โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เดินหน้าประกาศวิสัยทัศน์มุ่งปั้นธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายใน 5 ปี พร้อมกางแผนยุทธศาสตร์ขยายโรงแรม และรับบริหารโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก รับสัญญาณบวกการท่องเที่ยวที่บูมหลังโควิด
ผลประกอบการปี 65 แข็งแกร่ง
ผลประกอบการปี 2565 ของเครือเซ็นทราถือ ได้ว่าแข็งแกร่ง อีกทั้งมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กล่าวคือ
ทั้งนี้ สถานะทางธุรกิจของเครือเซ็นทาราจากข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 ระบุว่า
แผนงานสู่ TOP100 ระดับโลก
ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวถึงภาพรวมของตลาดท่องเที่ยวว่า
“ขณะนี้ก็มีสัญญาณบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามากันมากขึ้น จากมาตรการผ่อนคลายของประเทศต่างๆ ที่มีมากขึ้น และแม้ว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกๆ จะเดินทางประมาณ 50-60% เท่านั้น
เนื่องจากยังมีข้อจำกัดบางประการจากจำนวนเที่ยวบินที่ยังบินได้ไม่เต็มที่เหมือนปี 2562 แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่า จำนวนเที่ยวบินจะกลับมาเป็นปกติในราวปลายปี 2566 - ต้นปี 2567 อีกทั้งค่าตั๋วเครื่องบินก็แพง เนื่องจากต้นทุนพลังงาน แต่ด้วยปัจจัยดังกล่าวก็ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นนักท่องเที่ยวนระดับคุณภาพและทำให้โรงแรมสามารถทำราคาห้องพักได้ดีกว่าเดิม”
ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา
สำหรับทิศทางการดำเนินยุทธศาสตร์ของเครือเซ็นทาราในปีนี้ เพื่อเดินหน้าสู่วิสัยทัศน์ในการก้าวขึ้นเป็น TOP 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายในปี 2570 ประกอบด้วย แผนการลงทุนและขยายโรงแรมในปี 2566 ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ตลอดจนรับบริหารโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งขยายฐานธุรกิจด้วยการจับมือกับพันธมิตรต่างธุรกิจ ดังนี้
เซ็นทารามีแผนเปิดโรงแรมเพิ่มทั้งสิ้น 6 แห่ง ใน 2 ประเทศ โดยคาดการณ์ว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปี 2566 จะอยู่ที่ 65% - 72% และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) เติบโต 30% - 37% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3,250 – 3,400 บาท โดยการเติบโตของ RevPar มาจากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้น และราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโรงแรมต่างประเทศ เช่น ที่ในมัลดีฟส์ ซึ่งกำลังก่อสร้างโรงแรม 3 แห่ง และจะทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2567 นอกจากนี้ ก็มีแผนเปิดโรงแรมเซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบในเร็วๆ นี้ เนื่องจากตลาดดูไบและญี่ปุ่นที่ราคาเฉลี่ยสูงกว่าราคาห้องพักในประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นนั้น
เซ็นทาราจะเปิดให้บริการ ‘โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า’ โรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์ ‘เซ็นทาราแกรนด์’ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ Upper Upscale ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านนัมบะ มีความสูง 33 ชั้น พร้อมห้องพัก 515 ห้อง โดยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 นี้
นอกจากนี้ เซ็นทารายังมีแผนเปิดสำนักงานในหัวเมืองสำคัญอย่างโฮจิมินห์, เซี่ยงไฮ้ และดูไบในปีนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงมีแผนเปิดสำนักงานเพิ่มอีกแห่งในโอซาก้าในปีหน้า เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจในภูมิภาค
พร้อมกันนี้ เซ็นทารายังตั้งเป้าลงนามสัญญาบริหารโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 10 แห่ง ในต่างประเทศ ณ จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ อาทิ สปป.ลาว เวียดนาม และกาตาร์ ฯลฯ รวมถึงการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำในจีน เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยมีกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางเป็นตลาดหลักของเซ็นทารา ขณะที่มองหาโอกาสใหม่ๆ ในหัวเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ เพื่อเติบโตธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนการขยายโรงแรมในไทยในปีนี้ เซ็นทาราเดินหน้าตอกย้ำความเป็นเครือโรงแรมชั้นนำ ด้วยการเตรียมพร้อมเปิดให้บริการโรงแรมภายในประเทศเพิ่ม 5 แห่ง โดยมีตลาดหลักเป็นคนไทย และมีกำหนดเปิดให้บริการ ดังนี้
10 มีนาคม
ไตรมาส 3/2566
ไตรมาส 4/2566
นอกจากนี้ ก็เตรียมต่อยอดความสำเร็จของ ‘โรงแรมเซ็นทารา รีเซิร์ฟ สมุย’ โรงแรมแบรนด์ ‘เซ็นทารา รีเซิร์ฟ’ แห่งแรกที่เปิดตัวเมื่อธันวาคม 2564 ที่ผ่านมาด้วยการขยายฐานสู่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักอื่นๆ อาทิ หัวหิน กระบี่ และมัลดีฟส์
ขณะเดียวกัน ก็มีการลงนามสัญญาบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 5 แห่งในประเทศ ไทยที่สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ กระบี่ และเชียงราย
เซ็นทารายังขยายเครือข่ายพันธมิตรทางการตลาดไปยังกลุ่มธุรกิจสายการบิน ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า และบริษัทท่องเที่ยวต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบโปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวัน (CentaraThe1) ซึ่งในปัจจุบันมีฐานลูกค้าในโปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันแล้วกว่า 7 ล้านคน สำหรับในปีนี้เซ็นทาราตั้งเป้าเพิ่มฐานสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันให้ได้มากกว่า 8 ล้านคน
นอกจากโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราจะครบรอบ 40 ปีแล้วนั้นในปีนี้โปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันก็ครบรอบ 10 ปีในปีนี้ด้วยเช่นกัน เซ็นทาราจึงได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางการตลาดอย่างสายการบินชั้นนำระดับโลก อย่างกาตาร์ แอร์เวย์, สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส และเตอร์กิช แอร์ไลน์ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่สมาชิกเซ็นทาราเดอะวันผ่านแคมเปญแลกเปลี่ยนคะแนนกับสมาชิกได้สะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
เป้า Net Zero
ธีระยุทธ กล่าวต่อไปว่า “เซ็นทาราให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมาพร้อมกับแผนระยะยาวในการลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง อาทิ การเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single Used Plastic) ภายในปีพ.ศ. 2568, การให้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือทุกแห่งได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมจาก Global Sustainable Tourism Council – GSTC ภายในปี 2568, การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20% ด้วยการบริหารจัดการการใช้พลังงาน การใช้น้ำ และการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพภายในปีพ.ศ. 2572 และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593”