ภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เอชเอ็มดี โกลบอล (HMD) กล่าวว่า โทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟนยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุในประเทศที่มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น และกำลังมองหาโทรศัพท์มือถือปุ่มกด เน้นใช้งานง่าย ตัวอักษรมองเห็นชัดเจน แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานได้นาน สามารถฟังเพลงและฟังวิทยุได้ตลอดทั้งวัน รวมไปถึงวัยทำงานซึ่งต้องการใช้เป็นเครื่องสำรองที่สามารถใช้งานได้นานไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมดเร็ว รวมไปถึงลูกค้ากลุ่มบริษัทและองค์กรที่มองหามือถือสำหรับใช้ในการทำงาน
ปัจจุบัน โนเกีย ยังคงเป็น ผู้นำตลาดมือถือ ฟีเจอร์โฟนทั่วโลก และในประเทศไทย คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยพบว่าคนกลุ่ม Gen Z ในอเมริกาเริ่มหันมาให้ความสนใจซื้อฟีเจอร์โฟน สำหรับใช้งานมากขึ้น เนื่องจากต้องการลดการติดสมาร์ทโฟน หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อลดความเครียดจากการใช้สมาร์ทโฟนและโซเซียลมีเดียตลอดเวลา ทำให้ผู้บริโภคเริ่มเลือกใช้ฟีเจอร์โฟนเพื่อเว้นระยะจากโซเซียลมีเดียต่างๆ
ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาด ให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงการใช้งานโทรศัพท์มือถือฟีเจอร์โฟน โนเกียได้อัพเกรด Nokia 110 4G (2023) และ Nokia 105 4G (2023) ทั้งสเปคภายในและภายนอก ดีไซน์โดดเด่นสอดรับไลฟ์ไตล์คนรุ่นใหม่ กลับมาปลุกตลาดฟีเจอร์โฟนในประเทศไทยอีกครั้ง และรองรับการใช้งานเครือข่าย 4G ที่มีเสถียรภาพในการเชื่อมต่อมากยิ่งขึ้น หน้าจอขนาด 1.8 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยีการแสดงผล IPS เพิ่มการมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มีโหมดซูมขยายตัวหนังสือให้เห็นชัดขึ้น คุณภาพเสียงสัมผัสการโทรที่ชัดเจนด้วยระบบ HD ที่เพิ่มแบนด์วิดท์เป็นสองเท่าพร้อมบันทึกการโทรอัตโนมัติ สแตนด์สบายใช้งานได้นานสะใจกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นถึง 1450 mAh แม้อยู่ในการใช้งานบนเครือข่าย 4G มีโหมดประหยัดแบตเตอรี่ พร้อมรองรับการใช้งานสองซิมการ์ด และสามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 32GB
ทั้งนี้ ด้านปุ่มกดยังเน้นขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์ให้สัมผัสใช้งานง่ายมากขึ้น ซึ่งทําให้การส่งข้อความเป็นเรื่องง่ายขึ้นโดยเฉพาะผู้สูงวัย และในส่วนของตัวเครื่องภายนอกออกแบบเน้นความคลาสสิกแต่ร่วมสมัย พร้อมพื้นผิวนาโนที่ดูดี และสัมผัสที่ดีในมือของผู้ใช้งาน ปรับเฉดสีที่ทันสมัยโดดเด่นสะดุดตา ประกอบกับดีไซน์มีความโค้งมน เพื่อง่ายต่อการใช้งาน จับถนัดกระชับมือ และสำหรับระบบการเชื่อมต่อที่รองรับ Bluetooth พร้อมไฟฉายในตัวเครื่อง วิทยุรองรับสัญญาณคลื่น FM หรือ MP3 ที่สามารถโหลดเพลย์ลิสต์ได้มากกว่า 1,000 เพลง โดยมีโหมดทั้งไร้สายและแบบมีสาย นอกจากนี้ ยังมาพร้อมด้วยเกมงูสุดคลาสสิก
สำหรับ Nokia 110 4G (2023) มาพร้อมลวดลายพื้นผิวนาโน ให้เลือก 2 สี คือ Midnight Blue (สีน้ำเงิน) และสี Arctic Purple (สีม่วง) และยังคงเน้นความทนทานต่อรอยขีดข่วนในการใช้งาน ราคาเพียง 1,350 บาทและ Nokia 105 4G (2023) มีให้เลือก 2 สี Charcoal (สีเทาดำ) และ Ocean Blue (สีฟ้า) ราคา 1,290 บาท พร้อมจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ร้าน TG FONE (เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ) และ Nokia Official Store ในช่องทางออนไลน์