ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด ESG : Environmental (สิ่งแวดล้อม), Social (สังคม) และ Governance (บรรษัทภิบาล) อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดผนึกพลังสื่อมวลชนร่วมมอบเงินสนับสนุนรวมกว่า 200,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนส่งเสริมอาชีพแก่ผู้พิการซ้ำซ้อน พร้อมกับได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารและของว่างเพื่อมอบเป็นมื้อพิเศษให้แก่ผู้พิการซ้ำซ้อน รวมถึงมอบเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพคนตาบอดพิการซ้ำซ้อน จังหวัดนครนายก เพื่อส่งเสริมสังคมและชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งร่วมมอบโดย ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร พร้อมคณะผู้บริหารบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และเหล่าตัวแทนสื่อมวลชน
โดยได้รับเกียรติจาก ละออ หอมทวี ผู้อำนวยการสำนักงานมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดนครนายก และกาญจนา พรมแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพคนตาบอดพิการซ้ำซ้อน จังหวัดนครนายก เป็นผู้แทนรับมอบ
ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี’ เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงหลัก ESG ที่ครอบคลุมด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี เป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างมาก และได้ดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนในด้านต่างๆ มาโดยตลอด
การจัดโครงการเพื่อส่งเสริมสังคมขึ้นในครั้งนี้ ได้ลงพื้นที่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพคนตาบอดพิการซ้ำซ้อนนครนายก ที่รับผิดชอบดูแลโดยมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อนำเงินสนับสนุนมอบให้เพื่อใช้ในการส่งเสริมอาชีพแก่ผู้พิการซ้ำซ้อน ให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข สามารถพึ่งพาตนเองได้ ทั้งยังช่วยสร้างคุณค่าให้แก่ผู้พิการซ้ำซ้อนด้วย โดยศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพคนตาบอดพิการซ้ำซ้อนแห่งนี้ ถือเป็นศูนย์กลางการฝึกอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิตและฟื้นฟูสมรรถภาพคนตาบอดพิการซ้ำซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ
“ปัจจุบันยังมีผู้คนในสังคมอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลือ สิ่งที่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ให้ความสำคัญคือ การเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างให้ชุมชนเกิดความแข็งแกร่ง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อจุดเล็กๆ ในชุมชนสามารถยืนหยัดได้ก็จะส่งผลให้สังคมที่อาศัยอยู่ร่วมกันมีการพัฒนาได้อย่างยั่งยืนต่อไป”