คินดริลเผย 77% ขององค์กรในอาเซียน มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพียง 4% ที่มีกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน
19 Oct 2022

คินดริล หรือ Kyndryl (NYSE: KD) ผู้ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผยแพร่ข้อมูลใหม่ล่าสุดจากการศึกษาการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของอาเซียนปี 2022 ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างคินดริลและ Ecosystm บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจและวิจัยด้านเทคโนโลยี การวิจัยในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงให้เห็นลำดับความสำคัญทางธุรกิจ รวมถึงเทรนด์ด้านเทคโนโลยีและเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กรต่างๆ ในอาเซียน

 

โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากทั่วภูมิภาคอาเซียน จำนวน 500 คน เข้าร่วมการวิจัยนี้ ผลการวิจัยพบว่าความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) กำลังเติบโตเป็นทวีคูณในภูมิภาคนี้ โดยมีบางอุตสาหกรรมเป็นผู้นำในด้านดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าองค์กรต่างๆ จะให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น แต่ก็ยังขาดกลยุทธ์แบบองค์รวมและกำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับวิธีบูรณาการข้อมูลเพื่อกำหนดเป้าหมาย ไปพร้อมๆ กับความท้าทายภายนอก อย่างเช่น กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น ผลการวิจัยระบุว่า ถึงแม้ว่าองค์กรต่างๆ ในอาเซียนจะตระหนักถึงความรับผิดชอบของตนเองในการสร้างสมดุลระหว่างความยั่งยืนและการแสวงหากำไร แต่ก็ยังมีความท้าทายอีกหลายปัจจัยที่เป็นอุปสรรคทำให้องค์กรไม่สามารถกำหนดและบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้

 

ทั้งนี้ มีการค้นพบข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญหลายประการจากการศึกษาในครั้งนี้ ซึ่งแสดงถึงสถานะขององค์กรที่มีความยั่งยืนในอาเซียน ได้แก่

1. ความยั่งยืนถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ ของธุรกิจ

ผลการศึกษาพบว่า 77% ขององค์กรในอาเซียนกำลังให้ความสำคัญกับการเป็นองค์กรที่มีความยั่งยืน องค์กรเหล่านี้ถูกผลักดันให้พัฒนาตัวเองและแสดงออกถึงจิตสำนึกด้าน ESG ผ่านการดำเนินการและการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของลูกค้า นักลงทุน และข้อบังคับด้านความยั่งยืนของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ องค์กรพยายามดำเนินการตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนโดยไม่มีกลยุทธ์ใด ๆ รองรับ โดยมีเพียง 23% ขององค์กรในอาเซียนที่มีกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน

 

2. หลายองค์กรยังขาดกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนแบบองค์รวม

องค์กรส่วนใหญ่มุ่งเน้นเรื่องการจัดสรรงบประมาณสำหรับริเริ่มโครงการเกี่ยวกับความยั่งยืน แต่กลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับทักษะ และข้อมูลที่มีความจำเป็นในการสนับสนุนโครงการริเริ่มเหล่านั้น โดยมีเพียง 4%ขององค์กรทั่วภูมิภาคอาเซียนที่มีกลยุทธ์แบบองค์รวมและกำลังมุ่งเน้นกับการรับมือความท้าทายภายนอกและความท้าทายที่กำลังเผชิญอยู่ อย่างเช่น การจัดการกรอบการทำงานที่ไม่ชัดเจน

 

3. ลูกค้าและนักลงทุนเป็นผู้ขับเคลื่อนให้เกิดความยั่งยืน

การตอบสนองความต้องการหรือความคาดหวังต่างๆ ของลูกค้าได้กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน และได้ขยายขอบเขตไปสู่การตอบสนองความต้องการด้านจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมด้วยเช่นกัน จึงถือได้ว่า ส่วนใหญ่แล้วลูกค้ามักจะเป็นผู้ขับเคลื่อนให้องค์กรมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากกว่ากฎระเบียบข้อบังคับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย

 

4. ความท้าทายลำดับต้น ๆ สำหรับการเริ่มต้นด้านความยั่งยืน คือ ข้อมูล (Data)

ผลการศึกษาพบว่าอุปสรรคสำคัญของโครงการด้านความยั่งยืนในอาเซียน ประกอบไปด้วย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 60%, ความพร้อมใช้งานของข้อมูล 55% และการขาดทรัพยากรบุคคลที่ดูแลรับผิดชอบด้านนี้โดยตรง 50% ตัวเลขนี้สามารถแสดงให้เห็นว่าความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืนขององค์กรยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น ในโลกยุคปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล มีความเป็นไปได้สูงที่องค์กรจะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับความพยายามในการพัฒนาด้านความยั่งยืนได้ แต่สิ่งเหล่านี้มักไม่ได้ถูกนำไปบูรณาการในกลยุทธ์ทางข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการระบุชุดข้อมูลที่ถูกต้อง การเก็บรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นตลอดทุกการดำเนินการ และการใช้การเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้อง

 

5. อุตสาหกรรมสื่อและโทรคมนาคมเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน

แม้ว่าการริเริ่มด้านความยั่งยืนจะยังไม่ถึงขั้นเติบโตเต็มที่ แต่ก็มีบางอุตสาหกรรมที่เป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ ในโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืน ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสื่อและโทรคมนาคม (Media & Telecom) รวมถึงธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy & Utilities) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง ธุรกิจเหล่านี้จึงมีแรงจูงใจให้ใช้แนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนเพื่อลดต้นทุนและความอยู่รอดในอนาคต สำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ริเริ่มโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมขนาดเล็กพบว่าประสบความสำเร็จในช่วงแรกเช่นกัน ซึ่งรวมไปถึงอุตสาหกรรมค้าปลีก (Retail) ที่มุ่งเน้นการลดการใช้พลาสติกสำหรับบรรจุภัณฑ์และการจัดหาวัตถุดิบต่าง ๆ ในท้องถิ่นเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

 

 

“สำหรับระบบเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วในปัจจุบัน ความเกี่ยวข้องและความสำเร็จขององค์กรจะถูกวัดผล ทั้งในแง่ของการเงินและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้กลายเป็นแรงกระตุ้นให้องค์กรแต่งตั้งตำแหน่งผู้บริหารด้านความยั่งยืน และมุ่งเน้นถึงความสำคัญด้านทักษะความยั่งยืนที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับพนักงานในอนาคต งานวิจัยนี้ตอกย้ำว่า การขาดข้อมูลอย่างต่อเนื่องจะเป็นอุปสรรคต่อการวางแผนด้านความยั่งยืนขององค์กร” อัลริช ลอฟเฟลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Ecosystm กล่าว

 

“ในขณะที่ความยั่งยืนถือเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจจำนวนมากในอาเซียนแต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านความยั่งยืน และเพิ่มความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าองค์กรเข้าถึงข้อมูลใดได้บ้างและระบุช่องว่างระหว่างข้อมูลเพื่อช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร”

 

“จากการคาดการณ์ว่าอาเซียนจะกลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สี่ของโลกภายในปี2030 ธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทยจึงจำเป็นต้องรับผิดชอบในการสร้างสมดุลระหว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคตซึ่งเป็นแผนในระยะยาวที่เลี่ยงไม่ได้ และการรักษาธุรกิจให้อยู่รอดเป็นแผนระยะสั้นที่สำคัญเช่นกัน”

กัณณวันต์ สกุลจิตตเจริญ กรรมการผู้จัดการ คินดริล ประเทศไทยและเวียดนาม กล่าว

 

“เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความสำเร็จด้านความยั่งยืนนั้นขึ้นอยู่กับว่าองค์กรจะสามารถบูรณาการบุคลากร กระบวนการต่างๆ และเทคโนโลยีเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้มากน้อยเพียงใด และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับบุคลากรมากที่สุด และปลูกฝังหลักการด้านความยั่งยืนในวัฒนธรรมองค์กรทุกระดับ”

 

สำหรับคินดริล กลยุทธ์ ESG เป็นหัวใจหลักของภารกิจองค์กรในการเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายด้านความยั่งยืน จุดมุ่งหมายเชิงกลยุทธ์ของคินดริล คือ การขยายธุรกิจคลาวด์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นที่ 22-39% โดยประมาณ นอกจากนี้ คินดริลจะเดินหน้าเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนในศูนย์ข้อมูลทั้งหมดของบริษัท โดยตั้งเป้าเติบโตเพิ่มเป็น 75% ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

[อ่าน 1,151]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาชิตะ "ไทยดีเด็ด" อัด 3 รส ปิดท้ายปี ส้มตำไข่เค็ม-ลาบ-ข้าวกุ้งแกะมันเยิ้ม
‘ไชยชนก’ รับหนังสือร้องเรียนจากไรเดอร์ เตรียมถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามาตรการช่วยเหลือ
BEM คว้า 2 รางวัลองค์กรเด่นจาก IAA Awards 2025 ตอกย้ำมาตรฐานบริหารและงานนักลงทุนสัมพันธ์โปร่งใส
SYNNEX เปิดคลังลดแรงส่งท้ายปี กับงาน Synnex Big Bang Sale 2025 วันที่ 14–15 พ.ย. นี้
“โอ๊ตไซด์” จับมือพันธมิตรร้านกาแฟกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มโอกาสเข้าถึงนมโอ๊ตคุณภาพสำหรับทุกคน แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
หมัดเด็ดส่งท้ายปี! MK คุ้มเกินคุ้ม 299 บาท รวมพลังเมนู “ลูกชิ้น MK” ทานได้ไม่อั้น
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved