แนะใช้ สถานีวิจัยลำตะคอง เป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับพื้นที่ภาคอีสาน
06 Sep 2022

สกสว. เยี่ยมชมผลดำเนินงานสถานีวิจัยลำตะคอง พร้อมหารือแนวทางการส่งเสริมและขับเคลื่อนการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ เพื่อยกระดับการพัฒนาและคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่ชุมชน พื้นที่ภาคอีสานมีความต้องการ


 

เมื่อเร็วๆนี้รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (O-Science) เข้าเยี่ยมชมผลดำเนินการวิจัย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. (สถานีวิจัยลำตะคอง) เพื่อรับทราบทิศทางการบริหารจัดการแผนงานและโครงการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ของหน่วยงาน รวมถึงการจัดทำคำของบประมาณและการบริหารจัดการงบประมาณด้าน ววน. และการสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานให้มีศักยภาพในการนำส่งผลผลิต ผลลัพธ์ ผลกระทบ ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ อันจะนำไปสู่การพัฒนาระบบ ววน. ภายในสถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับการพัฒนาระบบ ววน. ของประเทศ โดยมี ดร.อาภากร สุปัญญา รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และนวัตกรรม วว. พร้อมด้วย นายมนตรี แก้วดวง ผู้อำนวยการสถานีวิจัยลำตะคอง, นายเฉลิมชัย จีระพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม และ ดร.ศิริพร ลาภเกียรติถาวร ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ ให้การต้อนรับ

 

 

โอกาสนี้ รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า ปัจจุบัน สกสว. ได้จัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานทั้งในและนอกระบบ ววน. กว่า 170 หน่วยงาน เพื่อสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund : FF) และ งานเชิงกลยุทธ์ (Strategic Fund) ซึ่ง วว. เป็นหนึ่งในจำนวนดังกล่าว และ มีความโดดเด่นทางด้านการวิจัยมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 2506 เป็นต้นมา ทั้งในส่วนของห้องปฏิบัติการการขยายพันธุ์พืชและการอนุรักษ์พันธุ์พืช ศูนย์วิจัยพลังงานสะอาด ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ อีกทั้ง ศูนย์ทดสอบการสลายตัวทางชีวภาพ (Bio D) ศูนย์บริการนวัตกรรมเครื่องสำอางครบวงจร (ICOS) ศูนย์ไบโอเมทานอล โรงงานบริการนวัตกรรมอาหาร (FISP) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านสาหร่าย (ALEC) และศูนย์ทดสอบมาตรฐานระบบขนส่งทางราง (RTTC)

วว. ถือเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพที่สามารถสนับสนุนการพัฒนาในทุกระดับ โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ เช่น สถานีวิจัยลำตะคอง ซึ่งมีความพร้อมทางด้านการวิจัยระดับหนึ่งที่สามารถออกแบบการทำงานร่วมกับหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และเกษตรกรในพื้นที่ โดยการสำรวจความต้องการเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม ยกระดับการพัฒนาและคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนที่สอดคล้องกับแผน ววน. ทั้งในมิติของการเสริมความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยการเพิ่มความสามารถในการผลิตและการตลาด รวมถึงแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากร การผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประโยชน์จากเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ บนพื้นฐานทุนทางวัฒนธรรม ความเป็นท้องถิ่น การให้ความรู้และเสริมศักยภาพของประชาชนในการประกอบการทางเศรษฐกิจของพื้นที่ โดยการส่งเสริมให้เกษตรกรนำเทคโนโลยีใหม่ในการทำการเกษตร ความรู้เรื่องสินค้าท้องถิ่นและการพัฒนา แปรรูป และจัดจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง (SMEs) ทั่วประเทศตามความเหมาะสม สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของพื้นที่

 

 

ด้าน ดร.อาภากร สุปัญญา รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และนวัตกรรม วว.  กล่าวว่า วว. ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนงานด้าน ววน. เพื่อสนับสนุนงานมูลฐาน (FF) และงานเชิงกลยุทธ์ (Strategic Fund) 3 ยุทธศาสตร์ คือ 1) มุ่งเน้นการขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ด้านการเกษตร อาหารและสมุนไพรเพื่อสุขภาพ จากฐานความหลากหลายชีวภาพของประเทศ ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG 2) มุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ SME และการพัฒนาความสามารถในการให้บริการภาคอุตสาหกรรม และ 3) มุ่งเน้นการวิจัยด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด และการจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การบริหารจัดการขยะ zero waste และของเสียภาคอุตสาหกรรม

 

 

โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สามารถสร้างผลงานเด่นหลายโครงการ เช่น การผลิตสารสกัดมูลค่าสูงและสารสำคัญสมุนไพร, การทดสอบตามมาตรฐานภาคอุตสาหกรรมในอุตสาหกรรม s-curve ต่าง ๆ , การทดสอบสมบัติการสลายตัวทางชีวภาพในน้ำทะเลและระดับความเป็นพิษตกค้าง, การพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นต้น และได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. เช่น การส่งเสริมศักยภาพด้านการเกษตร ไม้ดอก ไม้ประดับ และ ด้านพลังงาน เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ผลการดำเนินงานดังกล่าว สามารถนำไปส่งเสริมและขยายผลการทำงานด้านวิจัย เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับทุกภูมิภาค และต้อบโจทย์การพัฒนาและความต้องการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีของประเทศ ให้ก้าวข้ามกับดับการพัฒนาของกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางต่อไป

 

รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมเป็นประธานในการประชุมหารือเพื่อติดตามผลการดำเนินงานการวิจัยและนวัตกรรมของ วว. ภายใต้กองทุนส่งเสริม ววน. เพื่อสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund : FF) ซึ่งดำเนินการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ของ วว. ที่เกี่ยวข้องใน 3 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1) มุ่งเน้นการขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร อาหารและสมุนไพรเพื่อสุขภาพ จากฐานความหลากหลายชีวภาพของประเทศ ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG 2) มุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ SME และการพัฒนาความสามารถในการให้บริการภาคอุตสาหกรรม และ 3) มุ่งเน้นการวิจัยด้านการพัฒนาพลังงานทดแทน พลังงานสะอาด และการจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การบริหารจัดการขยะ zero waste และของเสียภาคอุตสาหกรรม โอกาสนี้คณะผู้บริหาร นักวิจัย และบุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน เข้าร่วมประชุมด้วย

 

สิ่งที่ สกสว.มีความพยายามจัดทำฐานข้อมูลสำคัญเพื่อใช้ในการทำงาน ทั้งในส่วนของการจัดทำแผนด้าน ววน. และ การชี้แจงช่วงการพิจารณางบประมาณให้เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ว่า ผลการวิจัยนั้นสามารถสร้างผลผลิต ผลลัพธ์ ผลกระทบ ที่คุ้มค่ากับการลงทุน ที่จะช่วยให้ประเทศได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดตามการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ต่างๆ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ Stockholder ทั้ง 170 หน่วยงาน รวมถึง วว. ที่ สกสว. จัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยให้มีการทำงานและขับเคลื่อน ววน. ไปในทิศทางเดียวกัน ตามเจตนารมณ์ของแผนพัฒนา และ ยุทธศาสตร์ชาติ

 

 

การทำงานนอกกระทรวง ทำอย่างไร ให้งบทางด้านการวิจัย ถูกกระจาย

ส่วนที่ 2 วว. มีความน่าสนใจในการทำงานที่ครบวงจร ตั้งแต่การวิจัยพื้นฐานไปจนถึงการพัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมนั้นแสดงให้เห็นการวางระบบการทำงานอย่างครบวงจร ซึ่งสามารถเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานในระบบ ววน. และ นอก ววน. บางหน่วยงาน อย่างไรก็ดี หาก วว. นั้นสามารถยกระดับ หรือกำหนดเป้าหมายในการวิจัย เทคโนโลยี ให้มีความโดดเด่นเฉพาะด้าน ก็จะช่วยลดความทับซ้อนของการทำงานตามพันธกิจลง การจัดสรรงบประมาณก็จะมีประสิทธิภาพที่มากขึ้น

[อ่าน 1,313]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
BEM คว้า 2 รางวัลองค์กรเด่นจาก IAA Awards 2025 ตอกย้ำมาตรฐานบริหารและงานนักลงทุนสัมพันธ์โปร่งใส
SYNNEX เปิดคลังลดแรงส่งท้ายปี กับงาน Synnex Big Bang Sale 2025 วันที่ 14–15 พ.ย. นี้
“โอ๊ตไซด์” จับมือพันธมิตรร้านกาแฟกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มโอกาสเข้าถึงนมโอ๊ตคุณภาพสำหรับทุกคน แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
หมัดเด็ดส่งท้ายปี! MK คุ้มเกินคุ้ม 299 บาท รวมพลังเมนู “ลูกชิ้น MK” ทานได้ไม่อั้น
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 30 ปี จัดคาราวานตรวจสุขภาพฟรี “Healthy U by Prudential” ส่งเสริมคนไทยใส่ใจสุขภาพ
กองทุนประกันชีวิตเข้าร่วมออกคูหานิทรรศการในงานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 20 (Money Expo 2025 CHIANGMAI)
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved