีนได้เป็นอย่างดี”


          ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้จัดงาน เชื่อมั่นว่า ผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมงานสัมมนา ‘ติดปีก SMEs ไทยบินไกลสู่ตลาดโลก’ จะได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และเป็นการติดอาวุธเสริมความแกร่งของผู้ประกอบการไทยให้ไปไกลสู่ตลาดโลกจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและมากประสบการณ์ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่จะมาบอกเล่าถึงช่องทางการโกอินเตอร์เพื่อเจาะตลาดจีน อินเดีย และอาเซียน จากกูรู SMEs ในตลาดจีน และอินเดีย อาทิ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด, Baidu ประเทศไทย ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการไอทีของประเทศจีน, สภาธุรกิจ ไทย-อินเดีย และสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่และเปิดประสบการณ์ SMEs ที่ประสบความสำเร็จในการนำ “Creative Digital Innovation” มาปรับใช้ในธุรกิจจนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ ซึ่งจะทำให้ภารกิจสำคัญเพื่อติดปีก SMEs ไทยให้แข็งแกร่ง  และจะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งต่อไป   

[อ่าน 1,041]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“สตีเบล เอลทรอน” ชวนคนไทยเพิ่มความสดชื่นรับซัมเมอร์ ยกขบวนเครื่องกรองน้ำดื่ม 5 รุ่นท็อป ชูเทคโนโลยีล้ำสมัยคุณภาพระดับเยอรมนี
ทีเอ็มบีธนชาต รายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ 5,334 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เซ็นทรัลพัฒนา ส่งท้ายสงกรานต์ ‘FWD Music Live Fest 3’ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และวันไหลสงกรานต์เซ็นทรัลทั่วไทย
โครงการเพื่อสตรีของคาร์เทียร์ ประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบ 33 คน ประจำปี 2024
TikTok จัด TikTok LIVE Creator Network Conference ปักหมุดดัน TikTok Live ขยายศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลไทยและระดับภูมิภาค
แอ็กซ์ จัดงานเปิดตัวใหม่! AXE Fine Fragrance Collection เสิร์ฟความหอมพรีเมียมเกินขั้น ติดทนนานเกินคาด
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved