“โลตัส” (Lotus’s) ผู้นำค้าปลีก New SMART Retail ดำเนินงานภายใต้ชื่อจดทะเบียน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (“บริษัทฯ”) ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 4 ชุด ที่เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน
โดยมีผู้ลงทุนสนใจจองซื้อหุ้นกู้เกินที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ จากเดิมบริษัทฯ มีการวางแผนเสนอขายหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด รวม 20,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน บริษัทจึงตัดสินใจใช้หุ้นกู้ส่วนที่สำรองเพื่อเสนอขาย (Greenshoe) เพิ่มเติมอีกจำนวนกว่า 3,400 ล้านบาท รวมมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้นกว่า 23,400 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มั่นใจในศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน ยังเป็นการสร้างปรากฏการณ์ในการออกและเสนอขายหุ้นกู้เป็นครั้งแรกของธุรกิจค้าปลีกแบบ Omni-channel
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำขนาดใหญ่ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากการเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ในระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2565 โดยหุ้นกู้จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 2.81% ต่อปี รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.55% ต่อปี และรุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปีโดยสามารถปิดการเสนอขายได้สำเร็จเกินเป้าหมายด้วยมูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้นกว่า 23,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ “A+” เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งอยู่ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยเป็นการจัดอันดับ ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2565 สะท้อนสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกแบบ Omni-channel ที่มีช่องทางหลากหลายและครอบคลุม ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ และนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของธุรกิจค้าปลีกแบบ Omi-Channel ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ลงทุนสนใจ นอกเหนือจากความมั่นใจในความแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตของแบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) รวมถึงผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าพอใจ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
“บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ลงทุนที่ไว้วางใจลงทุนในหุ้นกู้ “โลตัส” (Lotus’s) ซึ่งครั้งนี้นับเป็นการเสนอขายครั้งแรกภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ หลังจากการระดมทุนครั้งนี้แล้ว บริษัทฯ จะเดินหน้าเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่ให้เช่าที่เชื่อว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ของโรคระบาดที่ดีขึ้น สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงขอขอบคุณสถาบันการเงินทั้ง 8 แห่ง ที่ทำให้การเสนอขายหุ้นกู้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าว
สำหรับสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทฯ ทั้งสิ้น 8 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จํากัด (มหาชน)
ปัจจุบัน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) ถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกแบบ omni-channel ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายหลายรูปแบบ โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 “โลตัส” (Lotus’s) มีร้านค้าปลีกจำนวน 2,597 แห่งทั่วประเทศไทย ประกอบด้วยร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 224 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 202 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 2,171 แห่ง ซึ่งธุรกิจในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง ตลอดจนระบบการกระจายสินค้าและเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งการเติบโตของยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายร้านค้าทั้ง 2,597 แห่งทั่วประเทศในการเป็น fulfillment center จัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทั่วประเทศไทย รวมทั้งยังร่วมมือกับธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online Marketplace) อาทิ Grab, Shopee และ Lazada เพื่อเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภค ตลอดจนการเปิดตัวธุรกิจใหม่ ทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ซึ่งสะท้อนการปรับตัวของ “โลตัส” (Lotus’s) ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน
บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า โดยมีพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า 201 แห่ง (ไม่รวมศูนย์การค้าที่มีการลงทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท หรือ LPF จำนวน 23 แห่ง) มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวรรวมประมาณ 784,612 ตารางเมตร โดยมีร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตของ “โลตัส” (Lotus’s) เป็นร้านค้าหลัก
โดยในจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด บริษัทฯ ถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าจำนวน 69 แห่ง ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าอยู่ที่ประมาณ 89% และบริษัทฯ ถือหน่วยลงทุน 25% ในกองทุนรวม LPF ที่ลงทุนในศูนย์การค้า 23 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวรรวมประมาณ 339,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ ผลประกอบล่าสุดครึ่งปีแรกของปี 2565 (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565) บริษัทฯ มีรายได้รวม 91,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 85,114 ล้านบาท สะท้อนสัญญาณในทิศทางบวกจากการฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจ ซึ่งเป็นผลจากการที่สามารถเปิดให้บริการศูนย์การค้าได้ตามปกติ