"ตลาดเมืองท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอย่างมากนับตั้งแต่ต้นปี โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดการณ์ในปี 2566 มีตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 22.7 ล้านคน และในปี 2567 มีเป้าหมายอยู่ที่ 35.3 ล้านคน ซึ่งจุดหมายปลายทางหลักของชาวต่างชาติ มุ่งไปที่ 3 จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญของไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ตและพัทยา
ทั้งนี้ เมืองพัทยาซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวเป้าหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่สูงเกินไป ทำให้มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องทั้งจากลูกค้าไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะรัสเซียและจีน
ซึ่งจากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาพบว่าผู้ซื้อจะเป็นชาวต่างชาติ 45% และอีก 55% เป็นชาวไทย
ขณะที่โครงการ ไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา (Highland Park Pool Villas Pattaya) ซึ่งเป็นฮอลิเดย์ โฮม เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดย Sold Out เฟสแรก จำนวน 20 หลัง และกำลังเปิดขายเฟส 2 อีกจำนวน 20 หลัง ในราคาเริ่มต้น 9.9 - 20 ล้านบาท"
อีกทั้งปัจจุบันการเดินทางสู่พัทยานั้นง่ายยิ่งขึ้นด้วยการเดินทางเพียง 90 นาที เป็นเมืองแห่งการรองรับความต้องการหลากหลายเป็นทั้งแหล่งงานในโซนอีอีซี (Eastern Economic Corridor: ECC) และสถานที่พักผ่อนระดับโลก ด้วยศักยภาพทำเลที่โดดเด่นนี้ “ฮาบิแทท กรุ๊ป” จึงเลือกปักหมุดพัฒนาโครงการของบริษัทที่เน้นไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนต์ (Lifestyle Investment)
คือ การซื้อเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า รวมถึงเป็นตลาดฮอลิเดย์ โฮม (Holiday Home) ไว้สำหรับเป็นบ้านหลังที่สองของครอบครัวและรองรับชีวิตหลังเกษียณ ซึ่งผู้ซื้อจะได้รับประโยชน์ในเรื่องอัตราผลตอบแทนการลงทุน (Yield) และจากแนวโน้มการขยายตัวของกำลังซื้อชาวต่างชาติในจังหวัดท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นสูง โดยเฉพาะจากชาวรัสเซียและจีน โดยในส่วนของชาวรัสเซียมีแนวโน้มการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ทั้งในดูไบ ตุรกี ภูเก็ต และพัทยา
ทั้งนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ฮาบิแทท กรุ๊ป รุกทำการตลาดไปในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่องรวมถึงการร่วมมือกับเอเยนต์ไทยและต่างชาติ โดยนำเสนอทั้งโครงการฮอลิเดย์โฮม อย่างโครงการไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา (Highland Park Pool Villas Pattaya) ปัจจุบันมียอดขายจากลูกค้าคนไทยในสัดส่วน 70% และลูกค้าต่างชาติ 30% และในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือ ไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนต์ ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ เนื่องจากผลตอบแทนจากค่าเช่าสำหรับโครงการไลฟ์สไตล์ อินเวสเมนต์ จะอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป
อีกทั้งมีบริษัทในเครือคือ Habitat Hospitality ทำงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำ (Branded Residence) มีระบบบริหารจัดการห้องพัก ห้องสัมมนา ห้องอาหาร โดยมืออาชีพและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ทั้งยังเป็นการลงทุนที่มีความแน่นอน และความเสี่ยงจากภาวะราคาที่ผันผวนจากการลงทุนที่ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างน่าพอใจเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามพูลวิลล่าในพัทยาราคา 10-20 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่มีอัตราการขายดี คนต่างชาติซื้อเป็นบ้านหลังที่สองหรือบ้านหลังวัยเกษียณ ด้านอสังหาฯ เพื่อการลงทุนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ในขณะที่ดีมานด์ของคอนโดที่พัทยาเริ่มสูงขึ้นเนื่องจากนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามามากขึ้น
ส่วนคอนโดในพัทยาปัจจุบันราคาสูงสุดอยู่ที่ ตร.ม.ละ 200,00 บาท คาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าราคาจะกระโดดขึ้นไปอีก 30-40% หรือประมาณ 250,000-300,000 บาท ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของผู้ซื้อทั้งคนไทยและชาวต่างชาติสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่ออยู่เองเป็นบ้านหลังที่สอง และการลงทุนสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
สำหรับผลงานที่ผ่านมา ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้ลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในพัทยาไปแล้ว 8 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุน 6,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่เปิดให้บริการในรูปแบบของโรงแรมและพูลวิลล่าแล้วจำนวน 4 แห่งคือ เดอะ วิลล์ จอมเทียน (The Ville Jomtien), ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ (X2 Vibe Pattaya Seaphere), ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์ (X2 Pattaya Oceanphere), เบย์เฟียร์ โฮเทล พัทยา (Bayphere Hotel Pattaya)
ทั้งนี้ในปี 2566 เตรียมเปิดบริการเพิ่มอีก 4 แห่ง คือ เบย์เฟียร์ พรีเมียร์ สวีท (Bayphere Premier Suites) จะเปิดบริการไตรมาส 3 ส่วนวินด์ดัม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา (Wyndham Atlas Wongamat Pattaya), บลูเฟียร์ พัทยา (Bluphere Pattaya) พร้อมเปิดให้บริการไตรมาส 4 และรามาด้า มิรา นอร์ท พัทยา (Ramada Mira North Pattaya) เตรียมให้บริการในปี 2567