ออมสิน จับมือ “บางจาก” และ “ทิพย กรุ๊ป” ร่วมทุนรุกธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก จัดตั้งบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด
09 Jun 2022

 

'ธนาคารออมสิน' ลงนามบันทึกข้อตกลงการทำธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝากระหว่าง 3 องค์กรที่ร่วมทุนกันจัดตั้ง 'บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด' ตั้งเป้าช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนทั่วไป ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนต้นทุนถูกลง และมีเงื่อนไขการกู้ที่เป็นธรรม

โดยมีผู้ร่วมลงนาม คือ วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน, ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

 

 

วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่าจากความตั้งใจเริ่มต้นที่ธนาคารออมสินมุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนด้วยต้นทุนดอกเบี้ยที่ไม่สูงเกินจริง ซึ่งประสบความสำเร็จจากการปล่อยสินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน ที่เปิดให้กู้ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2563 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนที่ขาดสภาพคล่องจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือมีความเสี่ยงสูญเสียที่ดินติดสัญญาขายฝากอย่างไม่เป็นธรรม

โดยผ่อนปรนให้ลูกค้าใช้ที่ดินเป็นหลักประกันการกู้ภายในระยะเวลา 2 ปี สามารถปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการแล้วกว่า 21,000 ล้านบาท จึงเกิดเป็นแนวคิดการจัดตั้งบริษัทเข้าทำธุรกิจแข่งขันในตลาดสินเชื่อที่ดินและขายฝากเพื่อผลักดันให้เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์ ลดโครงสร้างดอกเบี้ยซึ่งสูงเกินความเป็นจริงให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากสินเชื่อที่มีต้นทุนถูกลงและมีเงื่อนไขที่เป็นธรรม

 

บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด จัดตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท โดยการร่วมทุนของ ธนาคารออมสิน ในสัดส่วนหุ้น 49%  กับ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 31% และ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 20% โดยธนาคารออมสินทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อ ประสานพลังความร่วมมือพร้อมให้บริการผ่านจุดบริการของทั้ง 3 ฝ่าย มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนรายย่อย ช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบ และสร้างการแข่งขันที่สมบูรณ์ในตลาดสินเชื่อที่ดินและขายฝาก

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถจัดตั้งบริษัทฯ แล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 เปิดตัวด้วยสินเชื่อที่ดิน อัตราดอกเบี้ย 7-9% ในระยะแรก หลังจากนั้นขยายผลไปทำธุรกิจขายฝากภายในสิ้นปี 2565 ก่อนจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Non-Bank ในปี 2566 เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อบุคคลต่อไป ตั้งเป้าปีแรกสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 10,000 ล้านบาท ด้วยจุดแข็งด้านฐานลูกค้าของธนาคารออมสินจำนวนมาก และมีจุดบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งสาขาของธนาคารออมสิน และทิพย กรุ๊ป รวมถึงจุดให้บริการน้ำมันบางจาก รวมกันกว่า 2,300 แห่งทั่วประเทศ

 

ด้าน ดร. สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH กล่าวว่า

จากแนวทางการดำเนินธุรกิจของทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ที่มุ่งเน้นการลงทุนไปในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่สร้างประโยชน์ต่อสังคม ประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ตลอดจนสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้น ควบคู่กันไปนั้นสอดคล้องกับการที่ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้เข้าร่วมทุนกับธนาคารออมสิน และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อประกอบธุรกิจสินเชื่อที่ดิน และขายฝาก ผ่านบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัดในครั้งนี้

ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มีความเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ประชาชนที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพด้วยดอกเบี้ยที่มีความเป็นธรรม และเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของภาคประชาชนได้  ซึ่งการร่วมลงทุนบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัดในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งครั้งที่ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และบริษัทในเครือ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมไทย ในภาวะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้การร่วมทุนดังกล่าว ยังสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์การลงทุนของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ต้องการขยายการลงทุนไปในธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัยในฐานะธุรกิจหลักของบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์ของธุรกิจในโลกอนาคต เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ถือเป็นนวัตกรรมทางการเงินใหม่สำหรับธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) ที่จะเข้ามาช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

 

ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจาก กล่าวว่า

กลุ่มบางจากให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมเพื่อสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการดูแล และมอบช่วยเหลือในช่วงฟื้นฟูจากผลกระทบของโควิด-19 แก่ผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจในทุกภาคส่วน รวมถึงภาคการเกษตร ที่บางจากได้ร่วมทำธุรกิจผ่านโครงการต่างๆ อาทิ เครือข่ายปั๊มชุมชน และโครงการด้านพลังงานสะอาด โดยมองว่าการร่วมทุนในนวัตกรรมทางการเงินอย่างธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝากผ่านบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัดในครั้งนี้ จะมอบโอกาสใหม่ให้กับสมาชิกสหกรณ์การเกษตร และลูกค้าบางจากในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และต้นทุนสินเชื่อที่เป็นธรรม สำหรับเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินที่จำเป็นต่อการบริโภค หรือการดำเนินธุรกิจ บรรเทาปัญหาภาระหนี้สิน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และประชาชนรายย่อยได้อีกทางหนึ่ง สอดคล้องตามความมุ่งมั่นของกลุ่มบางจาก ที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมมาโดยตลอด

 

[อ่าน 1,156]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้า “โครงการบ้านชื่นสุข” สร้างสุขผู้สูงอายุ ตอกย้ำ “ความกตัญญู”
สิงห์ เอสเตท เดินหน้าปลูกป่า 1 ล้านตารางเมตร มุ่งสู่องค์กรเป็นกลางทางคาร์บอน
เจโทรฯ จัดงาน JAPAN PREMIUM HOTATE ระดมสมองดันยอดส่งออกโฮตาเตะมาไทย
"โคคา-โคล่า" ปล่อย "โค้ก" ซีโร่ ครีเอชั่นส์ K-Wave รสชาติใหม่ ลิมิเต็ดอิดิชั่น
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ พร้อมเปิดให้บริการ 27 กันยายน 2567
ทรู ดึง AI สร้างมูลค่าและขับเคลื่อนภาคธุรกิจไทย
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved