ส่องภาคเกษตรเวียดนาม แล้วย้อนมองไทย
20 Sep 2018

          ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ขาดแคลนแรงงานในบางสาขาอาชีพโดยเฉพาะภาคเกษตรไทย เรื่องนี้จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าแรงงานต่างด้าวซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญจะอยู่กับเราไปได้อีกกี่ปี ถ้าเทียบกับประเทศเวียดนามแล้วสิ่งหนึ่งที่ได้เปรียบไทยมากคือ มีประชากรที่เต็มไปด้วยหนุ่มสาวซึ่งเป็นวัยแรงงานที่แข็งแรง นอกจากนี้ความเจริญในด้านอื่นๆ ของเวียดนามที่มีทั้งรถไฟฟ้าลอยฟ้า (Sky Train) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (Sub Way) ที่กำลังก่อสร้างกันอย่างขยันขันแข็ง รวมถึงสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนก็กำลังสร้างใกล้จะสำเร็จแล้ว และก็อีกไม่นาน “การเจริญเติบโตของประเทศไทยเรา อาจจะถูกทิ้งแบบไม่เห็นฝุ่นจากเวียดนาม”

.

          เมื่อเร็วๆ นี้ มีโอกาสได้รับเชิญให้ไปศึกษาดูงานจากบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศเวียดนาม ซึ่งมียอดขายประมาณพันกว่าล้านบาท และติดอันดับต้นๆ ของประเทศ พร้อมกับเดินทางไปชมสวนส้มต่างจังหวัด ห่างจากเมืองฮานอยประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งมีการบริหารจัดการได้ค่อนข้างดี ทำในรูปแบบที่ปลอดภัยไร้สารพิษ และเป็นที่นิยมไปอย่างแพร่หลาย เหมือนในประเทศไทยเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขาจะปลูกค่อนข้างชิดกันไปหน่อย แต่ฟอร์มของต้น การตั้งลำแข้งของลำต้นและทรงพุ่มทำได้ค่อนข้างดี ไม่มีกิ่งฉีกแขนงจากพื้นดินขึ้นมา การดูแลบำรุงดินก็ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก และควบคุมรสชาติอย่างเข้าอกเข้าใจ จากระยะเวลาเพียง 2 วันที่ทีมงานของบริษัทฯ ได้สรุปภาพรวมเศรษฐกิจภาคเกษตรให้ฟัง ทำให้ได้ซึมซับแนวคิดของคนเวียดนามพอสมควร ว่าทำไมเวียดนามจึงส่งออกข้าวแข่งกับไทยได้อย่างสูสี และบางปีก็แซงเป็นแชมป์ส่งออกข้าวเหนือไทยเราได้อย่างง่ายดาย น่าห่วงเหมือนกันว่าทั้งส้ม ลำไย ทุเรียน ถ้าเวียดนามสามารถพัฒนาได้ดีกว่าไทย เราอาจจะเสียโอกาสในการส่งออกไปยังประเทศจีนก็เป็นได้ เนื่องจากเวียดนามกับจีนนั้นมีพรมแดนประชิดติดกัน ทำให้สะดวกและได้เปรียบในเรื่องการขนส่งกว่าหลายเท่า

.

          พูดถึงแนวทางการพัฒนาประเทศภาคการเกษตรของเวียดนาม ก็มีส่วนคล้ายและใกล้เคียงกับประเทศเรามาก มีการกำหนดทิศทางหรือโรดแมปอย่างชัดเจนว่าภายในระยะเวลาอันสั้น เวียดนามจะต้องเลิกใช้สารพิษในภาคการเกษตรให้ได้ ในบ้านเราเองก็กำลังต่อสู้เช่นกัน จากข่าวที่หัวเรือใหญ่เรื่องปลอดสารพิษอย่าง "อาจารย์ยักษ์" วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศท้ารบสารเคมีอันตรายทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส ไกลโฟเสต ด้วยจุดยืนที่หนักแน่น!! “ไม่มีคำว่าลด ต้องเลิกใช้เท่านั้น และต้องเลิกทันที” แต่สุดท้ายก็ ตามสูตรทดเวลา...ที่ต้องยื้อออกไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าอันตรายร้ายแรงสักแค่ไหน ทำให้ต้องรอลุ้นว่าระหว่างไทยกับเวียดนาม ใครจะประกาศชัยชนะเรื่องนี้ก่อน

.

          ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ก็แค่อยากให้ประชาชนคนไทยโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรควรให้ความสำคัญกับอาชีพและพัฒนาให้เกิดมูลค่าเพิ่ม สร้างความแตกต่างให้กับสินค้าภาคการเกษตรของเรา โดยการตั้งใจทำเกษตรกรรมในรูปแบบที่ปลอดภัยไร้สารพิษ ให้มีความชำนาญยิ่งๆ ขึ้น มิฉะนั้นเราอาจตามพี่น้องเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา พม่า ลาว และโดยเฉพาะเวียดนาม ได้ไม่ทันการณ์

 

สนับสนุนบทความโดย มนตรี บุญจรัส

กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด   

[อ่าน 988]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอสซีจี ขนกองทัพนวัตกรรมจาก 10 แบรนด์ชั้นนำ ร่วมงานสถาปนิก 67
“โยเกิร์ต - ณัฐฐชาช์ บุญประชม” อวดแฟชั่นจากแบรนด์ MISTY MYNX คอลเลกชั่นล่าสุด
เอไอเอ ประเทศไทย มอบรางวัลเกียรติยศแก่สุดยอดตัวแทน “ที่สุดแห่งปี” AIA Annual Agency Awards Presentation 2023
Coach เปิดตัว The Coach Tabby Shop ลาน PARC PARAGON
พานาโซนิค บิวตี้ ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ “Panasonic nanocare EH-NA0J” เจาะตลาดไฮเอ็นด์
SCG แถลงผลประกอบการไตรมาสแรก มุ่งเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด รุกธุรกิจที่เติบโตสูง
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved