พฤกษา ตอกย้ำพันธกิจ ‘เติบโตอย่างยั่งยืน’ เดินหน้าตามแผนการลงทุนครึ่งหลังปี 2565 แตกไลน์ธุรกิจใหม่ตั้งบริษัทร่วมทุนให้บริการด้านโซลาร์เซลล์ พร้อมสานต่อพันธกิจด้านสุขภาพเปิดบริการ ‘วิมุต เวลเนส’ แห่งแรกในชุมชน ‘พฤกษา อเวนิว’ ย่านบางนา-วงแหวน ต่อยอดพันธกิจด้านนวัตกรรมเพื่อคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด ผ่านการลงทุนร่วมในสตาร์ทอัพด้านพร็อพเทคและเฮลธ์เทคที่มีศักยภาพสูง ทังในไทยและต่างประเทศ ภายใต้ Corporate Venture Capital (CVC) นอกจากนี้ ยังขยายการลงทุนจากสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับบริษัทที่ลงทุนในเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investment) ด้วยอย่างต่อเนื่อง
อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. พฤกษาโฮลดิ้ง เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2/2565 ว่า
“บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 5,389 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นที่ 31% และมีกำไรสุทธิที่ 430 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อีกทั้งสามารถรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนต่ำ (Net Gearing Ratio) ที่ 0.39 เท่า
ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มียอดขาย (Presale) อยู่ที่ 6,342 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 19% และยอดโอน (Revenue) รวม 5,101 ล้านบาท ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีขึ้นที่ 32.4 % ที่ 1,651 ล้านบาท และรายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 527 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 10.3% เปิดโครงการในครึ่งปีแรก 8 โครงการ มูลค่ารวม 3,627 ล้านบาท
จากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก พฤกษาจึงได้พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2565 ให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท สำหรับในครึ่งปีหลัง 2565 มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 23 โครงการ มูลค่ารวม 12,700 ล้านบาท แบ่งเป็น
สำหรับยุทธศาสตร์การดำเนินงาน พฤกษายังคงมุ่งสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบแนวคิด ‘พฤกษา ...ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต Tomorrow. Reimagined’ ให้ความสำคัญต่อ 3 แกนหลักที่เปลี่ยนแปลงตามเมกะเทรนด์โลก ได้แก่
สำหรับการดำเนินยุทธศาสตร์ธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น ล่าสุด พฤกษา ได้จับมือร่วมกับ บมจ. กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด สัดส่วนการถือหุ้น 50:50 เพื่อต่อยอดและสร้างจุดแข็งใหม่สำหรับโครงการของพฤกษา ซึ่งจะจำหน่ายและติดตั้ง Solar Roof มูลค่าโครงการร่วม 1,500 ล้านบาท ทั้งการขายติดตั้งแบบเบ็ดเสร็จ ( EPC) และการซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีผลตอบแทนส่วนลดค่าไฟในระยะยาว (PPA) เพื่อช่วยลูกค้าลดเงินลงทุน และได้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยคิดค่าไฟฟ้าที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าได้ด้วย และสามารถให้บริการลูกค้าได้กว่า 12,500 ครัวเรือน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 1.26 แสนตัน ภายในระยะเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ ยังมีแผนทดลองโมเดลหมู่บ้านที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ทดแทนการใช้ไฟฟ้าไปจนถึงการขยายสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีจัดเก็บพลังงานในอนาคตอีกด้วย ถือเป็นการสร้างประโยชน์ต่อลูกบ้านในการประหยัดค่าไฟฟ้าและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ขณะที่การดำเนินยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับเทรนด์สุขภาพ (Health & Wellness) นั้น พฤกษาได้ยอดบริการของโรงพยาบาลวิมุต ด้วยการขยายบริการไปนอกโรงพยาบาล เพื่อช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพของคนไทย โดยใช้เงินลงทุน 90 ล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์ดูแลและฟื้นฟูสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุในนามของ “วิมุต เวลเนส” ด้วยแนวคิดของ “อยู่ดี มีสุข” (Live Well, Stay Well) เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตที่ดีทั้งในวันนี้และอนาคต โดยเปิดเป็นแห่งแรกและดีเดย์เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมาที่โครงการพฤกษา อเวนิว บางนา วงแหวน ซึ่งเป็นโครงการที่เน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยตั้งแต่การออกแบบบ้านให้เป็นบ้านเพื่อสุขภาพ (Healthy Home) สำหรับทุกวัย จนถึงให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้านด้วยแพทย์เฉพาะทาง รวมทั้งบริการผ่านระบบออนไลน์ (Telemedicine) เพื่อจะสร้างโครงการให้เป็นชุมชนสุขภาพดี (Wellness Living Community) อย่างครบวงจรแห่งแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์
วิมุต เวลเนสแห่งนี้ให้บริการในรูปแบบโรงพยาบาลกายภาพบำบัด บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป เจาะเลือด ตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน กายภาพบำบัด ธาราบำบัด มีบริการดูแลผู้สูงอายุ รายวัน / รายสัปดาห์ / รายเดือน โดยทีมแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว แพทย์โรคหัวใจ และสหสาขาวิชาชีพ 24 ชั่วโมง ถือเป็นการลงทุนต่อยอดบริการด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์การเข้าถึงบริการสุขภาพตั้งแต่อยู่ที่บ้าน ทำให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการ และชุมชนใกล้เคียงอุ่นใจ เพราะมีโรงพยาบาลอยู่ใกล้แค่เอื้อม เป็นอีกหนึ่งสเต็ปที่เข้ามาเติมเต็มโมเดลการพัฒนาบ้านสุขภาพดีของพฤกษาที่มุ่งผสานความแข็งแกร่งจาก 2 ธุรกิจได้แก่ เรียลเอสเตท และ เฮลท์แคร์
“ด้วยเทรนด์การอยู่อาศัยภายใต้ไลฟ์สไตล์ใหม่ เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตคนอย่างเห็นได้ชัด พฤกษาจึงให้ความสำคัญกับพันธกิจด้านนวัตกรรมเพื่อการใช้ชีวิตและการมีสุขภาพดี โดยเน้นการขยายโอกาสในธุรกิจใหม่โดยใช้กลยุทธ์การผนึกพลังร่วมกับพันธมิตรภายในและภายนอก ก่อเกิดการต่อยอดธุรกิจและบริการใหม่ที่สามารถส่งเสริมการใช้ชีวิตและพัฒนาคุณภาพการอยู่อาศัยดีที่สุดให้กับคนไทยทุกคน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้ร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพไทยด้าน Prop Tech และ Health Tech ผ่านโครงการการลงทุนในกิจการสตาร์ทอัพ ( Corporate Venture) โดยในครึ่งปีแรก ได้ลงทุนใน “Naluri (นัลลูรี่)“ ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพดิจิทัล (Digital Preventive Wellness ) เฮลท์เทคจากมาเลเซีย และ “AMILI” บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพด้านจุลชีพในระบบทางเดินอาหารที่มีความแม่นยำแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากสิงคโปร์”