คาเบีย ซารูจา แจ้งเกิด ‘ซัมเมอร์สบี’ สู่ตลาดอาร์ทีดี
07 Jun 2016

          ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมดื่ม หรือ อาร์ทีดี (Ready to Drink: RTD) กลายเป็นตลาดที่ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะถือเป็นตลาดที่ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับตลาดเหล้าเบียร์ที่อยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มเบนเข็มมารุกในตลาดอาร์ทีดีมากขึ้น เพื่อเป็นการรักษากลุ่มลูกค้าเดิมให้มีทางเลือกในการดื่มมากขึ้น รวมถึงเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เพิ่มขึ้น

          คาเบีย ซารูจา ผู้จัดการทั่วไป คาร์ลสเบิร์ก ประเทศไทย กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของตลาดอาร์ทีดีในประเทศไทยว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศไทยในบางหมวดสินค้ามีอัตราการเติบโตแบบชะลอตัว รวมถึงบางหมวดก็ไม่มีการเติบโต ในขณะที่ตลาดอาร์ทีดีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 14% และคาดว่าจะเติบโตเช่นนี้ไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี ซึ่งเทรนด์นี้ไม่ได้เกิดแค่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก”

          คาเบียอธิบายต่อว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดอาร์ทีดีในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น มาจากการที่มีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัวเครื่องดื่มรสชาติใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งคาเบียมองว่าเครื่องดื่มประเภทอาร์ทีดีนั้นเหมาะสมกับตลาดในประเทศไทยอย่างมาก เพราะคนไทยมองหาเครื่องดื่มที่ดื่มง่าย ดื่มสะดวก รสชาติดี สดชื่น และมีราคาที่เหมาะสม

          แม้ว่าที่ผ่านมา เบียร์จะถือเป็นสินค้าหลักที่ทำรายได้ให้กับคาร์ลสเบิร์กในประเทศไทย แต่ถ้าพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตของตลาดเบียร์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าเพียง 137,000 ล้านบาทเท่านั้น ถือว่ามีการเติบโตที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับการเติบโตในตลาดอาร์ทีดี และสะท้อนถึงการอิ่มตัวของตลาดเบียร์ในปัจจุบัน ทำให้คาร์ลสเบิร์กต้องหันมาให้ความสำคัญกับตลาดอาร์ทีดีมากขึ้น ด้วยการนำเอา ‘ซัมเมอร์สบี’ (Somersby) เครื่องดื่มไซเดอร์ (Cider) หรือเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ที่หมักจากน้ำผลไม้ สัญชาติเดนมาร์กของ คาร์ลสเบิร์ก กรุ๊ป (Carlsberg Group) ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในต่างประเทศเข้ามาบุกตลาดประเทศไทย โดยในเบื้องต้นตลาดไซเดอร์ได้ถูกนับรวมไปอยู่ในกลุ่มอาร์ทีดี ที่มีมูลค่าตลาดราว 4-5 พันล้านบาท

          โดยที่ผ่านมาซัมเมอร์สบีได้เปิดตัวครั้งแรกในเดนมาร์กเมื่อปี 2008 ก่อนที่ในปี 2012 จะเปิดตัวสู่ภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงเอเชีย ซึ่งปัจจุบันในมาเลเซีย ซัมเมอร์สบีมีการเติบโตถึง 75% จากยอดการจำหน่าย และ 88% ในสิงคโปร์ เมื่อเปรียบเทียบจากปีก่อนหน้า

          “ผมมองว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดตัวไซเดอร์ในประเทศไทย ซึ่งเราได้สร้างคลื่นความสำเร็จของเครื่องดื่มไซเดอร์นี้อย่างเข้มแข็งมาแล้วทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่เครื่องดื่มไซเดอร์เติบโตมากถึง 40% รวมถึงในเอเชียที่มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในประเทศไทยก็ถือได้ว่ายังมีกลุ่มสินค้าไซเดอร์ค่อนข้างน้อย เราจึงมองเห็นโอกาสของการเติบโตในตลาดนี้ เนื่องจากพฤติกรรมการดื่มของคนไทยเริ่มให้การเปิดรับเครื่องดื่มใหม่ๆ มากขึ้น โดยไม่ยึดติดแค่เพียงวิสกี้หรือเบียร์เท่านั้น และที่สำคัญคนไทยค่อนข้างชอบเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวาน ซึ่งผมคิดว่าซัมเมอร์สบีก็มีรสชาติเดียวกับที่คนไทยชื่นชอบ อีกทั้งยังเหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารไทยอีกด้วย” คาเบียกล่าว

          แต่การที่คาร์ลสเบิร์กเข้ามารุกในตลาดเครื่องดื่มไซเดอร์ในไทยอย่างเต็มตัวเช่นนี้ ทำให้พันธมิตรในตลาดเบียร์อย่าง ‘สิงห์ คอร์เปอเรชั่น’ ที่เพิ่งเปิดตัว ‘ไซเดอร์ เบย์’ ออกมาทำตลาดเมื่อช่วงปลายปี 2014 กลายเป็นคู่แข่งของคาร์ลสเบิร์กไปโดยปริยาย ซึ่งทางสิงห์ก็หมายมั่นปั้นมือกับสินค้าตัวนี้ไม่น้อย ว่าไซเดอร์เบย์จะกลายเป็นเครื่องดื่มที่จะเข้ามาช่วยทดแทนสินค้ากลุ่มเบียร์ได้ในอนาคต รวมถึงจะเป็น 1 ในรายได้หลักของบริษัทภายใน 5 ปี

          ดังนั้น โจทย์หลักของคาร์ลสเบิร์กคือต้องมองหาพันธมิตรรายใหม่ที่เป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มอาร์ทีดี เช่นเดียวกับสิงห์ที่เป็นผู้นำในตลาดเบียร์ เพื่อที่จะช่วยพาให้ซัมเมอร์สบีมุ่งไปสู่เส้นทางของความสำเร็จได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

          ซึ่งหากจะพิจารณาจากโจทย์ดังกล่าว พันธมิตรที่เหมาะสุดสุดในเวลานี้คงหนีไม่พ้น บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแบรนด์ ‘สปาย ไวน์ คูลเลอร์’ ซึ่งครองส่วนแบ่งกว่า 60-70% ในตลาดอาร์ทีดี

          “เราได้จับมือเป็นเครือข่ายพันธมิตรพิเศษกับสยาม ไวเนอรี่ ในการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มไซเดอร์ในประเทศไทย ซึ่งด้วยกลยุทธ์ด้านพันธมิตรใหม่นี้ เราเชื่อว่าแบรนด์ซัมเมอร์สบีจะสามารถสร้างตำแหน่งที่ดีของตนเอง เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ของไซเดอร์ได้เป็นอย่างดี”

          คาเบียอธิบายต่อไปว่า การที่ซัมเมอร์สบีสามารถผลิตในประเทศไทยได้นั้น ถือเป็นโจทย์สำคัญสำหรับซัมเมอร์สบี เนื่องจากซัมเมอร์สบีเป็นเครื่องดื่มไซเดอร์ที่มีรสชาติของแอปเปิลธรรมชาติ โดยไม่มีสารให้ความหวาน และไม่ใช้รสชาติสังเคราะห์ในการผลิต ดังนั้นการผลิตในประเทศจะทำให้ลูกค้าชาวไทยสามารถดื่มไซเดอร์ที่มีรสชาติสดใหม่ของแอปเปิลอยู่ตลอดเวลา รวมถึงยังทำให้ราคามีความเหมาะสมกับคนไทย โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ขวดละ 49 บาทเท่านั้น

          “ที่ผ่านมาสยาม ไวเนอรี่อยู่ในตลาดอาร์ทีดีมานานกว่า 30 ปี มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดอาร์ทีดีในเมืองไทยเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในด้านช่องทางการจำหน่าย และความเก่งในการนำเครื่องดื่มอาร์ทีดีเข้าไปสู่ผู้บริโภค รวมไปถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดคือกระบวนการผลิตที่จะต้องคงรสชาติดั้งเดิมเอาไว้ ในขณะเดียวกันซัมเมอร์สบีก็ช่วยเข้ามาเติมเต็มพอร์ตของสยาม ไวเนอรี่ในกลุ่มเครื่องดื่มไซเดอร์เช่นกัน ซึ่งผมมั่นใจว่าเราทั้งคู่จะสามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างแข็งแกร่ง” คาเบียกล่าว

          สำหรับในด้านกลยุทธ์การตลาด ซัมเมอร์สบียังคงเลือกทำตลาดกับกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 25-35 ปีเป็นหลัก พร้อมวางโพซิชันนิ่งของแบรนด์ให้เป็นเครื่องดื่มไซเดอร์ระดับพรีเมียมที่ดื่มได้ทุกเพศ (Unisex) และสามารถดื่มได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยภาพลักษณ์ของไซเดอร์ที่มีลักษณะคล้ายเครื่องดื่มค็อกเทลที่ดูเบากว่าเบียร์และไวน์ ซึ่งจะสามารถเข้าถึงได้ทั้งกลุ่มผู้หญิงที่ต้องการเครื่องดื่มเบาๆ ในการนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อน และกลุ่มผู้ชายต้องการเครื่องดื่มที่สร้างบรรยากาศสนุกสนานและสบายๆ มากกว่าการดื่มวิสกี้หรือเบียร์ 

          ในขณะเดียวกัน ซัมเมอร์สบียังสามารถเข้าไปจับกลุ่มนักดื่มที่ให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลตัวเอง และการดูแลสุขภาพ โดยชูจุดเด่นความเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ไม่มีแคลอรี่ ซึ่งถือเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ทั่วโลก

          แม้ที่ผ่านมาสินค้าส่วนใหญ่ในกลุ่มอาร์ทีดีจะพยายามเข้าไปเจาะผู้บริโภคในร้านอาหารผับบาร์ให้เร็วที่สุด แต่คาเบียอธิบายว่าในเบื้องต้นของการทำตลาด ซัมเมอร์สบีจะเน้นการเข้าไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส, ฟู้ดแลนด์ และวิลล่ามาร์เก็ต รวมไปถึงโรงแรม ร้านอาหารชั้นนำ และสถานที่เที่ยวยามราตรี ก่อนที่จะขยายไปสู่ร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศภายในช่วงต้นปี 2016

          “ในช่วงแรกเราจะพยายามนำซัมเมอร์สบีไปอยู่บนเชลฟ์ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้และทดลองดื่มสินค้า รวมถึงเพื่อเป็นการให้ข้อมูลกับผู้บริโภคว่าเครื่องดื่มไซเดอร์คืออะไร ซึ่งเมื่อตลาดโตในระดับหนึ่งแล้วจึงค่อยเข้าไปทำตลาดในสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนต่อไป” คาเบียกล่าว

          สำหรับในประเทศไทย คาร์ลสเบิร์กมีผลิตภัณฑ์ทำตลาดทั้งหมด 3 แบรนด์ ได้แก่ คาร์ลสเบิร์ก เบียร์, เบียร์ลาว และผลิตภัณฑ์ไซเดอร์ ‘ซัมเมอร์สบี’ โดยภายในปี 2016 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายของผลิตภัณฑ์ไซเดอร์ไว้ที่ 20% ของยอดขายทั้งกลุ่มบริษัท

[อ่าน 4,276]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจ ‘เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘Cafe Chilli’ ให้เป็นแบรนด์เรือธง ของ สะไปซ์ ออฟ เอเซีย
ทีเด็ด POP MART เจาะตลาดไทยอย่างไร ให้มัดใจผู้บริโภคอยู่หมัด
‘เดอะคลีนิกค์’ เผยผลงานโดดเด่นปี 66 โกยรายได้กว่า 2.3 พันล้าน เดินหน้าบุกตลาดความงาม
“เพราะชีวิตคือบททดสอบ” เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงแกร่ง CHRO แห่งทรู คอร์ปอเรชั่น
‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘บิสโตร เอเชีย’ ให้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 70%
ศุภลักษณ์ อัมพุช กับ New Era ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่เป็นมากกว่าแค่ช้อปปิ้ง แต่คือการสร้างย่านการค้า
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved