แสนสิริ สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งแม้ทำ CSR ก็ยังสร้างความฮือฮาได้จากการเปิดตัวโครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” พร้อมออกหุ้นกู้ระดมทุน 100 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในเอเชีย สนับสนุนกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ตอกย้ำเจตนารมย์การให้ความสำคัญเด็กอย่างยั่งยืนตลอดระยะเวลา 10 ปี ด้วยการปั้น “ราชบุรีโมเดล” เป็นจังหวัดต้นแบบให้เด็กหลุดระบบการศึกษาเป็น “ศูนย์” ใน 3 ปี สร้างแรงกระเพื่อมรวมพลังคนไทยเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย
หุ้นกู้ของแสนสิริครั้งนี้ดีเดย์เปิดจองวันที่ 15 ก.พ.นี้ เวลา 8.30 น. ผ่าน SCB Easy App เท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ การเป็นอะไรที่มากกว่าการลงทุน เพราะไม่เพียงจะได้ลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนการลงทุน 3.2% ต่อปีแล้วยังรับดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ที่เหนือกว่านั้น นั่นคือการลงทุนในอนาคตเด็ก เพื่อให้เด็กได้เข้าสู่ระบบการศึกษา ไม่มีใครหลุดจากระบบการศึกษาและโดนทิ้งไว้ข้างหลัง พร้อมผนึกกำลังกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อร่วมกันผลักดันโครงการนี้ สร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ผ่านบัญชี Escrow Account ของธนาคารไทยพาณิชย์ ในชื่อ “บมจ.แสนสิริ เพื่อสนับสนุนโครงการร่วมกับ กสศ.”
เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ เผยว่า จากแนวคิดการดำเนินธุรกิจของแสนสิริที่มีเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือสังคม คนตัวใหญ่ต้องช่วยคนตัวเล็ก และให้ความสำคัญในเรื่องลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม รวมถึงเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือเด็กอย่างยั่งยืน จนได้รับเกียรติเป็นพันธมิตรที่ลงนามกับองค์การยูนิเซฟในการสร้างความเปลี่ยนแปลงสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของเด็กต่อเนื่องในตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อคุ้มครอง ปกป้องสิทธิ และพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กมากกว่า 17 โครงการ อาทิ แคมเปญ Iodine Please ผลักดันการแก้ปัญหาภาวะขาดสารไอโอดีนในเด็ก ซึ่งเป็นปัญหาระดับประเทศมานานกว่า 50 ปีได้สำเร็จ, โครงการ Best Start หกปีแรกของชีวิต คือ หกปีทองของเด็กที่ต่อยอดสู่โครงการ The Good Space หรือ 'พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก' ที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างของแสนสิริ รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่มุ่งเน้นในด้านการพัฒนาความเป็นอยู่ สร้างความตระหนักในด้านสิทธิเด็กและเยาวชนในประเทศไทย ทั้งในด้านสุขภาพ การศึกษา และกีฬา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลืออย่างไร้พรมแดนต่อเด็กในประเทศไทยและเด็กทั่วโลก
ในปี2565 นี้ แสนสิริมีพันธกิจใหญ่ โดยมีเป้าหมายสนับสนุน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฎิรูปการศึกษา ภายใต้วิสัยทัศน์และเป้าหมายเดียวกันเพื่อสร้างความเสมอภาคและลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ด้วยการประกาศพันธกิจในโครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” วางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยอย่างยั่งยืน ระยะยาว 3 ปี โดยแสนสิริเตรียมออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุน 100 ล้านบาท สำหรับใช้ในโครงการ Zero Dropout ครั้งแรกในเอเชีย! นำร่องที่จังหวัดราชบุรี ที่มีเด็กเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาอยู่ราว 1 หมื่นคน ซึ่งเหมาะสมกับจำนวนเงินระดมทุน 100 ล้านบาท อีกทั้งยังมีปัญหาที่หลากหลายด้านความเหลื่อมล้ำในการศึกษาจากภูมิศาสตร์จังหวัดติดชายแดน ที่มีสภาพทั้งแบบชุมชนและเมือง ขณะที่ยังเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ ทำให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมช่วยเหลือเด็กได้โดยง่าย
ที่สำคัญ แสนสิริไม่มีการพัฒนาโครงการและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้มีความโปร่งใส นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบได้ ผ่านบัญชี Escrow Account ของธนาคารไทยพาณิชย์ ในชื่อ “บมจ.แสนสิริ เพื่อสนับสนุนโครงการร่วมกับ กสศ.” ซึ่ง กสศ. จะมีการจัดทำแผนรายปี และเบิกค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการ Zero Dropout ไม่เกินปีละ 3 ครั้ง
เศรษฐา กล่าวว่า "โครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” ตั้งเป้าให้เด็กต้องอยู่ในระบบการศึกษาในช่วงวัยภาคบังคับ (ป.1-ม.3) และเด็กที่ถึงเกณฑ์ ต้องพร้อมเข้าเรียน ป.1 ได้ 100% โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2565 นำร่องใน 3 อำเภอ ได้แก่ สวนผึ้ง จอมบึง และบ้านคา จากนั้นในปี 2566 จะขยายไปอีก 4 อำเภอ และในปี 2567 อีก 3 อำเภอ เพื่อช่วยเหลือทั้งเด็กปฐมวัย และเด็กนอกระบบกว่า 11,200 คนที่เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาในจังหวัดราชบุรีให้เป็น 'ศูนย์' รวมทั้งสนับสนุนทุนทรัพย์ให้เด็กได้เตรียมความพร้อมก่อนเข้าระบบการศึกษา (อัตรา 4,000 บาท/คน) จากนั้นจึงส่งต่อสู่กลไกของจังหวัดสานต่อการทำงานในระดับพื้นที่ตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป"
หุ้นกู้แสนสิริที่จะเสนอขายในครั้งนี้มีมูลค่าเสนอขายไม่เกิน 100 ล้านบาท อายุ 3 ปี อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ BBB+ เพื่อนำไปบริจาคให้แก่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ภายใต้โครงการ Zero Dropout กำหนดการลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท ให้คนไทยสามารถร่วมสร้างประวัติศาสตร์ เพื่อเปลี่ยนระบบการศึกษาไทยให้เด็กหลุดระบบการศึกษาเป็น 'ศูนย์' ไปด้วยกัน โดยจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน 3.20% ต่อปี รับดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้
โดยเงิน 100 ล้านบาท จากการระดมทุนจะบริจาคให้ กสศ. ทั้งหมด เพื่อปั้น 'ราชบุรีโมเดล' เป็นเมืองต้นแบบให้เด็กใน จ.ราชบุรี หลุดจากระบบการศึกษาเป็น 'ศูนย์' ภายใน 3 ปีให้ได้ กำหนดเปิดจองซื้อ วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 8.30 น. ผ่าน SCB Easy App เท่านั้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของโครงการ Zero Dropout https://blog.sansiri.com/zero-dropout-main/ หรือโทร 1685.
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า กสศ. เป็น “กลไกเหนี่ยวนำความร่วมมือ” ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการช่วยลดปัญหาความเหลื่อมลํ้าทางการศึกษาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลโดย กสศ. พบว่า สถานการณ์เด็กหลุดจากระบบการศึกษาทั่วประเทศในปัจจุบันถึง 1.9 ล้านคน จากหนึ่งในสาเหตุหลัก คือ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังเกตได้จากรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของนักเรียนยากจนพิเศษลดต่ำลงมากจาก 1,289 บาทช่วงก่อนโควิด มาเป็น 1,094 บาท/ครัวเรือนเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าน้อยมาก ทำให้นักเรียนยากจนและยากจนพิเศษมีแนวโน้มสูงขึ้นในทุกเทอมจาก 994,428 คนเมื่อปี 2563 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,244,591 คนในภาคเรียนที่ 1 ปี 2564 และเมื่อลงลึกเรื่องตัวเลข ยังพบว่า นักเรียนที่ไม่เรียนต่อ หรือนักเรียนยากจนพิเศษ หลุดจากการศึกษาสูงถึง 43,060 คน จาก 54,842 คน หรือ 4.67% โดยหลุดจากระบบการศึกษาสูงสุดในชั้น ม.3/ ป.6/ และชั้นอนุบาล ตามลำดับ"
ทั้งนี้ เหตุผลหลักที่เด็กหลุดจากระบบการศึกษาไทยเกิดจากอุปสรรคที่ทำให้เด็กไม่ได้ไปโรงเรียน อาทิ ต้องทำงานช่วยเหลือครอบครัว,ขาดแคลนของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันและอุปกรณ์การเรียน, ไม่มีค่าเดินทาง, ไม่มีค่าอาหาร และบ้านห่างไกล ทุรกันดาร ขณะที่เหตุผลของการหลุดจากการศึกษาของเด็กยากจนพิเศษในสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 อันดับหนึ่ง คือ รายได้ของครอบครัวลดลงถึง 87.81% อันดับสอง คือ ต้องแบกรับภาระอื่นและแบ่งเบาภาระทงเศรษฐกิจแก่ญาติพี่น้อง 38.33% และต่อมา คือ พ่อแม่ ผู้ปกครองตกงานและถูกพักงานชั่วคราว และจากการวิเคราะห์ข้อมูลของนักเรียนทุนเสมอภาคในพื้นที่ 29 จังหวัดที่ประสบปัญหาในการเรียนช่วงโควิด พบว่ามีนักเรียนที่เจอปัญหาในการเรียนออนไลน์ถึง 271,888 คน ทั้งจากการที่ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีอินเทอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งไม่มีไฟฟ้า โดยความช่วยเหลือที่นักเรียนและผู้ปกครองต้องการได้รับ 3 อันดับแรก ได้แก่ ค่าครองชีพและของจำเป็น 71.45% รองลงมาเป็นอาหารเช้า/อาหารกลางวัน 35.28% และค่าเดินทาง 28.79%
ที่สำคัญที่สุด ยังพบว่า เด็กเยาวชนจากครัวเรือนยากจน และยากจนพิเศษ ส่วนใหญ่หลุดออกจากระบบการศึกษา ก่อนที่จะมีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาหรือมัธยมศึกษาตอนปลาย/เทียบเท่า โดยไม่ได้เข้าเรียนปริญญาตรีสูงถึง 94.7%
“กสศ. มีความยินดีที่แสนสิริเล็งเห็นถึงความสำคัญและเข้ามาช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ทั้งแผนการสนับสนุนเงินทุนเพื่อช่วยผลักดันโครงการที่ กสศ. และ หน่วยงานภาคีทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น และเอกชนในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ร่วมกันสนับสนุนมาตรการทั้งต่อตัวเด็กเยาวชนและสถานศึกษาโดยตรง และมาตรการการส่งเสริมการรับรู้เรื่องปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนด้วยกลไกการจัดการเชิงพื้นที่ (Area-based Education: ABE) นับเป็นนวัตกรรมความร่วมมือที่จะก่อให้เกิดผลกระทบเชิงระบบและการแก้ปัญหายั่งยืน จะเป็นตัวแบบของประเทศสามารถต่อยอดขยายผลได้ในอนาคต
ที่สำคัญ คือ การสร้างช่องทางให้ทุกคนสามารถเป็นหนึ่งในการช่วยเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยให้เยาวชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเสมอภาคสำหรับราชบุรี เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีต้นทุนการทำงานปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาร่วมกับกสศ.มีฝ่ายนโยบายที่ให้ความสำคัญมีตัวแบบสถานศึกษา หน่วยจัดการศึกษาทางเลือก บุคลากร อาสาสมัคร ที่สามารถขยายผลการทำงานได้ทันที” ดร.ไกรยส กล่าว
#SANSIRI #ZeroDropout