เนสท์เล่ สานต่อปรัชญาการทำงาน Good food, Good life หรือ “อาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี” เดินหน้าเปิด 2 กลยุทธ์หลักครบรอบ 130 ปีในประเทศไทย ชูกลยุทธ์ “ขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อผู้บริโภค” สานต่อความมุ่งมั่นในเรื่องโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี และกลยุทธ์ “ขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อโลกของเรา” เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการดําเนินงานของเนสท์เล่มีความยั่งยืน อีกทั้งจะช่วยให้เนสท์เล่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีและโลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น
การดำรงอยู่ทางธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 130 ปีของ “เนสท์เล่” ถือเป็นความภาคภูมิใจขององค์กรนี้ ซึ่งดำเนินการในนามของ “เนสท์เล่ อินโดไชน่า” ความมุ่งมั่นต่อพันธกิจเพื่อความยั่งยืนตามหลักการ ESG ทั้งกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสังคมไทย ตลอดจนการยึดมั่นต่อเจตนารมณ์ในการเปิด “พลังแห่งอาหาร” เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในวันนี้ และในอนาคต เหล่านี้คือ พันธกิจที่ “เนสท์เล่” ยึดถือเป็นปณิธาน
วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวในโอกาสครบรอบ 130 ปีเนสท์เล่ในประเทศไทยว่า “เราเชื่อมั่นในการสร้างคุณค่าร่วมกัน และการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมไทยตามหลักการ ESG ทุกมิติ ซึ่งได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยมุ่งเน้นการปกป้อง และฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อมภายใต้แผนงานด้านความยั่งยืน Net Zero 2050”
เมื่อมองถึงสิ่งที่เนสท์เล่ทุ่มเทให้กับสังคมและภาคเศรษฐกิจไทย วิคเตอร์กล่าวว่า
“ในส่วนของสังคม เนสท์เล่ ได้นําเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและมีรสชาติที่อร่อย และปัจจุบัน เนสท์เล่มีผลิตภัณฑ์ 100 รายการที่ได้รับการรับรอง “สัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice Logo) ผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับเด็กของเนสท์เล่ทั้งหมด 100% ยังได้เสริมแร่ธาตุและวิตามิน เพื่อช่วยป้องกันการขาดสารอาหารในเด็กวัยหัดเดินและเด็กเล็ก รวมทั้งยังได้ดำเนินโครงการให้ความรู้ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแก่ประชาชนคนไทยมาหลายทศวรรษ
ขณะที่บทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทยผ่านการสร้างงาน นั้น เนสท์เล่ มีพนักงานในประเทศไทยราว 4,000 คน และทำให้เกิดการจ้างงานทางอ้อมอื่น ๆ อีกกว่า 10,000 ตำแหน่งจากพันธมิตรทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยกว่า 13,600 ล้านบาทในการเปิดโรงงานใหม่ 2 แห่งในไทยในช่วงปี 2018 - ปี 2022 อีกทั้งยังมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทยหลายชนิดไปนานาประเทศ นอกจากนี้ ยังยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจมากว่า 130 ปีในประเทศไทย โดยมีแนวทางในการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานสูงสุดตลอดห่วงโซ่คุณค่า”
จากความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด-19 ที่ทำให้ผู้บริโภคออกไปนอกบ้านมากขึ้น แทนที่จะต้องอยู่แต่ในบ้านเหมือนยุคโควิด และเกิดการบริโภคจากความอยากซื้อทันทีโดยไม่ได้วางแผนมาก่อน แต่ที่สำคัญ ผู้บริโภคก็ต้องการรสชาติที่อร่อยด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือเครื่องดื่ม
ทั้งนี้ วิคเตอร์ยังได้เปิดเผยถึงเทรนด์ผู้บริโภคระยะกลางถึงระยะยาวจากการวิจัยล่าสุด ซึ่งพบว่า
“เนสท์เล่มีความเชื่อมั่นและมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราได้อยู่เคียงข้างคนไทยมากว่า 130 ปี โดยในปีนี้และในอนาคตข้างหน้า เนสท์เล่จะเน้นสองกลยุทธ์หลักคือการขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) ที่จะสานต่อความมุ่งมั่นของเราในเรื่องโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมรสชาติที่อร่อย และขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) เพื่อให้มั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์และการดําเนินงานของเนสท์เล่มีความยั่งยืน
2 กลยุทธ์สำคัญนี้จะช่วยให้เราสามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในการรับประทานอาหารอย่างสมดุล ด้วยทางเลือกที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อม ๆ กับการช่วยให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้นด้วย
ในส่วนของ Good for You วิคเตอร์กล่าวว่า “เราจะเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อให้เป็น "ตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพ" ให้กับผู้บริโภค เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ลดน้ำตาล ลดโซเดียม การเสริมวิตามินและแร่ธาตุ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพืชให้เป็นตัวเลือกสําหรับผู้บริโภค เช่น ผลิตภัณฑ์แบรนด์ “ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์” ในรูปแบบขายปลีก ฯลฯ พร้อมทั้งจะดำเนินกิจกรรมการให้ความรู้ในปี 2023 อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ด้านการรับประทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสม เสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ และสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและมีความสุข โดยมีกิจกรรมหลัก ได้แก่ เนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรง กิจกรรมให้ความรู้เรื่องโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีในพื้นที่ต่าง ๆ”
ส่วน Good for the Planet วิคเตอร์กล่าวว่า “จากการดำเนินงานตามแผนงานด้านความยั่งยืนของเนสท์เล่ ในประเทศไทย ตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในทุกด้าน อาทิ 95% ของบรรจุภัณฑ์เนสท์เล่ประเทศไทยได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ มีการใช้พลังงานทดแทนในกระบวนการผลิต, การใช้เมล็ดกาแฟที่มีการจัดหาอย่างยั่งยืน 100%, โครงการส่งเสริมการจัดการขยะและให้ความรู้เกี่ยวกับการรีไซเคิล โดยตั้งเป้าเข้าถึงผู้บริโภค 3 แสนคนใน 130 ชุมชนทั่วประเทศ, โครงการสาสุขอุ่นใจ โดยร่วมมือกับกรมอนามัย เพื่อขับเคลื่อน 130 ชุมชนทั่วประเทศสร้างสุขนิสัยในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงยิ่งขึ้น”
วิคเตอร์กล่าวต่อไปว่า “ในปีนี้ เนสท์เล่จะดำเนิน 2 โครงการใหม่เพื่อช่วยให้ก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ซึ่งโครงการแรกเป็นการต่อยอดความสําเร็จของโครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำที่อยุธยา โดยขยายไปสู่โครงการใหม่ในการพิทักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำหนองทุ่งทองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำของโรงเรียนและชุมชนโดยรอบพื้นที่ชุ่มน้ำริมแม่น้ำตาปี ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานสุราษฎร์ธานี ที่ใช้ผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ นอกจากนี้ เนสท์เล่ในประเทศไทย ยังได้จับมือกับ PUR Projet ในการปลูกต้นไม้ 8 แสนต้นในไร่กาแฟที่จังหวัดระนองและชุมพร โดยมีเป้าหมายเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ประมาณ 2 แสนตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ระดับโลกในการลดคาร์บอนเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050
ภาพยนตร์ครบรอบการดำเนินธุรกิจของเนสท์เล่ 130 ปี “ส่งต่อสิ่งดีๆ ให้ไม่เคยเปลี่ยน”
เป็นเวลากว่า 130 ปีที่เนสท์เล่ได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น มีรสชาติที่อร่อยขึ้น ด้วยวิถีทางที่ยั่งยืนมากขึ้น ในโอกาสครบรอบปีนี้ เนสท์เล่จึงได้เปิดตัวแคมเปญการสื่อสารสุดพิเศษ (ชมวิดีโอแคมเปญ https://bit.ly/3ZBRRnD) เพื่อสะท้อนบทบาทของเนสท์เล่ในการ “ส่งต่อสิ่งดีๆ ให้ไม่เคยเปลี่ยน” จากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าความต้องการของผู้คนจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลามากแค่ไหนก็ตาม เพื่อตอกย้ำการเป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มอันดับหนึ่งที่คนไทยเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดมา