กสิกรไทยรุกแสนล้าน ผสาน DNA ‘ชาเลนเจอร์แบงก์’ พลิกโฉมดิจิทัลขยายโอกาสให้คนไทยใช้ธนาคารได้ ‘ขั้นสุด’
11 Jul 2022

 

ธนาคารกสิกรไทย ประกาศศักดายิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการเดินหน้าเชิงกลยุทธ์มูลค่า 1 แสนล้านบาท มุ่งสร้างและขยายโอกาสให้คนไทยเข้าถึงบริการทางด้านการเงินได้อย่างความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำ (Financial Inclusion) พร้อมโฟกัสทั้งกับเจ้าของธุรกิจรายย่อย หรือผู้ที่มีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเองที่ยังไม่เคยเข้าถึงบริการธนาคารหรืออาจจะเข้าถึงบริการของธนาคารแล้ว แต่ยังได้รับบริการไม่เต็มประสิทธิภาพ พร้อมหลอมรวม DNA ของความเป็น ‘ชาเลนเจอร์แบงก์’ (Challenger Bank) ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว และเริ่มเข้ามาดิสรัปต์ (Disrupt) การเงินการธนาคารให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นธนาคารกสิกรไทยด้วย

 

ทั้งนี้ นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์มูลค่า 1 แสนล้านบาทครั้งนี้ ว่า

“การดำเนินยุทธศาสตร์ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นธนาคารที่มุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี คือ การพลิกโฉมการธนาคารในประเทศไทยให้สามารถช่วยผู้คนให้เข้ามาอยู่ในระบบธนาคาร และให้ได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธนาคาร  ด้วยการปรับการทำงานให้เรียบง่าย รวดเร็ว เพิ่มความสามารถในการประเมินศักยภาพการชำระหนี้ของลูกค้ารายย่อยได้อย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้น เราจะสามารถช่วยคนที่อาจจะยังเข้าไม่ถึงบริการของธนาคารให้สามารถเข้าถึงบริการได้มากขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและธุรกิจของตนเองได้ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนจำนวนมากอยากจะมีกิจการเป็นของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่เราทำจะส่งผลดีกับประเทศด้วย”

 

การลงทุนเพื่อพลิกโฉมทางด้านดิจิทัล ของ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ให้รุดหน้าไปอีกขั้น พร้อมทั้งมุ่งสร้างและขยายโอกาสให้คนไทย และเจ้าของธุรกิจเล็กๆ ที่ยังไม่เคยเข้าถึงบริการธนาคาร หรืออาจจะเข้าถึงบริการของธนาคารแล้ว แต่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงบริการทางด้านการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อร่วมสร้าง ‘นักรบทางเศรษฐกิจ’ ให้กับระบบเศรษฐกิจในระดับมหภาคของประเทศไทย ประกอบด้วย

  • การเร่งลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆ
  • การซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
  • การผนึกกำลังพันธมิตรต่างๆ ในเชิงพาณิชย์
  • การยกระดับองค์กรไปอีกขั้น
  • การนำเทคโนโลยีเพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงบริการธนาคารให้กับประชาชนในสังคมวงกว้างมากขึ้น

 

นางสาวขัตติยา กล่าวถึง จุดแข็งของธนาคารกสิกรไทยที่มีความโดดเด่นในระดับผู้นำของตลาดการเงินการธนาคารว่า

“ทุกวันนี้ เราเป็นธนาคารที่มีจุดแข็งไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว อีกทั้งมีความมั่นคง เชื่อถือได้ และมีความสามารถในการตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มตามแบบฉบับของธนาคารในปัจจุบัน ที่สำคัญ ยุทธศาสตร์ของธนาคารกสิกรไทยที่เรากำลังทำอยู่ในตอนนี้ คือ การหลอมรวมเอาดีเอ็นเอของ ‘ชาเลนเจอร์แบงก์’ (Challenger Bank) ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว และเริ่มเข้ามาดิสรัปต์ (Disrupt) การเงินการธนาคาร ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นธนาคารกสิกรไทยด้วย”

 

ทั้งนี้ ชาเลนเจอร์แบงก์ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เขย่าวงการธนาคารในระดับโลก ซึ่งท้าทายธนาคารแบบปัจจุบัน ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาทำให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของธนาคารได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ชาเลนเจอร์แบงก์ยังดึงดูดลูกค้าของธนาคารในปัจจุบันให้มาใช้บริการชาเลนเจอร์แบงก์ โดยกำจัดกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อน มอบการให้บริการที่รวดเร็วกว่า ใช้งานง่ายกว่า และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ตลอดเวลา

 


อ้างอิง จากรายงานของ Allied Market Research ที่ระบุว่า ‘ชาเลนเจอร์แบงก์’ ยังมีแนวโน้มเติมโตอย่างร้อนแรง และคาดการณ์ว่า ฐานลูกค้าของ ‘ชาเลนเจอร์แบงก์’ ทั่วโลกจะขยายตัวถึง 52.6% CAGR โดยเฉพาะในอังกฤษ เยอรมนี และโดยเฉพาะจีนที่มีเติบโตเร็วสุดจากผู้ประกอบการด้านไอที และธุรกิจรีเทลรายใหญ่ โดดเข้าร่วมดำเนินธุรกิจด้วย ภายใต้การดำเนินธุรกิจของธนาคารต่างๆ นั้น


 

ในมุมของธนาคารกสิกรไทย นางสาวขัตติยา กล่าวว่า “สำหรับธนาคารกสิกรไทย เรากำลังมองตัวเองว่า เราคือธนาคารที่มีความเป็นชาเลนเจอร์แบงก์แห่งแรกของประเทศไทย ด้วยการนำเอาดีเอ็นเอของชาเลนเจอร์แบงก์เข้ามาผสานในการให้บริการของเรา โดยมุ่งหวังที่จะเป็นธนาคารที่เกื้อหนุน ส่งพลังให้กับผู้คนให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์การเงินและคำแนะนำของธนาคารได้มากยิ่งขึ้น เราต้องการให้สินเชื่ออย่างกว้างขวางขึ้น โดยที่ผู้กู้ที่กล่าวถึงข้างต้นไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินมาค้ำประกัน และให้กู้บนพื้นฐานการประเมินความสามารถ และความตั้งใจที่จะชำระคืนเงินของผู้กู้ เราอยากทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นสำหรับทุกคน พร้อมปลดล็อกให้ลูกค้าสามารถสมัครขอสินเชื่อได้จากที่บ้านหรือที่ทำงานของตัวเอง โดยกำจัดขั้นตอนและงานเอกสารต่างๆ เพื่อทำให้ทุกอย่างเรียบง่าย และรวดเร็วที่สุด”

 

รุกหนักเสริมแกร่ง  

ลงทุนเทคโนโลยีใหม่ M&A - จับมือพันธมิตร 

สำหรับยุทธศาสตร์นับแต่ปี 2565 – 2567 ธนาคารกสิกรไทยเดินหน้าใน 2 กลยุทธ์ กล่าวคือ

  1. เสริมแกร่งจากภายใน - การลงทุนในระบบต่างๆ และเทคโนโลยีใหม่ประมาณ 22,000 ล้านบาทเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเติมจากที่ลงทุนไปแล้ว 12,700 ล้านบาทตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
  2. เสริมแกร่งจากภายนอก - ในอีก 12 เดือนข้างหน้านี้ ธนาคารกสิกรไทยคาดว่าจะปิดดีลซื้อกิจการและความร่วมมือกับพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ ในเชิงพาณิชย์กับกิจการที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี  2-5 ดีล โดยใช้เงินลงทุน 30,000 ล้านบาท

 

นางสาวขัตติยากล่าวว่า “การลงทุนเหล่านี้ จะเพิ่มขีดความสามารถของธนาคารกสิกรไทยขึ้นอีกมาก และจะทำให้เราสามารถเดินหน้าสานต่อภารกิจให้บรรลุผลสำเร็จในการขยายโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมถึงการผสานเอาดีเอ็นเอของความเป็นชาเลนเจอร์แบงก์เข้าไปในองค์กรของเรา”

 

ยกระดับการอำนวยสินเชื่อ ‘ง่ายขึ้น – เร็วขึ้น’

เพื่อยกระดับการให้สินเชื่อ ‘ง่ายขึ้น – เร็วขึ้น’ นั้น นางสาวขัตติยาเปิดเผยว่า “ธนาคารกสิกรไทยได้ริเริ่มทดลองนำระบบและขั้นตอนกระบวนการแบบใหม่ๆ มาใช้แล้วมากมายหลายอย่าง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเดินหน้าโครงการเชิงกลยุทธ์นี้อย่างเต็มกำลัง โดยประชาชนทั่วไปสามารถเปิดบัญชีใหม่ผ่านทางออนไลน์ ได้อย่างครบถ้วนทุกขั้นตอนเพียงไม่กี่นาที สำหรับลูกค้าปัจจุบัน และใช้เวลา 24-72 ชั่วโมง สำหรับลูกค้าใหม่ที่ต้องยืนยันตัวตน โดยผู้ที่มีบัญชีกับธนาคารสามารถสมัครขอสินเชื่อบุคคล รอการพิจารณา และหากได้รับการอนุมัติ เงินกู้จะถูกโอนเข้าบัญชี ภายในไม่ถึง 30 นาที

 

 

‘3 การพลิกโฉม’ ที่เกิดขึ้นเป็น ‘ครั้งแรก’

‘3 การพลิกโฉม’ ที่เกิดขึ้นเป็น ‘ครั้งแรก’ และกำลังพลิกโฉมการให้บริการของธนาคารพาณิชย์นั้น ประกอบด้วย

  • การปล่อยสินเชื่อเฉพาะทาง ด้วย buy-now-pay-later ที่ธนาคารกสิกรไทยกำลังบุกเบิกเพื่อให้สินเชื่อกับให้กับผู้ที่ทำงานอิสระ หรือ ไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ โดยจะพิจารณาอนุมัติจากข้อมูลอื่นๆ แทน ซึ่งในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ธนาคารกสิกรไทยได้อนุมัติสินเชื่อเฉลี่ย 1,600 ราย/วัน มีวงเงินสินเชื่อโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาท และสูงสุด 20,000 บาทในบางราย เพื่อให้โอกาสกับผู้ที่ไม่เคยได้รับการอนุมัติสินเชื่อใดๆ จากธนาคารใดเลยมาก่อน และอาจจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องตกเป็นเหยื่อเงินกู้นอกระบบ ซึ่งสินเชื่อก้อนเล็กๆ ก้อนแรกนี้จะกลายเป็นสะพานเชื่อมคนเหล่านี้ให้เข้าสู่ระบบธนาคาร และจะนำมาสู่การได้รับการขยายวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นตามความสามารถในการชำระคืน รวมถึงสามารถต่อยอดไปใช้บริการ/ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของธนาคารที่มีความเฉพาะทางมากขึ้นในอนาคต

 

  • การนำร่องทดลองสู่การขอสินเชื่อเป็นธรรมมากขึ้น สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ซึ่งธนาคารได้นำร่องทดลองหลายวิธีการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการผสานเอาความเป็นชาเลนเจอร์แบงก์เข้ามาในองค์กร โดยธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารแห่งแรกที่เข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้ และให้โอกาสเข้าถึงสินเชื่อธนาคารได้ โดยไม่ต้องใช้เอกสารต่างๆ ดังที่กล่าว แต่ใช้วิธีการสัมภาษณ์ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยในกระบวนการประเมิน และมีแผนที่จะขยายโครงการเช่นนี้ไปให้มากกว่าเฟสเริ่มต้นโดยเร็วที่สุด

 

  • การให้สินเชื่อผ่านโซเชียลมีเดีย โดยธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการธนาคารผ่านโซเชียลมีเดีย โดยความร่วมมือกับแอปพลิเคชัน LINE ด้วย LINE BK และพิจารณาให้สินเชื่อได้แม้ผู้สมัครขอสินเชื่อจะไม่มีบัญชีธนาคาร โดยรู้ผลอนุมัติภายใน 24 ชั่วโมง และถ้าเป็นผู้ที่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคารกสิกรไทยอยู่แล้ว จะสามารถสมัครขอสินเชื่อและรู้ผลการอนุมัติได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ซึ่งเป็นการปลดล็อกการขอสินเชื่อสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และรวมไปถึงกลุ่มอาชีพอิสระ ไม่ว่าจะรายได้สูงหรือต่ำ คือ ไม่มีเวลาไปติดต่อใช้บริการที่สาขาธนาคาร หรืออาจจะรู้สึกไม่สบายใจนักที่จะเข้าไปติดต่อขอใช้บริการ ซึ่งจากฐานข้อมูลในปัจจุบันพบว่า ผู้ขอสินเชื่อผ่านบริการ LINE BK ในแอปพลิเคชัน LINE ทั้งหมด มีถึง 1 ใน 3 เป็นผู้ที่เพิ่งเคยได้รับเงินกู้จากธนาคารเป็นครั้งแรกในชีวิต เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ประมาณครึ่งหนึ่งมีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือน และเกือบ 80% อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด

 

 “เราคาดหวังว่า ภายในสิ้นปีนี้ เราจะช่วยคนอีกถึง 200,000 คน ผ่านบริการ LINE BK ให้ได้รับสินเชื่อครั้งแรกจากธนาคาร และด้วยบริการ LINE BK นี้ เราคาดว่า จะมีลูกค้ารายย่อยรวมถึงธุรกิจขนาดเล็กได้รับสินเชื่อจำนวนกว่า 600,000 ราย รวมวงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งหวังว่าจะช่วยให้หลายคนเป็นอิสระจากเงินกู้เงินนอกระบบได้” นางสาวขัตติยากล่าว      

 

เข้าถึงบริการได้ผ่านร้านขายของชำ

ส่วนที่ถือว่าเป็นการยกระดับการให้บริการไปอีกขั้นของธนาคารกสิกรไทย คือ การขยายช่องทางการให้บริการกับกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจา เพื่อนำเสนอช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อธุรกิจขนาดย่อม ให้แก่ ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกขนาดเล็กของครอบครัวในต่างจังหวัด โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน พร้อมยังตั้งเป้าจะปล่อยสินเชื่อรายย่อยแก่ลูกค้าของร้านค้าดังกล่าวอีกด้วย

 

นางสาวขัตติยา กล่าวว่า “ด้วยการประเมินความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อของร้านค้า และลูกค้าของร้านค้าเหล่านั้น โดยใช้วิธีการแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม และการทำให้ขั้นตอนต่างๆ เรียบง่ายขึ้น เราตั้งเป้าว่า ภายในสิ้นปีนี้ เราจะสามารถขยายจำนวนร้านค้าที่ให้บริการปล่อยสินเชื่อเข้าไปในต่างจังหวัด ได้มากกว่าพันๆ ร้านค้าผ่านเครือข่ายพันธมิตรของเรา ซึ่งจะทำให้เราเดินหน้าเข้าใกล้เป้าหมายของเราในการช่วยให้ประชาชนในชุมชนขนาดเล็กทั่วประเทศเข้าถึงบริการของธนาคาร”

 

[อ่าน 1,654]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กลับมาอีกครั้งกับเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไทยของวงการเกมและอีสปอร์ต Thailand Social AIS Gaming Awards 2024
‘โชกุบุสซึ X หมอช้าง’ จับคู่ครีเอทครีมอาบน้ำสายมู ลิมิเต็ด อิดิชัน
เคทีซีจับมือคาเธ่ย์ ปลูกต้นไม้ในป่าชายเลน “บิน 1 เที่ยว ปลูก 1 ต้น”
เนสท์เล่ ประเทศไทย เร่งเครื่องกลยุทธ์ “ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค”
เคอรี่ฯ เปิดแคมเปญต้อนรับฤดูกาลผลไม้ “ส่งความสด พร้อมความสุข”
“กรุงไทย” แนะภาคธุรกิจเร่งปรับใช้โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างโอกาสเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน ชู “การเงินยั่งยืน” ตัวช่วยธุรกิจปรับตัว
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved