กลุ่มยูโอบีประกาศกำไรสุทธิครึ่งปีแรกของปี 2565 ยังคงที่ สูงกว่า 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์
18 Aug 2022

 

กลุ่มธนาคารยูโอบีประกาศผลกำไรสุทธิครึ่งปีแรกของปี 2565 ที่ 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ คงที่เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีผลประกอบการไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่แข็งแกร่ง และสูงกว่า ไตรมาสแรกที่เติบโตในอัตราที่ช้า

 

ผลกำไรสุทธิของไตรมาส 2 ของปี 2565 จำนวน 1.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากการปรับตัวของส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยและการเติบโตของสินเชื่อที่ดี คุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีต้นทุนรวมในการปล่อยสินเชื่อที่ 22 จุดและอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ร้อยละ 1.7

 

ในครึ่งปีแรกของปี 2565 รายได้จากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ดีดตัวขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 2.9 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ เนื่องจากการปรับตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและการเติบโตของสินเชื่อจากเงินหมุนเวียนระยะสั้นและธุรกิจตลาดหุ้นกู้ ค่าธรรมเนียมจากสินเชื่อและวาณิชธนกิจพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ จากการที่กลุ่มธนาคารยูโอบีสนับสนุนให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค รายได้ข้ามพรมแดนของธนาคารเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ต้องเผชิญหน้ากับภาวะความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลก

 

รายได้จากกลุ่มลูกค้ารายย่อยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ปรับตัวลดลงร้อยละ 3 จากปีก่อนมาอยู่ที่ 1.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลกระทบจากโมเมนตัมความมั่งคั่งที่อ่อนตัวลง ในขณะที่นักลงทุนต่างหันมาระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดมากขึ้น สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจากกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งคงที่อยู่ที่ 1.38 แสนล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ กลุ่มธนาคารมีการปรับตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ดีขึ้นและการเติบโตของปริมาณเงินฝากทั่วตลาดสำคัญๆ ในภูมิภาค ค่าใช้จ่ายจากบัตรเครดิตมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเปิดประเทศและการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว

 

ธนาคารยังคงขยายพอร์ตโฟลิโอด้านความยั่งยืนด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และข้อคิดริเริ่มใหม่ๆ ในครึ่งปีแรกของปี 2565 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 พอร์ตโฟลิโอเพื่อการเข้าถึงเงินทุนเพื่อความยั่งยืนของธนาคารเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2 หมื่นล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ สินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งหมดจากการลงทุนที่มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอยู่ที่ 1.17 หมื่นล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์

 

คณะกรรมการจึงได้ประกาศเงินปันผลระหว่างกาลที่ 60 เซ็นต์ต่อหุ้นสามัญ หรือเทียบเท่าอัตราส่วนการจ่ายเงินปันผลที่ร้อยละ 50

 

สารจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

นาย วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า “เรามีผลกำไรในระดับคงที่ ซึ่งเกิดจากรายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิที่สูงเกินคาด นำโดยอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นและการบริหารงบดุลที่มีประสิทธิภาพ สภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นนี้จะช่วยผลักดันให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเราเติบโตยิ่งขึ้นในปีนี้

 

“เรายังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว จากการที่ประเทศต่างๆ เปิดพรมแดนและการไหลของเงินทุนเริ่มกลับมาเป็นปกติ ในสิงคโปร์ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงดีอยู่และการจ้างงานยังคงสดใส เงินทุนไหลเข้าของสถาบันและความมั่งคั่งส่วนบุคคลยังคงมีเสถียรภาพ เนื่องจากสิงคโปร์ถือเป็นแหล่งที่ปลอดภัยและเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ดังนั้น แม้จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากทั่วโลกซึ่งอาจส่งผลให้การเติบโตทั่วโลกชะลอตัวลง แต่เรายังคงมองเห็นว่าความสามารถในการปรับตัวของตลาดสำคัญๆ ของเราในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้นั้นค่อนข้างดี

 

“ศักยภาพของภูมิภาคนี้ในระยะยาวยังคงสดใส เนื่องจากสถานะดำรงเงินทุนและสภาพคล่องที่มีเสถียรภาพและการดำเนินการอย่างรอบคอบ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากงบดุลที่แข็งแกร่ง เราอยู่ในสถานะที่ดีที่สามารถก้าวผ่านแรงกดดันในระยะเวลาอันใกล้ไปพร้อมๆ กับกลุ่มลูกค้าของเรา”

ผลประกอบการทางการเงิน

 


เปรียบเทียบครึ่งปีแรกของปี
2565กับครึ่งปีแรกของปี 2564

กำไรสุทธิของครึ่งปีแรกของปี 2565 ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ เป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิและเงินกันสำรองที่คงที่ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้กลับถูกปรับให้ลดลงบางส่วนจากรายรับที่ลดลงจากหลักทรัพย์เพื่อการลงทุนท่ามกลางความผันผวนของตลาด

 

รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 อยู่ที่ 3.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ ในขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยรับสุทธิเพิ่มขึ้น 7 จุด พร้อมการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งที่ร้อยละ 8 ส่วนใหญ่จากสินเชื่อหมุนเวียนและสินเชื่อบ้านที่เพิ่มขึ้น

 

รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการปรับตัวลดลงร้อยละ 5 อยู่ที่ 1.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการความมั่งคั่งและการบริหารจัดการกองทุนปรับตัวลดลงอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาค อย่างไรก็ตาม สินเชื่อและรายได้ที่เกี่ยวกับการค้ากลับพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากความต้องการของภาคธุรกิจในด้านโอกาสทางการค้าและการลงทุนที่เริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมรับจากบัตรเครดิตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดพรมแดนและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว

 

รายได้จากการบริหารตลาดเงินที่เกี่ยวกับลูกค้าปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 9 เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากขึ้นเลือกที่จะประกันความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยกลับปรับตัวลดลงร้อยละ 37 อยู่ที่ 374 ล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ เนื่องจากปีนี้ไม่มีรายรับจำนวนมากจากการขายพันธบัตรเหมือนปีก่อนและจากการปรับตัวลดลงของมูลค่าของการลงทุนในภาวะตลาดที่ซบเซา

 

ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 อยู่ที่ 2.2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ผันแปรตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ในบุคลากรและเทคโนโลยี พร้อมรักษาวินัยด้านค่าใช้จ่าย อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของปีปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 44.3

 

เงินกันสำรองรวมปรับตัวลดลงร้อยละ 18 จากเงินกันสำรองทั่วไปที่ลดลง ในขณะที่เงินกันสำรองเฉพาะรายเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการปรับลดระดับเครดิตของบัญชีลูกค้าธุรกิจรายใหญ่บางราย เงินกันสำรองรวมสำหรับสินเชื่ออยู่ที่ 20 จุดตามความคาดหมาย

 

เปรียบเทียบไตรมาส 2 กับไตรมาส 1 ของปี 2565

กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ของปี 2565 ดีดตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 อยู่ที่ 1.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ เนื่องจากการขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและการฟื้นตัวของรายได้จากการค้าและการลงทุน

 

รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 อยู่ที่ 1.9 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของส่วนต่างของดอกเบี้ยรับสุทธิ 9 จุดที่ร้อยละ 1.67 รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการยังคงที่อยู่ที่ 567 ล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ ในขณะที่ค่าธรรมเนียมจากบัตรเครดิตและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับสินเชื่อที่สูงเป็นประวัติการณ์ถูกปรับลดลงจากค่าธรรมเนียมจากการบริหารความมั่งคั่งที่ลดลง เนื่องจากความอ่อนไหวของตลาดที่ลดน้อยลง รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอื่นปรับสู่ภาวะปกติที่ 273 ล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ ปรับตัวขึ้นจากฐานตัวเลขระดับต่ำในไตรมาสก่อน

 

ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นช้ากว่าการเติบโตของรายได้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 43.8 เงินกันสำรองรวมปรับตัวลดลงร้อยละ 23 อยู่ที่ 137 ล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ ส่วนใหญ่เกิดจากเงินกันสำรองทั่วไปที่ลดลง ในขณะที่เงินกันสำรองรวมอยู่ในระดับเหมาะสม

 

เปรียบเทียบไตรมาส 2 ของปี 2565 กับไตรมาส 2 ของปี 2564

รายได้จากดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 ในขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยรับสุทธิปรับเพิ่ม 11 จุดมาอยู่ที่ร้อยละ 1.67 และสินเชื่อเติบโตในอัตราที่น่าพอใจที่ร้อยละ 8 รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการปรับตัวลดลงร้อยละ 3 เนื่องจากค่าธรรมเนียมจากบัตรเครดิตและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับสินเชื่อที่สร้างสถิติสูงสุดใหม่ถูกหักกลบด้วยค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการความมั่งคั่งและการบริหารจัดการกองทุนที่ลดลง รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอื่นปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากรายได้จากการบริหารตลาดเงินที่เกี่ยวกับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

 

ค่าใช้จ่ายดำเนินการรวมปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 อยู่ที่ 1.2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ เป็นไปในทิศทางเดียวกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น เงินกันสำรองรวมลดลงมาอยู่ที่ 137 ล้านเหรียญสิงคโปร์ดอลลาร์ ส่วนใหญ่เนื่องจากเงินกันสำรองทั่วไปที่ลดลง

 

คุณภาพของสินทรัพย์

ณ วันที่ 30 มิถุนายน  2565  คุณภาพของสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 1.7

 

อัตราส่วนการกันเงินสำรองสำหรับสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่ร้อยละ 91 หรือร้อยละ 185 หากนับรวมหลักประกัน อัตราส่วนการกันเงินสำรองสำหรับสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ยังคงอยู่ในระดับรอบคอบที่ร้อยละ 0.9

ฐานะเงินทุน ฐานเงินทุน และสภาพคล่อง

 

สภาพคล่องและฐานะเงินทุนของกลุ่มธนาคารยูโอบียังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรงในทุกสกุลเงินเฉลี่ย (average all-currency liquidity coverage ratio) ในไตรมาส 2 ของปี 2565 ที่ร้อยละ 141 และอัตราส่วนดำรงแหล่งที่มาของเงินให้สอดคล้องกับการใช้ไปของเงิน (Net stable funding ratio) อยู่ที่ร้อยละ 111 สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้มาก อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินรับฝากคงที่อยู่ที่ร้อยละ 88.7

 

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่หนึ่งที่เป็นส่วนของเจ้าของของกลุ่มธนาคารยูโอบียังคงแข็งแกร่ง อยู่ที่ร้อยละ 13.1 ส่วนอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ที่ร้อยละ 6.6 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดกว่า 2 เท่า

 

[อ่าน 1,431]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
AssetWise ยกระดับเมืองน่าอยู่ จัดประกวดออกแบบ “สุขา สุขี: THE HAPPY TOILET PROJECT”
Trip.com จับมือโรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ เปิดประสบการณ์อาหารระดับโลก
เกาหลีรุก! ปล่อยหมัดเด็ด “Hyundai Deal SEOUL Good” กับข้อเสนอ Motor Expo 2025
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ กวาดรางวัลต่อเนื่อง ติดอันดับ 60 โรงแรมยอดเยี่ยมของโลก
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ พลิกโฉมแอป GEN 365 ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า สู่แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านประกันชีวิตครบวงจร
บี.กริม เพาเวอร์ คว้า 3 รางวัล จากงาน IAA Awards 2025 ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved