การเข้ามาของโครงข่าย 5G ได้เปลี่ยนนิยามจากความเร็วของโทรศัพท์มือถือ มาสู่ “การใช้งาน” (Use) เห็นได้ชัดจากเทรนด์การใช้งานในปัจจุบัน ที่เน้นปริมาณการอัพโหลด มากกว่าปริมาณการดาวน์โหลด แสดงถึงการใช้งานที่ต้องการส่งออกข้อมูล ซึ่งแตกต่างจากอดีตที่เน้นการรับข้อมูล
การสื่อสารด้วยความเร็วอันมหาศาลของโครงข่าย 5G สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้อย่างมากมายไร้ขีดจำกัด หากทว่าต้องดำเนินไปพร้อมกับความคิดที่สร้างสรรค์ องค์ความรู้ที่ชัดเจน และการลงมือทำจริงๆ ซึ่งจากแนวความคิดนี้ นำมาสู่ความร่วมมือของ AIS กับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเปิดตัว “AIS 5G PLAY GROUND & 5G GARAGE”
“AIS 5G PLAY GROUND & 5G GARAGE” เป็นพื้นที่เพื่อพัฒนาความพร้อมให้แก่นิสิต นักศึกษา นักพัฒนา รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแวดวงของเทคโนโลยี Digital ของไทย ได้มีโอกาสลงมือทดลอง ทดสอบ เพื่อพัฒนาไอเดียต่างๆ แห่งแรกของสถาบันการศึกษาในเมืองไทย ตั้งอยู่ที่บริเวณห้องโถงของอาคาร 100 ปี วิศวฯ จุฬา
มีเป้าหมายเพื่อเป็นพื้นที่ทดลอง ทดสอบ 5G บนสภาพแวดล้อมจริงด้วย LIVE Private Network ซึ่งนิสิต นักศึกษา คณาจารย์ รวมถึงนักพัฒนา ใน 5G Ecosystem สามารถใช้เป็นพื้นที่ศึกษา เรียนรู้ ทดลอง ทดสอบ เทคโนโลยีต่างๆ ทั้ง AI, ML, VR, AR, MR, IoT, Metaverse, Robotic ฯลฯ บน 5G ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ เอไอเอส กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า
เอไอเอสได้ติดตั้งสถานีฐาน 5G ที่เลือกเอาคลื่น 2600 MHz และ คลื่น 26 GHz (mmWave) ที่เหมาะกับการพัฒนา Use case ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Industrial solutions, Holograms Solutions หรือ Fixed Wireless Access-FWA เพราะช่วงความถี่อย่าง 26 GHz มีปริมาณ Bandwidth มหาศาลและความหน่วงต่ำมาก (Low Latency), การสนับสนุนอุปกรณ์ส่งสัญญาณอย่าง 5G CPE, องค์ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างการทำงานของเทคโนโลยี 5G พร้อมทั้งการสัมมนา workshop จาก Guest Speaker หลากหลายวงการ เพื่อพัฒนาความรู้ ความชำนาญในทางเทคนิค ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill รวมไปถึงการเชิญชวนร่วม Co-Develop บริการต้นแบบบน 5G
“แม้ว่าวันนี้ประเทศไทยจะมีบริการ 5G เชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ปี 2563 โดย AIS เป็นรายแรก ที่เปิดให้บริการด้วยการมีคลื่นความถี่มากที่สุดคือ 1420 MHz แต่ประโยชน์ของ 5G ยังจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภคพื้นฐานของประชาชน โดยเฉพาะในส่วนของ Digital Transformation ที่จะพลิกโฉม Business Model ของทุกภาคส่วนให้พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจาก Digital Disruption และการเกิดขึ้นของโควิด
ดังนั้น การทำงานร่วมกับภาคการศึกษา เพื่อค้นคว้า วิจัย ทดลอง ทดสอบ จึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุดเสมอมา ดังเช่นความร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน ที่ยังทำงานกันมาอย่างต่อเนื่องผ่าน Use Case ต่างๆ ทั้งที่เป็นผลงานวิจัยของคณาจารย์หรือโครงการของนิสิต ที่ล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ นวัตกรรมเพื่อประเทศ”
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า วิศวฯ จุฬาฯ เป็น 1 ในสถาบันการศึกษาด้านเทคโนโลยีที่เข้าไปร่วมทำงานกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น กสทช., DE หรือภาคเอกชน เพื่อทดลอง ทดสอบ Use Case ต่างๆ ที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่ Sector หลักของประเทศให้ได้มากที่สุด
“การมีสถานที่ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเสมือนจริงอย่าง AIS 5G Playground และ 5G Garage ที่มีความครอบคลุมของคลื่นความถี่ของ 5G แบบ LIVE Network จึงถือว่าตอบโจทย์ และสามารถส่งเสริมให้นิสิต และ คณาจารย์ ได้ใช้เป็นแหล่งทำงานวิจัย แลกเปลี่ยน เรียนรู้ สร้างสรรค์นวัตกรรมบน Sandbox ได้อย่างดี
ที่สำคัญถือเป็นการผสมผสานองค์ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีจากเราและภาคปฏิบัติที่เกิดจากประสบการณ์ในการทำงานจริงของ AIS ที่จะมาช่วยเสริมทักษะให้แก่นิสิตและคณาจารย์ ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อประเทศไทย ผ่าน 5G ได้อย่างตอบโจทย์ที่สุดต่อไป”
วสิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ภาคการศึกษาให้ความสำคัญกับการฝึกฝน สร้างทักษะเพื่อเตรียมรองรับเทคโนโลยี 5G ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะ 5G คือเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะร่วมขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากคุณสมบัติ 3 ส่วนคือ ความเร็วที่เพิ่มขึ้น, ขยายขีดความสามารถการเชื่อมต่อของ IoT และทำให้เครือข่ายตอบสนองได้รวดเร็วและเสถียรที่สุด ดังนั้นการศึกษาให้มากที่สุดย่อมทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาแนวคิดจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ซึ่ง AIS พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่”
“5G เป็นเรื่องใหม่ของประเทศและของโลก ประเทศไทยเราเป็นประเทศแรกๆ ของโลก เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มี 5G ฉะนั้น Use Case ยังเกิดขึ้นน้อยมาก ไม่เหมือนตอน 3G, 4G ที่เรามาท้ายๆ รู้อยู่แล้วว่าทำอะไรได้บ้าง แต่ 5G เราไม่รู้ว่าทำอะไรได้เลย
ที่นี่ จึงเป็นสถานที่ซึ่งสร้างการตื่นตัว สร้างการตระหนักรู้ ซึ่งน้องๆ นักศึกษา จะเป็นกำลังสำคัญหนึ่งที่จะออกไปสร้างโอกาส สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยได้” วสิษฐ์ กล่าวปิดท้าย