‘สิงห์ เอสเตท’ เติมพอร์ตบ้านลักชัวรี ตั้งเป้ารายได้เพิ่ม พร้อมเตรียมขายสินทรัพย์เข้ากอง SPRIME เสริมแกร่งธุรกิจ
28 Feb 2022

 

บริษัท สิงห์ เอสเตท โชว์รายได้รวมปี 2564 แตะ 7,739 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายระลอกที่ยังคงกดดันการประกอบการในหลายธุรกิจ ทว่า สิงห์ เอสเตท ตระหนักถึงโอกาสในการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ และเสริมฐานรากที่แข็งแกร่งด้านการดำรงพอร์ตธุรกิจภายใต้หลักการกระจายความเสี่ยง ส่งผลให้รายได้รวมเติบโตต่อเนื่องติดกัน 4 ไตรมาส และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า รวมทั้งพลิกกลับมาสร้างกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 ของปี

 

การเพิ่มขึ้นของรายได้รวมมีสาเหตุหลักจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของกลุ่มธุรกิจโรงแรม ซึ่งรายงานรายได้จากการขายและให้บริการที่ 4,512 ล้านบาท เติบโตขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปีก่อนหน้า สะท้อนผลงานความสำเร็จชิ้นสำคัญจากกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่เน้นกระจายความเสี่ยงด้วยการเข้าลงทุนในโรงแรมหลากหลายภูมิภาค เพื่อให้เกิดพอร์ตโรงแรมที่มีความสมดุลทั้งในเชิงภูมิศาสตร์และฤดูกาลท่องเที่ยวมากที่สุด โดยกว่า 90% ของรายได้รวมทั้งหมดในปี 2564 มาจากพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักรที่บริษัทปรับพอร์ทโฟลิโอซื้อเข้ามาในช่วงต้นปี 2564

 

โดยกลุ่มโรงแรมดังกล่าวฟื้นตัว อย่างแข็งแกร่งจากอุปสงค์การท่องเที่ยว ภายในประเทศจากความก้าวหน้าในการกระจายวัคซีนให้ประชากร ผนวกกับผลประกอบการที่ดีของโรงแรม ในโครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ที่สามารถดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลายได้จากทุกมุมโลก โดยโครงการ CROSSROADS ในไตรมาส 4 มีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) สูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการมา ยืนยันสัญญาณบวกต่อรายได้ในอนาคตที่จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เมื่อทุกประเทศเริ่มสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้เป็นปกติ

 

 

ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า

ผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจ เป็นผลมาจากการที่ สิงห์ เอสเตท ไม่หยุดที่จะปรับโมเดลธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ต ตลอดจนเสริมความแตกต่างและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของเรา พร้อมเดินหน้าควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2564 นี้ เราสามารถสร้างกำไร EBITDA ที่ 1,562 ล้านบาท เติบโตขึ้น 213% พร้อมกับไตรมาส 4 ของปี บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 2,029 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

 

สำหรับธุรกิจที่พักอาศัย เพื่อต่อยอดความสำเร็จจาก “โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” เราจะเดินหน้ารุกตลาดแนวราบ โดยโครงการที่จะทยอยเปิดตัวในอนาคตจะครอบคลุมระดับราคาที่กว้างขึ้น ซึ่งมีราคาต่อหน่วยประมาณ 20 - 100 ล้านบาท เพื่อขยายศักยภาพของแบรนด์ (Leverage Brand Equity) แต่เรายังคงมุ่งเน้นตลาดระดับบน ซึ่งเป็น segment ที่บริษัทมีความชำนาญและมีฐาน loyalty ของลูกค้าอยู่แล้ว โดยในปี 2565 บริษัทวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ราคาประมาณ 50 - 100 ล้านบาท ย่านซอยพัฒนาการ 32 ภายในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมตั้งเป้าลุยซื้อที่ดินในทำเลศักยภาพอีกจำนวน 4 แห่งภายในปี 2565

 

ท่ามกลางความท้าทายของธุรกิจอาคารสำนักงาน แต่ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้ง การบริหารจัดการพอร์ตลูกค้าให้สมดุลอย่างสม่ำเสมอ การปรับปรุงทรัพย์สินให้ทันสมัย ตลอดจนการนำเสนอโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้เช่าที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมาเราสามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยโดยรวมได้ที่ระดับ 87% และในไตรมาส 2 ปี 2565 นี้ สิงห์ เอสเตท เตรียมเปิดตัว ‘เอส โอเอซิส’ อาคารสำนักงานไฮบริดแห่งอนาคต ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงสุด ตอบโจทย์วัฒนธรรมการทำงานยุคใหม่ ด้วยจำนวนพื้นที่ราว 54,000 ตารางเมตร ซึ่งจะเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ แห่งแรกบนถนนวิภาวดีรังสิต ทำเลแห่งอนาคตของกรุงเทพตอนเหนือ

 

นอกจากนั้น บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการนำอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกของบริษัทฯ 3 อาคาร ได้แก่ อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ อาคารเมโทรโพลิส และพื้นที่ค้าปลีกในอาคารซันทาวเวอร์ส ด้วยพื้นที่ให้เช่ารวมกว่า 64,000 ตารางเมตร ให้เช่าระยะยาวแก่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (SPRIME) ที่มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6,450 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์บริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ที่จะมีการ Recycle capital สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างความแข็งแกร่งให้ SPRIME เป็นหนึ่งในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอาคารสำนักงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

 

 

ปีนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับธุรกิจของ สิงห์ เอสเตท ทั้งการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้น พร้อมฉกฉวยโอกาสของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในวิถีใหม่ ตลอดจนเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่จะมาต่อยอดและเสริมความแตกต่างที่ดีที่สุด (Unique Selling Points)ให้กับธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ สิงห์ เอสเตท ก้าวไปเป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าของประเทศไทยที่ผนึกกำลังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโตขึ้นเท่าตัวในปี 2565 นี้ - ฐิติมา กล่าว

[อ่าน 2,819]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอสซีจี สะท้อนความมุ่งมั่นบนเส้นทาง Net Zero ผ่านเด็ก “ฮีโร่”
EGCO Group ประกาศบริษัทร่วมทุน “CDI Group” ขาย IPO และจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินโดนีเซีย
บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน เปิดภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ โดดเด่นด้วย “พอยท์แบบใหม่ ให้ได้มากกว่า”
AIS เสริมเครือข่ายจัดเต็ม งานประเพณีแห่เทียน อุบล-โคราช พร้อมสิทธิพิเศษตลอดเทศกาล
เมืองไทยสไมล์คลับ จัดกิจกรรม “เมืองไทย Smile Trip : เที่ยว กิน ฟิน มู @นครศรีธรรมราช”
ออริจิ้น โชว์ฟอร์มยอดขาย 6 เดือน ทะลุกว่า 14,000 ล้านบาท
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved