" ไพศาล อ่าวสถาพร" The Strategic Opportunity Hunter
17 Jul 2016

เป้ารายได้ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2020 ไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจอาหารบริษัทโออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตั้งไว้ในส่วนของอาหาร และร้านอาหารของโออิชิกรุ๊ปที่ต้องเติบโตให้ได้ 1,000 ล้านบาท/ปี โดยเป้ารายได้ของปี 2016 อยู่ที่ 7,000 ล้านบาทนั้น ชายผู้นี้เชื่อมั่นว่าเป็นไปได้ไม่ว่าโหรเศรษฐกิจจะพยากรณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไรก็ตาม

            “ที่ใครบอกว่า เศรษฐกิจไม่ดี ตรงนั้นไม่ใช่ประเด็น เพราะหน้าที่ของเรา คือ เราจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ธุรกิจของเราเติบโต ผมเชื่อว่า ทุกชุมชน ทุกพื้นที่ ทุกตลาดล้วนมีโอกาสในการทำธุรกิจ เว้นแต่เราจะหาโอกาสพบหรือไม่ ดังนั้น หน้าที่ของเราจึงต้องหาทุกโอกาส เพื่อสร้างธุรกิจ แล้วคนที่เห็นตลาดคนนั้นแหละก็คือคนที่เข้าใจตลาด”

            การมองหาโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ในทุกแง่มุมของไพศาลนี่แหละที่ใครจะยกตำแหน่งให้กับเขาในฐานะที่เป็น The Strategic Opportunity Hunter หรือ นักล่าโอกาสเชิงยุทธ์ ได้อย่างไม่ยากเลย โดยเฉพาะการจัดทัพใหม่ของโออิชิกรุ๊ปที่จะได้เห็นกันในครึ่งหลังของปี 2016

            เส้นทางของ โออิชิ นับแต่ก่อตั้งแต่ปี 1999 ถึงวันนี้เปลี่ยนแปลงผ่านมาหลายยุค โดยเมื่อ16 ปีก่อนของโออิชิที่เริ่มจากโออิชิ บุฟเฟ่ต์ ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งเป็นของแปลกใหม่สำหรับผู้บริโภคในยุคนั้น และต่อมาได้มีการแตกธุรกิจออกไปทั้งซับแบรนด์ อย่าง โออิชิ แกรนด์ ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟ่ต์ระดับพรีเมียม, โออิชิ ราเมน ร้านราเมน à la carte ราคาคุ้มค่า นอกจากนี้ ยังออกแบรนด์ใหม่ที่มีแบรนด์ โออิชิ เป็น Endorser อย่าง ชาบูชิ บายโออิชิ ร้านชาบู + ซูชิแบบบุฟเฟ่ต์ที่เสิร์ฟบนสายพานเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่, คาคาชิ บายโออิชิ ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบ QSR ที่เน้นข้าวหน้าต่างๆ,นิกุยะ บายโออิชิ ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟ่ต์เน้นแนวปิ้ง-ย่างขณะเดียวกันก็แตกไลน์ไปสู่เซกเมนต์ของสินค้าReady to Eat ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอาทิ อาหารแช่แข็ง/แช่เย็นอย่างเกี๊ยวซ่า,อาหารว่างอย่างหมวดเบเกอรี่ เช่น แซนด์วิช เป็นต้น

            ไพศาล กล่าวถึงการเช็กอัพธุรกิจโออิชิในส่วนของอาหารและร้านอาหารอีกครั้งว่า

         “เรามีแผนจัดทัพธุรกิจในส่วนนี้เสียใหม่ จากเดิมที่เราเป็น King of Japanese Buffet กล่าวได้ว่า ตอนนั้นเราเป็น ‘ป๋า’ ในวงการบุฟเฟ่ต์ แต่ตอนนี้เราตั้งเป้าที่จะเป็น King of Japanese Food & Restaurant โดยเฉพาะสินค้าอาหารในบรรจุภัณฑ์ (Packaged Food) ซึ่งเราจะพัฒนาในเซกเมนต์ของกลุ่ม Ready to Eat ให้มากขึ้น” 

             เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเชิงยุทธ์ดังกล่าว ไพศาลกล่าวถึงการเขย่าแบรนด์พอร์ตโฟลิโอร้านอาหารในกลุ่มโออิชิกรุ๊ปว่า

“จากบริบททางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งในแง่ตัวผู้บริโภค ไลฟ์สไตล์ ขณะเดียวกัน เทรนด์ของการทำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นแบบร้านเดียวสำหรับทุกคนที่มีทั้งซาซิมิ เทปันยากิ ซูชิ ขนมหวาน ฯลฯ นั้นไม่ใช่เสียแล้ว เพราะเทรนด์ของธุรกิจของร้านอาหารวันนี้ต้องมีความเฉพาะเจาะจง (Niche) กันอย่างมากๆ เป็นร้านที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะอย่าง เช่น ร้านซูชิ ร้านขนมน้ำแข็งใส ร้านชาบู  ดังนั้นเพื่อให้ยุทธศาสตร์ของโออิชิกรุ๊ปในส่วนของอาหารและร้านอาหารมีความแม่นยำขึ้น เราจึงปรับพอร์ตโฟลิโอของร้านในโออิชิกรุ๊ป บนแนวระนาบ ด้วยตัวแปร Functional Benefit (คุณประโยชน์) - Emotional Benefit (อารมณ์ความรู้สึก) และตัวแปรบนแนวดิ่ง Simple (ความเรียบง่าย) - Complicated (ความซับซ้อน) เพื่อดูถึงสถานะของแบรนด์ในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไรและเราต้องการจะให้แบรนด์เคลื่อนย้ายไปที่ใด เพื่อตอบรับกับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างแหลมคมและหนักแน่น

           ขณะเดียวกัน เมื่อดูตัวแปรเรื่องเงื่อนเวลา จะพบว่า ธุรกิจร้านอาหารของเรา ซึ่งเป็น Complete Meal จะขายในช่วงเวลาสายๆ และเย็น ดังนั้น ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถขายอาหารได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งตรงนี้ เราพบว่า ในช่วงเวลาระหว่างวัน (14.00 น. – 17.00 น.) เราสามารถที่จะทำตลาดจากโอกาสทางธุรกิจนี้ด้วยอาหารว่างแบบ Tea Time ซึ่งคนไม่ต้องการบริโภคอาหารหนัก แต่ต้องการเพียงอาหารว่าง และจิบน้ำชาหรือกาแฟเพื่อคุยงานหรือพบปะสังสรรค์ สำหรับอาหารที่ขายช่วงระหว่างวันนี้เรามีแผนที่จะทำแบรนด์ใหม่โดยมีแบรนด์โออิชิเป็น Endorser เช่นเดิม นอกจากยุทธศาสตร์การปรับพอร์ตของโออิชิแล้ว โออิชิเองก็มองถึงช่องทางใหม่ๆ เพื่อเสริมการทำตลาดให้กับสินค้าเดิมๆ ของตนเองเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของบริการส่งถึงบ้าน (Delivery) และบริการซื้อกลับบ้าน (Take Away)”

            ทั้งนี้ เป้าหมายอีกประการของโออิชิภายใต้การขับเคลื่อนของไพศาล คือ การปั้นให้แบรนด์โออิชิเป็น Otaku Brand หรือแบรนด์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้รอบรู้และผู้คลั่งไคล้อะไรก็ตามที่เป็น ‘ญี่ปุ่น’ (Japanese)

“เราตั้งเป้าที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นและอะไรที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ วัฒนธรรม ฯลฯ เราต้องการเป็นกูรูทางด้านนี้และเราอยากให้ก็ตามที่นึกถึงญี่ปุ่นต้องนึกถึงโออิชิ เพราะโออิชิเองมีความใกล้ชิดกับสถานทูตญี่ปุ่น และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization : JETRO) ในฐานะที่เรามีส่วนทำให้คนไทยรู้จักญี่ปุ่น อีกทั้งกิจการของเราก็ทำให้ธุรกิจต้นน้ำในญี่ปุ่นเติบโตไปกับเราด้วย นอกจากนี้ คนญี่ปุ่นที่อยากมาเปิดร้านอาหารในไทยก็จะต้องมาที่โออิชิ เพื่อมาดูว่า โออิชิทำตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นได้อย่างไรและสามารถเจาะตลาดคนไทยได้ โดยที่โออิชิมีทีมงานเป็นคนไทยทั้งหมด”

ปัจจัยความสำเร็จของโออิชินั้นปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากการที่โออิชิมีผู้นำอย่าง ‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ ที่มิได้เป็นเพียงผู้บริหารเท่านั้นหากแต่นี้มีพื้นฐานของการเป็นเชฟมาก่อนด้วย เมื่อครั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งพื้นฐานตรงนี้ทำให้โออิชิเติบโตได้อย่างต่อเนื่องหรือแม้แต่การเชิญ ฮิโรยูกิ ซาไก ราชาแห่งเชฟกระทะเหล็ก ประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้มาเยือนประเทศไทย พร้อมออกแบบเมนูไฮไลท์ตลอดปีให้กับโออิชิก็กลับไม่ใช่เรื่องยากเย็น เมื่อทั้งสองฝ่าย ‘เคมีตรงกัน’ จากการพูดจาประสาเชฟ และลงตัวได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น

            นอกจากนี้ ไพศาลยังกล่าวว่า “ปัจจัยความสำเร็จของโออิชิยังมาจากความแข็งแกร่งวัฒนธรรมองค์กรที่เรียกว่า SUKOI ซึ่งมาจาก Speed ที่ร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็วเพื่อแข่งขันกับตลาดการให้บริการกับผู้บริโภคตลอดจนความรวดเร็วของการพัฒนาเมนู/นวัตกรรมต่างๆ United ความเป็นหนึ่งเดียวซึ่งเป็นการทำงานแบบทีมเวิร์คที่ต้องมีความสามัคคี มีเข้าใจและมีเป้าหมายเดียวกัน Knowledge ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจอีกทั้งต้องเข้าใจแบรนด์ รู้จักลูกค้า เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค Openness ความโปร่งใสความซื่อสัตย์และการเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เพื่อนำไปพัฒนาและผลักดันองค์กรให้ไปสู่เป้าหมายที่ดีขึ้น Involvement การมีส่วนร่วมในองค์กรซึ่งวัฒนธรรมเหล่านี้เราก็ต้องค่อยๆ ปลูกฝังจากรุ่นสู่รุ่นให้กับพนักงานของเราที่มี 8,000กว่าคน แต่เนื่องจากอัตราการเข้าออก (Turnover) ของพนักงานต่ำ ดังนั้นการสืบทอดวัฒนธรรมดังกล่าวเราจึงเชื่อว่า อย่างน้อยก็ต้องซึมซับกันไปจากการตอกย้ำกันบ่อยๆ”  สำหรับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรนั้น ไพศาลกล่าวว่า  

“ผมใช้ความเป็นผู้นำแบบทำเป็นตัวอย่างให้ดู(Leading by Example)เราอยากให้พนักงานเป็นอย่างไรเราก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพนักงานด้วยและทำให้พนักงานเห็นอย่างสม่ำเสมอ โดยเราเองก็ต้องฝึกฝนตนเองให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราต้องการให้พนักงานเป็นด้วย อย่างวัฒนธรรม SUKOI ที่เราอยากให้พนักงานมีส่วนร่วม เราก็ต้องมีส่วนร่วมกับพนักงานด้วย อย่างขัดพื้นผมก็ลงขัดพื้นเอง หรือเราอยากให้พนักงานมีความรู้เข้าใจอะไรก็ตาม เราก็ต้องถ่ายทอดความรู้ให้กับพนักงานด้วย และเนื่องจากธุรกิจของเราไม่ใช่แค่ขายอาหารเท่านั้น หากแต่เป็นธุรกิจขายความสุขให้กับผู้บริโภค ดังนั้น พนักงานของเราจะต้องมีความสุขจึงจะสามารถส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าได้ ถ้าหากพนักงานไม่มีความสุข ลูกค้าก็สามารถรับรู้ได้ นอกจากนี้ วัฒนธรรมองค์กรจะเกิดได้ต้องมาจากวินัย ผมมองว่า ทุกกองทัพต้องมีวินัยและการมีวินัยจะทำให้องค์กรเข้มแข็ง แล้ววินัยง่ายๆ ของผมก็คือ สิ่งที่พนักงานทำได้ง่ายๆ ด้วยเช่นกัน นั่นคือ การไม่มาทำงานสาย มีความซื่อตรงไม่ทุจริต การแต่งกายต้องเรียบร้อยถูกกฎระเบียบ ถ้าหากพนักงานทำสิ่งเล็กๆ อย่างนี้ได้เรื่องใหญ่ๆ ก็ทำได้ แล้วถ้าฝึกฝนกันตั้งแต่แรกๆ ก็จะเกิดเป็นวัฒนธรรมขึ้นมา” 

ไพศาลยอมรับว่า “การสร้างวัฒนธรรมและวินัยดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ทำได้ยาก กระนั้น ทุกคนก็ควรต้องทำ ซึ่งองค์กรก็ต้องปลูกฝังไปเรื่อยๆ”

                  เส้นทางของโออิชิทั้งในแง่บู๊และบุ๋น แม้จะท้าทาย แต่ไม่เกินฝีมือของนักล่าโอกาสเชิงยุทธ์อย่าง ไพศาล อ่าวสถาพร อย่างแน่นอน

 

 

[อ่าน 1,805]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจ ‘เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘Cafe Chilli’ ให้เป็นแบรนด์เรือธง ของ สะไปซ์ ออฟ เอเซีย
ทีเด็ด POP MART เจาะตลาดไทยอย่างไร ให้มัดใจผู้บริโภคอยู่หมัด
‘เดอะคลีนิกค์’ เผยผลงานโดดเด่นปี 66 โกยรายได้กว่า 2.3 พันล้าน เดินหน้าบุกตลาดความงาม
“เพราะชีวิตคือบททดสอบ” เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงแกร่ง CHRO แห่งทรู คอร์ปอเรชั่น
‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘บิสโตร เอเชีย’ ให้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 70%
ศุภลักษณ์ อัมพุช กับ New Era ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่เป็นมากกว่าแค่ช้อปปิ้ง แต่คือการสร้างย่านการค้า
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved