บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 มีรายได้จากการขายรวม 1,312 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 44,489 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 56 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,989 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 467 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15,837 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 22 จากปีก่อน โดยยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดที่ดี อันเป็นผลจากความสามารถในการบริหารจัดการสินทรัพย์และโครงการต่างๆ ให้ดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง บนความยืดหยุ่น คล่องตัว ท่ามกลางความผันผวนของราคาพลังงาน ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตามกลยุทธ์ Greener & Smarter
สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “นไตรมาสนี้ บ้านปูรุกคืบกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ทั้งการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นดูราเพาเวอร์ (Durapower) เป็นร้อยละ 65.1 และการลงทุนในโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มขนาดใหญ่อิวาเตะ โตโนะ (Iwate Tono) โดยมีกำลังการกักเก็บพลังงานไฟฟ้ารวม 58 เมกะวัตต์ชั่วโมง โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อตอบสนองเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
“นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในบริษัทบริการเทคโนโลยีรีไซเคิลแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และโซลูชันสลับแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า การขยายการเติบโตทั้งธุรกิจกักเก็บพลังงาน และธุรกิจอีโมบิลิตี้ ที่ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญของบ้านปูในครั้งนี้
จะช่วยเสริมแกร่งอีโคซิสเต็มของบ้านปูในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และเป็นหลักประกันที่แสดงให้เห็นการเติบโตที่ต่อเนื่องและการขยายห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจของบริษัทเรือธง บ้านปู เน็กซ์ ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบ้านปูได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว”
รายละเอียดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2566 ของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก
“ปี 2566 เป็นปีที่บ้านปูก้าวสู่ปีที่ 40 เรายังเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งของระบบนิเวศธุรกิจของบ้านปู โดยยึดมั่นในหลักการ ESG ในทุกการดำเนินงาน เรามุ่งเน้นการลงทุนธุรกิจที่รองรับอัตราการเติบโตที่สูงในระยะยาว สร้างทั้งคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและที่สำคัญคือมีส่วนสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับทุกคนตามที่เราตั้งใจไว้” สมฤดี กล่าวปิดท้าย
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.banpu.com และ www.facebook.com/Banpuofficialth