SME ไทยเปิดใจ ‘แพลตฟอร์มแห่งโอกาส’ จากซีพี หนุนธุรกิจท้องถิ่น สินค้าไทยสู่ตลาดโลก
13 Jun 2023

ในสถานการณ์ที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจหลายด้าน การเริ่มต้นธุรกิจ SME ไม่ใช่เรื่องง่ายหนัก ยิ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่นการเติบโตก็คงยากไม่น้อย หากไม่มีโอกาสดีๆ ที่เข้ามาช่วยสนับสนุน

 

อย่างเช่นแบรนด์ ‘จะโหรมเครื่องแกง’ และ ‘สกลทรัพย์เพิ่มพูน’ 2 ธุรกิจท้องถิ่นเล็กๆ ที่ได้เข้าร่วม ‘โครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส’  ของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในการเสริมแกร่งให้ SME และเกษตรกรไทยได้มีโอกาสขยายสินค้าไปวางขายในห้างโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ

 

จากการผนึกกำลังของธุรกิจค้าปลีกในเครือซีพี จนทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดสามารถสร้างรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท และยังได้มีโอกาสนำสินค้าท้องถิ่นไทยส่งออกต่างประเทศให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก สามารถกระจายรายได้ให้คนในชุมชนได้มีงานทำ มีคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

‘จะโหรมเครื่องแกง’ พริกแกงใต้โกอินเตอร์ แม็คโครหนุนส่งออกต่างประเทศทั่วโลก

 

จากร้านเครื่องแกงใต้เล็กๆ ในตลาดสดท้องถิ่นจังหวัดตรัง สู่การขยายธุรกิจไปวางขายในแม็คโครทั่วประเทศและต่างประเทศ จนวันนี้เครื่องแกงตำรับปักษ์ใต้ในแบรนด์ที่ชื่อว่า ‘จะโหรมเครื่องแกง’ มียอดขายโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในปีที่ผ่านมากว่า 150 ล้านบาท

จุดพลิกธุรกิจที่สำคัญคือการได้เข้าร่วม ‘โครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส’  ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในการเสริมความแข็งแกร่งให้ SME และเกษตรกรไทยให้เติบโตไปพร้อมกัน

โดยจะโหรมเครื่องแกงได้ตั้งเป้ายอดขายสินค้าในปี 2567 จะโตขึ้นอีก 30% ด้วยการเน้นพัฒนาสินค้าป้อนตลาดอุตสาหกรรมอาหารพร้อมทาน (Ready to Eat) และรุกส่งออกต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วยความฝันที่อยากจะให้พริกแกงใต้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

 

 

ชุติมา อาลิแอ กรรมการผู้จัดการ ดีแอนด์จี ฟู๊ดซัพพลาย จำกัด (จะโหรมเครื่องแกง) ได้ย้อนเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจพริกแกงของครอบครัว ว่า เริ่มมาตั้งแต่ปี 2529 จากการนำเครื่องแกงใต้สูตรของคุณแม่ขายในตลาดสดท่ากลาง จ.ตรัง

เป็นแค่ร้านเล็กๆ แต่มีลูกค้าติดใจในรสชาติที่ของพริกแกงจะโหรมที่มีเอกลักษณ์คือรสชาติเข้มข้น จัดจ้านตามตำรับพริกแกงใต้เลยบอกกันปากต่อปากทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

 

ตอนนั้นเป็นจังหวะที่แม็คโคร ซึ่งเป็นบริษัทในเครือซีพีได้เข้ามาเปิดสาขาที่จ.ตรัง และได้มาสำรวจสินค้าในพื้นที่และเห็นว่าจะโหรมเครื่องแกงเป็นสินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพ  ก็เลยชวนให้ไปขายเครื่องแกงในแม็คโคร

แม้เราจะยังไม่รู้กระบวนการพัฒนาสินค้าไปขายในห้าง พริกแกงยังไม่ได้มีอย. แต่โอกาสมาแล้ว ต้องลองทำให้ได้ ถ้าเราเข้าไปอยู่ในการขายของแม็คโครก็จะมีโอกาสไปได้ทั่วประเทศ และได้พาเครื่องแกงจะโหรมไปขายในต่างประเทศได้

 


ภาพฝันที่เราอยากเห็นจะโหรมเครื่องแกงของเราจะมีวางขายทั่วประเทศ ไปทุกหย่อมหญ้ามีพริกแกงใต้ของเราจำหน่ายให้คนได้กินของอร่อย ราคาถูกในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง 

ชูโรงคำว่า แกงใต้แกงไทยแท้ๆ ไปที่ไหนก็มีอาหารไทยและอาหารใต้ให้คนได้กินของอร่อยที่เป็นรสชาติไทยแท้ๆ ”


 

 

ชุติมา  ได้ขยายความว่า หลังจากจะโหรมได้เข้าไปเป็นคู่ค้ากับแม็คโครในปี 2546 และได้เข้าร่วมโครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส

ทำให้ได้ขยายช่องทางการขายเครื่องแกงปักษ์ใต้จากตลาดสดสู่ห้างโมเดิร์นเทรดได้อย่างมั่นใจและพร้อมพัฒนาธุรกิจสู่ความเป็น ‘มืออาชีพ’ อย่างไม่หยุดนิ่ง

เราได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้จากการได้เข้าร่วมแพลตฟอร์มแห่งโอกาสทำให้เราเป็นมืออาชีพมากขึ้น ตั้งแต่การตอบลูกค้า  การจัดซื้อ การส่งของให้ตรงเวลา และส่งของให้มีคุณภาพ

แม็คโครจะสอนเราเรื่องของการทำการตลาด  การทำ B2B  ระหว่างคู่ค้าด้วยกัน การพัฒนาระบบมาตรฐานต่างๆ ซึ่งตอนนี้จะโหรมเครื่องแกงได้รับมาตรฐานรับรองทั้งการขออย. เพื่อจำหน่ายอาหารในบรรจุภัณฑ์

รวมถึงเข้าทดสอบผ่านทุกมาตรฐานบริการต่างๆ ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น HACCP BRC และ SEDEX  ถือเป็นใบเบิกทางทำให้สินค้าของเราได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากลและทำให้สามารถขยายพริกแกงใต้ส่งออกไปยังต่างประเทศ

 

 

“ตอนนี้เราได้ส่งออกเครื่องแกงใต้ไปต่างประเทศรวม 12 ประเทศทั่วโลกแล้ว เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย สวีเดน ดูไบ

สำหรับเป้าหมายในปีนี้เราจะเน้นไปที่การผลิตพริกแกงไทยที่เป็น Ingredient เข้าตลาดอุตสาหกรรมอาหารพร้อมทานในต่างประเทศมากขึ้น

ซีพีได้เปิดโอกาสให้เราทำธุรกิจรวมกับบริษัทในเครือฯ นอกจากแม็คโครเราได้เอาพริกแกงไปวางจำหน่ายในโลตัสด้วย ซึ่งมองว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายในปี 2567 เพิ่มขึ้น 30%”

 

จุดเด่นของจะโหรมฯ คือเรื่องของคุณภาพของวัตถุดิบที่มาทำพริกแกงเราคัดสรรมาเป็นอย่างดี

ในขณะเดียวกันการทำธุรกิจของเราก็จะเน้นไปที่การสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ด้วยการซื้อวัตถุดิบจากชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง

เช่น ช่วงที่ยางราคาถูก เราก็จะไปบอกเขาว่าให้ปลูกตะไคร้ ปลูกขมิ้นในร่องสวนยาง ชาวบ้านก็จะปลูกแล้วก็เอามาส่งให้โรงงานได้ทุกวัน

 

“คำว่าโอกาสมันไม่ได้มีมาบ่อย และไม่ได้มีมาสำหรับทุกคน ฉะนั้นถ้ามีโอกาสเข้ามาเมื่อไรเราต้องรีบไขว่คว้า แล้วก็พัฒนาตัวเองให้สอดรับกับโอกาสที่เขาให้มา ทำให้ดีที่สุด

แพลตฟอร์แห่งโอกาส จึงไม่ใช่แค่โอกาสแค่ตัวเราอย่างเดียว แต่เป็นการกระจายรายได้ สร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น และตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ

ถ้าเทียบเป็นร่างกายเปรียบเสมือนเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย ถ้าเราได้เข้าไปร่วมอยู่ในเส้นเลือดนั้น เราจะได้เข้าไปในอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย  เป็นสิ่งที่ดีที่จะสร้างโอกาสให้ SME ไทยได้เติบโต” ชุติมา กล่าวปิดท้าย

 


เสื้อลายดอก ‘สกลทรัพย์เพิ่มพูน’ ส่งขายในโลตัสทั่วประเทศสร้างงาน-รายได้ให้ชาวสกลนคร

 

จากแนวคิดการทำธุรกิจด้วยหัวใจที่แบ่งปันให้กับคนในชุมชนได้มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง ทำให้แบรนด์ ‘สกลทรัพย์เพิ่มพูน’ SME ท้องถิ่นในจังหวัดสกลนครหนึ่งในผู้เข้าร่วมแพลตฟอร์มแห่งโอกาสของเครือซีพี ได้พยายามพัฒนาตัวเองจนสามารถพาสินค้าเข้าห้างโลตัส

จำหน่ายเสื้อลายดอก เสื้อลำลองสวมสบายไปทั่วประเทศ จนทำรายได้ปีละราว 200 ล้านบาท (ก่อนวิกฤติโควิด-19)

และยังเป็นธุรกิจที่ช่วยกระจายรายได้สู่คนในชุมชน เพราะพนักงานของโรงงานร่วม 100 ชีวิตเป็นคนในพื้นที่ทั้งหมด

ขณะเดียวกันยังแจกจ่ายผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บให้พี่ชาวบ้านในละแวกโรงงานนำไปแปรรูปสร้างรายได้ในรูปแบบพรมเช็ดเท้า ไม้ถูพื้น และเปลญวณด้วย

 

 

ณิชชา มหาอัฑฒ์สกุล ผู้บริหาร หจก. สกลทรัพย์เพิ่มพูน เปิดเผยว่าได้มีโอกาสเริ่มต้นทำธุรกิจกับโลตัส หนึ่งในธุรกิจของเครือซีพีเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

และพัฒนาตัวเองไปตามมาตรฐานที่ทางโลตัสกำหนด จนทำให้สินค้าเราได้รับการรับรองมาตรฐานด้วยเครื่องหมาย Thailand Textile Tag การันตีสินค้าคุณภาพ ปลอดภัยต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อมถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการมอบความมั่นใจและการันตีให้ลูกค้าได้ว่าสินค้าที่เราผลิตนั้นมีคุณภาพ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของทีมงานอย่างมาก

 

รวมไปถึงการได้รับโอกาสที่ได้เข้าร่วมในแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างรายได้จากช่องทางการขายของโลตัสที่แต่ละปีที่มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้น

ทำให้เราได้เติบโตไปพร้อมกับคู่ค้า จากการสั่งออเดอร์รอบแรกเพียง 2 แสนตัว เคยมีออเดอร์มากที่สุดเข้ามาถึง 2 ล้านกว่าตัว เป็นเป้าหมายที่เกินคาดสำหรับเราที่เป็นแค่ธุรกิจท้องถิ่นขนาดเล็ก กลุ่มชาวบ้านก็เรียกลูกหลานที่ไปทำงานกรุงเทพฯ กลับมาทำงานด้วยกัน เพราะโรงงานนี้มีงานเยอะตลอดทั้งปี เราเน้นจ้างงานคนในพื้นที่ ให้โอกาสคนที่มีความบกพร่อนอกจากนี้การตัดผ้า จะมีเศษผ้าที่เหลือเราส่งไปต่อยอดให้กลุ่มชาวบ้านที่ไม่มีต้นทุนทำธุรกิจ สามารถมารับเศษผ้านี้ไปสร้างรายได้เพิ่ม เช่น ทำพรมเช็ดเท้า ไม้ถูพื้น เปลญวน ทำผ้าวนสำหรับเช็ดเครื่องจักรที่เย็บเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมแล้วส่งเข้าโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ทำให้เขามีรายได้เพิ่มโดยไม่ต้องลงทุน เป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด

 

 

“โลตัส เปรียบเสมือนครูในการทำธุรกิจ คอยสอน คอยบอกให้พัฒนาสินค้าอยู่ตลอด เราเป็นแค่ SME เล็กๆในท้องถิ่นได้มีโอกาสไปเรียนรู้การทำธุรกิจกับองค์กรใหญ่ ทั้งการบริหารจัดการธุรกิจ การเลือกเครื่องจักรและวิธีการทำงานที่ได้มาตรฐาน การคำนวณต้นทุนต่างๆ ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเลยค่ะ เรามั่นใจในการทำธุรกิจมากขึ้น ลูกค้าที่เข้ามาก็เชื่อถือเรา”

 

ณิชชา กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้รายได้ยอดขายหายไปเกินครึ่ง  แต่ได้รับการช่วยเหลือจากการเข้าร่วมแพลตฟอร์มแห่งโอกาสของเครือซีพี

โดยการให้โอกาสผลิตแมสก์จำนวน 2 แสนชิ้น และให้เราไปหัดเย็บชุด PPE ซึ่งเราไม่เคยทำ จากเคยทำงานผ้าต้องมาเย็บชุดกระดาษ เอาตัวอย่างขั้นตอนมาแกะแบบเองเลย

จากวันแรกผลิตได้ประมาณ 200 ชุด ต่อวัน สักพักปรับตัวได้ ทำได้ประมาณ 2,000 ชุดต่อวัน เราผ่านจุดนั้นมาด้วยความโชคดีเพราะมีคู่ค้าอย่างเครือซีพีดูแล ทำให้เราปรับเปลี่ยนจากการผลิตเสื้อผ้า มาผลิตแมสก์ และชุด PPE เพื่อส่งขายผ่านห้างโลตัส

โควิดผ่านไป 1 ปี ทางโลตัสก็รีบช่วยหาช่องทางให้ผู้ผลิตต้องไปต่อให้ได้ ทำให้เรายังประคับประคองธุรกิจได้ โดยไม่ได้เลิกจ้างพนักงานเลยสักคน ต้องขอบคุณที่ให้โอกาสและช่วยผู้ประกอบการอย่างเราให้มีช่องทางในการค้าในช่วงวิกฤติได้

 

“วันนี้เรามีพนักงาน 100 คนเท่ากับมี 100 ครอบครัว  การทำธุรกิจเราคิดอยู่เสมอว่า ถ้าพนักงานมีชีวิตที่ดีขึ้น มีบ้าน มีรถยนต์ แปลว่าธุรกิจเราประสบความสำเร็จ

แพลตฟอร์มแห่งโอกาสจึงเป็นเหมือนการสร้างโอกาสให้แก่คนที่ไม่มีโอกาส สามารถสร้างคนที่มีความสามารถได้ฉายแสง และยังช่วยกระจายรายได้ให้คนในพื้นที่มีงานทำ

ทุกคนจะได้มีชีวิตที่ดี ครอบครัวก็มีความสุข การให้โอกาสเป็นเรื่องดีที่สุด” ณิชชา กล่าวปิดท้าย

 

แพลตฟอร์มแห่งโอกาสเสริมแกร่ง SME-เกษตรไทยเติบโตไปด้วยกัน

 

เครือซีพีและกลุ่มธุรกิจในเครือฯ ได้ให้ความสำคัญส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยของไทยมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยการนำของ ซีอีโอ ศุภชัย เจียรวนนท์ ที่มีความตั้งใจจะส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจ SME และเกษตรกรไทยมาอย่างต่อเนื่อง

จึงได้มีนโยบายให้ 3 กลุ่มธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในเครือซีพี ประกอบด้วย เซเว่น อีเลฟเว่น แม็คโคร และโลตัส เร่งผนึกกำลังดำเนินโครงการ ‘แพลตฟอร์มแห่งโอกาส’

เสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการไทยได้มีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าผ่านธุรกิจค้าปลีกของเครือฯ ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ พร้อมทั้งสนับสนุนธุรกิจที่มีความพร้อมในการส่งออกต่างประเทศด้วย

 

ในขณะเดียวกันยังต่อยอดสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการจัดตั้ง CP Seeding Social Impact Co., Ltd. หรือ CPSSE ขึ้น เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการทุกระดับ

ตั้งแต่ผู้ประกอบการขนาดย่อย วิสาหกิจชุมชน รวมถึงเกษตรกรไทย ให้เกิดองค์ความรู้ เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งในระดับประเทศและตลาดโลก

 

 

นอกจากนี้ยังได้มีการเชื่อมโยงโอกาสต่างๆ และช่องทางตลาด วัตถุดิบ องค์ความรู้ และโอกาสด้านเงินทุน จากความร่วมมือในเครือฯ และเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ

ผ่านช่องทางของแพลตฟอร์ม เช่นการเปิดเวทีจับคู่ธุรกิจ “SME Online Business Matching”  เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEและเกษตรกรไทยทั่วประเทศสามารถนำเสนอสินค้าทุกประเภท

ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคได้สามารถจัดจำหน่ายใน เซเว่น อีเลฟเว่น แม็คโคร และโลตัส รวมถึงเสริมช่องทางออนไลน์ต่างๆ ในเครือข่ายของเครือซีพีเพิ่มขึ้น การสร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบ O2O (Online to Offline) ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสอุดหนุนสินค้าของผู้ประกอบการรายย่อยสามารถสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนพร้อมแข่งขันในตลาดโลกได้

[อ่าน 1,179]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มพูลผล มอบเงินสนับสนุน และน้ำมันพืชตรากุ๊ก วุ้นเส้นต้นสน ให้กับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และเหล่าทหารกล้า
กทพ. ปิดเบี่ยงทางลงดินแดงตลอด 24 ชม. ยาวถึงปี 2572 เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม – ยังสัญจรได้ 3 ช่องจราจร
16 ปีแห่งความภาคภูมิใจ GSK คว้ารางวัล AMCHAM Corporate Social Impact Awards 2025 ต่อเนื่อง
NT ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร และ กสทช. เปิดบริการ “สายด่วน 1818”
ยูโอบี ประเทศไทย เสริมเกราะป้องกันทางการเงิน จัดสัมมนาให้ความรู้ รับมือมิจฉาชีพในยุคภัยหลอกลวงระบาด
SAM ชูไฮไลท์ที่อยู่อาศัยทำเลทอง ราคาดี เปิดประมูลครั้งที่ 21 มูลค่ารวมกว่า 157 ลบ.
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved