‘ซินดี้’ ธนิดา เกลอแก้ว Branding Gateway for Any Brand
09 May 2022

 

จากพื้นที่คอลัมน์ See-True Branding ที่ MarketPlus ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ‘ซินดี้’ ธนิดา เกลอแก้ว นักยุทธศาสตร์แบรนด์ แห่ง ‘ศิตา เอเจนซี่’ มาครบรอบปีนั้น ในวาระปีที่ 2 ของพื้นที่แห่งนี้ ‘ซินดี้’ ได้แบ่งปันมุมมองและประสบการณ์มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งทำหน้าที่ ‘ปลดล็อก’ ปมความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ที่เธอเองก็พบว่า

ยังมีผู้ประกอบการไทยอีกเป็นจำนวนมหาศาลที่ยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ และ กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ตลอดจนการมองเห็นความแข็งแรงทางธุรกิจอย่างยั่งยืนจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และเป็นที่มาของการเปิดตัว โครงการ ศิตา พาดูแบรนด์ ครั้งที่ 1’ โครงการคืนกำไรสู่สังคม จากการเชิญชวนผู้ประกอบการแบรนด์ต่างๆ ให้ส่งโครงการของตนเองเข้ามา และผู้ที่ได้รับการคัดเลือก 3 แบรนด์จะได้รับการติวเข้มภายใน 3 เดือน เพื่อสร้างนักรบทางเศรษฐกิจให้กับสังคมไทย ด้วยปณิธานที่ต้องการปักหมุดเป็น Branding Gateway for Any Brand  

 

‘ศิตา เอเจนซี่’ ค้นพบอะไร จากการสื่อสารผ่านคอลัมน์ See-True Branding  

จริงๆ ต้องบอกว่า การทำงานร่วมกับนิตยสาร Market Plus ก็ทำให้เรามีโอกาสได้ส่งต่อองค์ความรู้ทางด้านการสร้างแบรนด์ อีกทั้งทำให้เราได้รีเช็คและค้นพบว่า ยังมีอีกผู้ประกอบการอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่เข้าใจเรื่องการสร้างแบรนด์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการเด็กยุคใหม่ ‘อายุน้อยร้อยล้าน’ ที่ยังเข้าใจว่า การทำการตลาดที่ประสบความสำเร็จ คือ การตลาดทำตลาดบนโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว ซึ่งถามว่าจริงมั๊ย จริงค่ะ!!! แต่มันจริงครึ่งเดียว เพราะสิ่งที่พวกเขารู้ไม่หมด คือ เบื้องหลังของความสำเร็จโดยเฉพาะแบรนด์ที่เค้าติดลมบนเป็นระดับตำนานไปแล้ว เค้ามีการดำเนินกระบวนการต่างๆ คู่ขนานไปด้วย ซึ่งอาจจะทำด้วยความรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่นั่นเรียกว่า ‘กระบวนการสร้างแบรนด์’

เมื่อหลายปีก่อน SME หลายรายที่ทำธุรกิจ ล้มบ้าง ลุกบ้าง ถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่หลายครั้งหลายรายก็ไม่รู้ว่า ความผิดพลาดเหล่านี้มาจากกระบวนการใดกันบ้าง จึงเป็นที่น่าเสียดายว่า สินค้าหลายตัวที่มีคุณภาพดีต้องล้มหายตายจากไป ซึ่งแม้จะเป็นจุดเล็กๆ เพียงนิดเดียว แต่กลับลุกลามเป็นจุดใหญ่ และส่งผลให้ความสำเร็จนั้นๆ สูญหายไปเลย สาเหตุมาจากแบรนด์ไม่แข็งแรงพอ ทำให้คนจำไม่ได้ ทั้งนี้ ต้องยอมรับความจริงที่ว่า ในการซื้อแต่ละครั้งผู้ซื้อจะเลือกแค่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเท่านั้น คงไม่มีใครซื้อสินค้าประเภทเดียวกัน ครั้งเดียวกัน หลายๆ แบรนด์.....

ดังนั้น เราจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ลูกค้าจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าแบรนด์ของเราให้ได้ นั่นก็คือ การสร้างแบรนด์ของเราให้แข็งแรง สร้างภาพการจดจำ สร้างความประทับใจ แต่ว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราคือสิ่งที่ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากไม่รู้

 

ความรู้เรื่องแบรนด์ของลูกค้าเป็นอย่างไร ถือว่ามีหรือไม่มีพื้นฐานมาก่อน

สำหรับลูกค้าของ ‘ศิตา เอเจนซี่’ มีทั้งมีความรู้เรื่องการสร้างแบรนด์ กับกลุ่มที่มีความรู้เป็นศูนย์ แต่คิดว่าเราช่วยได้ เพราะพื้นฐานของเราเป็น BRAND BUILDER AGENCY แต่ในการทำงานเราก็ต้องหาปัญหาของลูกค้าก่อนว่าเกิดจากอะไรซึ่งส่วนมากคำตอบที่ได้ก็จะมาจากพื้นฐานปัญหาเรื่องแบรนด์ เนื่องจากแบรนด์เป็นภาพใหญ่ที่ห่อหุ้มตัวสินค้า/บริการ/ธุรกิจ หรือแม้จะเป็นตัวบุคคลก็ต้องการสร้างแบรนด์  

ทั้งนี้ในการดูแลลูกค้าเราวิเคราะห์กันตั้งแต่สินค้าราคาเท่าไรควบคุมต้นทุนการผลิตได้หรือไม่ เพราะราคาขายเป็นตัวชี้วัดระดับตลาด และกลุ่มลูกค้าของพวกเค้า ซึ่ง จะสะท้อนออกมา เท่ากับรูปแบบการสื่อสารแบรนด์ ถ้าราคาสูงเกินไปกว่าความเป็นจริงในตลาดก็ทำตลาดได้ยากเหมือนกัน และดูว่าโปรโมชั่นที่เค้าทำ มันล้อไปกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ และสุดท้ายก็กลับไปมองตรงที่ว่า สินค้านั้นเป็นโซลูชั่นหรือเป็นที่หมายอันดับหนึ่งในใจลูกค้าหรือไม่ และถ้าจะทำให้เค้าเป็นอันดับหนึ่ง จะต้องทำอย่างไร ?

 

ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี สิ่งที่ลูกค้าอยากได้มากที่สุด คือ อะไร

‘ยอดขาย กับ กำลังใจ’ ส่วนใหญ่อยากได้ยอดขาย เพราะต้องการเอาเงินมาหมุนในธุรกิจ แต่ในการปฏิบัติการจริง ระหว่างที่ทำยอดขายเราก็ต้อง Make Connection หรือสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย แล้วยิ่งในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ผู้ประกอบการต่อให้มีเงินมหาศาลก็อดจะจิตตกไม่ได้ บางทีต้องทำหน้าที่ Life Coach  ช่วยแนะแนวทาง เป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าได้เห็นถึงโอกาส เห็นวิธีการแก้ปัญหา และกล้าที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายของตนเองด้วย

 

แล้วอะไรคือคำถามยอดฮิตนับแต่ให้บริการลูกค้ามา

‘พี่ว่า มันเวิร์คมั้ย?’ (หัวเราะ) ลูกค้าทุกรายถามแบบนี้กันหมด และเราต้องบอกว่า จะเวิร์คหรือไม่นั้นก็คือ เราทำดีที่สุด ​ณ สถานการณ์นั้นๆ แล้ว เพราะตอนนี้มันเป็นพายุทางเศรษฐกิจที่เราต้องแข่งขันกับคนอื่นๆ ซึ่งถ้าเราไม่ทำอะไรเลยเราจะยิ่งแย่ แต่ถ้าสร้างแบรนด์หรือทำการตลาดแล้ว ลอง ‘เขย่า’แล้ว มันไม่ได้กินเนื้อเราเข้าไป อย่างน้อยเราก็ได้การรับรู้ ตระหนักรู้จากลูกค้า และคนทั่วไป เชื่อว่าถ้าวันนี้ลูกค้ายังไม่รักเรา แต่ถ้าเราไม่ย่อท้อที่จะสื่อสารแบรนด์ของเราออกไปอย่างต่อเนื่อง...พรุ่งนี้ มะรืนนี้ เชื่อเถอะ!!! วันหนึ่งลูกค้าต้องตกหลุมรักเรา (หัวเราะ) หันมาซื้อของเรา

 

 

ในยุคที่ ‘รัดเข็มขัด’ จนผู้บริโภคอาจนึกถึงเรื่องแบรนด์ทีหลังด้วยซ้ำ เราจะแนะนำอะไรกับผู้ประกอบการ

ในภาพรวมต้องบอกว่า จริงๆ กำลังซื้อไม่ได้ลดลงไปหมดนะ ขึ้นอยู่กับว่า สินค้าของเราอยู่กลุ่มไหน เพราะตอนนี้เรายังเห็นสินค้าแบรนด์หรูยังมีคนต่อคิวซื้อของกันมากมาย นั่นแปลว่า กลุ่มคนไฮเอนด์ไม่ได้กระทบ ใครบอกว่า คลินิกความงามและดูแลเรือนร่างกลุ่มนี้ปิดกันระนาว แต่ลูกค้าของศิตาฯ ที่เป็นกลุ่มสถานเสริมความงาม ยังคงเปิดคลินิกฯ กันอย่างต่อเนื่อง

แต่สำหรับกลุ่มที่เจาะค้าปลีกเล็กๆ อาจต้องมาช่วยกันหลายเรื่อง นั่นคือการกลับมาที่การสร้างแบรนด์ว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้คนสนใจแล้วคลิก คนอยากซื้อแล้วคลิก ซึ่งตอนนี้เราก็ได้เห็นกลยุทธ์การรีวิว ไลฟ์สดขายของ ‘ใส่พลัง’ กันมากมาย ทว่า ตรงนี้ก็ถือเป็นตลาด Red Ocean แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะต้องดูให้ลึกว่า สินค้าที่จะขายมีความแปลกหรือเปล่า ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนยุคนี้หรือไม่ แต่ที่เหนือกว่านั้นคือ ‘จำเป็นต้องมีหรือเปล่า’ เช่น ก่อนหน้านี้พ่อค้าแม่ค้าเฮโลไปขายผ้าแมสกันอย่างถล่มทลาย แต่ท่ามกลางช่วงฝุ่นตลบนั้นมีบางคนมองเห็นช่องว่างทางการตลาด นำสเปรย์ฉีดทำความสะอาดแมสก์ระหว่างวันออกมาขาย ซึ่งถือเป็นสินค้าที่พัฒนาเพื่อให้เป็น A-Must ของผู้คนวันนี้ เห็นมั๊ยคะว่าการคิดให้ต่าง คือหนึ่งในทางรอดของตลาดที่ดุเดือดอย่างในตอนนี้ และเป็นวิธีที่ดีกว่าการจ้องแต่จะลดราคาตัดราคาคู่แข่งเสียอีก

อีกตัวอย่างเช่น สินค้าสครัปท์หน้า เพื่อลดรอยฝ้าที่เจ้าของแบรนด์บอกตั้งใจทำแบรนด์ขายทั่วประเทศ แต่เมื่อมาวิเคราะห์กันก็พบว่า รูปลักษณ์ไม่น่าใช้ ดูเป็นสินค้าที่ขายตลาดนัด และราคาสูง แต่ภาพลักษณ์ยังไม่ได้ ‘ดูไม่แพง’ ตามราคาขาย ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ วัสดุ สีสัน ฯลฯ แล้วราคาสินค้าอยู่ที่หลักร้อยแล้วจะสู้สินค้าสครัปท์หลักไม่ถึงร้อยได้อย่างไร นี่คือจุดอ่อนของสินค้า

แล้วถ้าควบคุมต้นทุนการผลิตไม่ได้ เพราะผลิตน้อย จะทำอย่างไร ทางออกที่เราจะแนะนำคือ เปลี่ยนรูปลักษณ์ แพคเกจจิ้ง ลดขนาดบรรจุให้เล็กลง หรือใช้เป็นขนาดพกพา ราคาก็ถูกลง คนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น แต่หากยังเสียดายของไม่อยากลงทุนในแนวนั้น ก็แนะนำให้ผลิตสินค้าอีกตัวขึ้นมาใหม่เลย ถ้ากรณีมีทุนนะ แล้วนำสินค้าตัวนี้ไปจัดโปรโมชั่น เพื่อให้เกิดการทดลองใช้ หากมั่นใจกับคุณภาพสินค้าว่าดีจริงๆ หรืออาจทำการตลาดควบไปกับคู่ค้า เช่น จากปกติที่เคยส่งสินค้าให้สปาเดือนละครั้ง เป็นการจับมือเพื่อทำการตลาดกับสปาด้วย ‘คอร์สนางฟ้า’ บริการนวดหน้าใส ซึ่งก็จะทำให้ร้านสปาสามารถขายคอร์สต่อได้ และเราก็สามารถสอนนวดหน้าให้กับพนักงานร้านสปาที่เป็นคู่ค้าได้กลายเป็นอาชีพได้ด้วย ประเด็นคือ การคิดกลยุทธ์ เราต้องคิดให้ ‘ล้ำกว่า ได้มากกว่า  บริหารต้นทุนได้ดีขึ้น’  

 

ศิตา เอเจนซี่ มองกลยุทธ์แบบ 360 องศา นี่จึงเป็นที่มาของการทำโครงการ ‘ศิตา พาดูแบรนด์ ครั้งที่ 1’ หรือเปล่า

แบรนด์ใหญ่ๆ เราก็ต้องทำงานอีกแบบหนึ่ง และทำในระดับหนึ่ง ซึ่งเราก็มีลูกค้าใหญ่ๆ นะ เดี๋ยวมีโอกาสจะหยิบมาเล่าให้ฟัง แต่ที่เราชอบจุดนี้ เพราะเราอยากอยู่ในจุดที่มีคุณค่าและสง่างาม เราต้องการสานฝันให้กับคนที่มีไฟ มีความตั้งใจ แต่ขาดการชี้ช่องทางที่ถูกต้องเหมาะสมให้ ดังนั้นเราจึงเปิดโอกาสให้แบรนด์ต่างๆ ส่งโครงการของตนเองเข้ามา  แล้วเมื่อผ่านการพิจารณาเหลือ 3 แบรนด์ ทางศิตาฯ ก็จะเป็นพี่เลี้ยงให้ 3 เดือนฟรี คิดเป็นมูลค่าถึง 200,000 บาท และเป็นหลักสูตรเร่งรัดที่จะให้องค์ความรู้และคำปรึกษาที่ควรจะได้ทั้งหมด ที่จะไปต่อยอดในการสร้างแบรนด์ของพวกเค้าได้ ถือเป็นการคืนกำไรให้กับสังคมด้วย

 

ตัวอย่างแบรนด์ที่ไว้วางใจเข้าร่วม  โครงการ ศิตา พาดูแบรนด์ ครั้งที่ 1’

 

เนื่องจากโดยส่วนตัวชอบคำพูดของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ระดับตำนานที่ว่า “คุณอย่าคิดว่า คุณรวยคนเดียว คุณเก่งคนเดียว คุณจะรอด ถ้าสังคมไม่รอด คุณก็ไม่รอด”  สิ่งที่เราทำในครั้งนี้ เพราะคิดว่า ’การให้ความรู้’ ถือเป็นอีกหนึ่งการให้ที่ยิ่งใหญ่ SME ที่เข้ามาในโครงการนี้มีราวๆ 50 แบรนด์ ซึ่งจะคัดเลือกให้เหลือ 3 แบรนด์

โดยจะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับโอกาสนี้ทาง FB :  Do Branding By Cindy ในช่วงเดือน พฤษภาคม  2565 เพื่อให้แบรนด์เหล่านี้ ‘ไปต่อ’ ได้ดีขึ้น โดยการให้องค์ความรู้แบบเร่งรัดภายใน 3 เดือนตลอดระยะเวลาที่เราดูแล เพื่อสร้าง ‘นักรบทางเศรษฐกิจ’ ให้กับสังคมไทย ด้วยว่าเรามีปณิธานที่ต้องการปักหมุดเป็น Branding Gateway for Any Brand  

 


ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้...
 '
ศิตา เอเจนซี่'  ยินดีที่จะให้คำปรึกษาในเบื้องต้นฟรี กับผู้ประกอบการที่สนใจอยากสร้างแบรนด์ และอยากไปต่อ 

เพื่อเป็นบริการตอบแทนสังคม


 โดยสามารถติดต่อเข้ามาที่ LINE Official @sitaagency

www.sitaagencythailand.com

facebook : Do Branding By Cindy

Podcast See-True Branding ผ่านแอปพลิเคชั่น Sportify, google และ เว็ปไซด์ SoundCloud.com

Tel...095 291 6199

See-True Branding - MarketPlus Magazine issue 145 

 

          
[อ่าน 4,723]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ด้วยการตลาดแบบยั่งยืน (Sustainability Marketing)
“สะสม” แค่กระแส หรือจงรักภักดี
ฉากทัศน์แห่งความรุ่งเรืองของธุรกิจ Art Toy ในประเทศไทย
The Charming Business of Art Toy
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เสริมแกร่งธุรกิจครอบครัวสู่การเติบโตยั่งยืน
Soft Power เอาจริงหรือ?
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved