บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง คาราบาวแดง นำคณะสื่อมวลชนและผู้โชคดีจากจากแคมเปญ “ส่งฝาคาราบาวลุ้นไปดูบอลนัดชิงที่อังกฤษกับพี่แอ๊ด” เข้าชมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ “คาราบาวคัพ 2018” ณ สนามเวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ พร้อมเผยผลสำเร็จในการเจาะตลาดอังกฤษและยุโรป ด้วยยอดขายทะลุเป้า เตรียมสยายปีกตลาดอเมริกา และจีน ชูกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งหวังสร้างแบรนด์กระหึ่มเวทีระดับโลก
เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทคาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG กล่าวว่า การเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษ หรือ คาราบาว คัพ ในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จในการนำแบรนด์ไทยบุกตลาดอังกฤษและตลาดยุโรป เห็นได้จากแบรนด์คาราบาวเป็นที่รู้จักมากขึ้นในเวทีสากลและประสบความสำเร็จอย่างสูงในแง่ของยอดขาย โดยคาดว่าในปีนี้จะทำยอดขายในประเทศอังกฤษได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในอังกฤษมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในยุโรป มูลค่าตลาด 2,348 ล้านเหรียญสหรัฐ และเติบโตต่อเนื่องทุกปี ผู้บริโภคมีทั้ง วัยรุ่น-ผู้ใหญ่ นิยมดื่มเป็นซอฟต์ดริงก์ 70% เป็นมิกเซอร์ 30% หากบริษัทสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในอังกฤษได้ ก็จะเป็นบันไดสู่การบุกประเทศอื่น ๆ ในยุโรปต่อไป
"อังกฤษคือแฟลกชิปให้เราเดินเข้าไป ทำตลาดในยุโรป เราตั้งเป้าจะขึ้นเบอร์ 3 ภายใน 2-3 ปีนี้ และกำลังจะขยายเข้าไปในฝรั่งเศส โดยปีนี้คาราบาวยังเดินหน้าลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างแบรนด์สร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า รวมถึงขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ จากที่มีแล้วใน ASDA, Morrisons, WHSmith, COOP, Poundland, Pouldworld, One Stop BP ฯลฯ ควบคู่ไปกับการให้ความ สำคัญกับการจัดแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายและการรับรู้ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาทีมีแฟนคลับอยู่ทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมเจรจากับสโมสรฟุตบอลอาชีพในลีกชั้นนำหลายประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ เพื่อเป็นสปอนเซอร์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการนำเครื่องดื่มคาราบาวแดงเข้าไปให้บริการในคลับ หรือสโมสร ตลอดจนการติดโลโก้บนหน้าอกเสื้อที่ใช้ฝึกซ้อม หรือแข่งขัน ทั้งนี้แนวทางการทำตลาดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักคือการใช้กีฬาเป็นฐานสำคัญเพื่อขยายตลาดในยุโรป”
นอกจากนี้ เสถียร ยังกล่าวต่อว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้า ในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์เพื่อเข้าไปจำหน่ายสินค้า โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ ซึ่งในปีนี้บริษัทจะขยายตลาดยุโรปมากขึ้น เพราะมองว่ายังมีอัตราการเติบโตที่ดี แต่เบื้องต้นจะเป็นการส่งสินค้าไปจำหน่ายหากในอนาคตตลาดมีการขยายตัวได้ดี อาจจะพิจารณาตั้งโรงงานเพื่อเป็นฐานการผลิตอีกด้วย
นอกเหนือจากการบุกตลาดอังกฤษ และยุโรปแล้ว คาราบาว ยังมีเป้าหมายในการเจาะตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูงอย่างจีน ซึ่งปัจจุบันมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก หรือ 8,513 ล้านเหรียญสหรัฐ รองจากสหรัฐอเมริกา โดยระยะเวลาเพียง 6 เดือน หลังจากเข้าไปทำตลาดเมื่อกลางปี 2560 คาราบาวสามารถสร้างยอดขายถึง 130 ล้านกระป๋อง เนื่องจากจีนมีจำนวนประชากรเป็นอันดับ 1 ของโลก และการบริโภคต่อหน่วยยังต่ำเพียง 1-2 ลิตร/คน/ปี เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ที่ 6 ลิตร/คน/ปี จึงถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก โดยคาราบาวเตรียมแผนรุกตลาดจีนเต็มสูบ ด้วยการเทงบประมาณ 4,000-6,000 ล้านบาทสร้างการรับรู้ผ่านการโฆษณา กิจกรรมต่างๆ และเป็นการเป็นสปอนเซอร์ให้กับกีฬาที่คนจีนชื่นชอบ รวมถึงการแจกตัวอย่างทดลองชิม และสาวบาวแดง ฯลฯ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้เข้าไปจัดตั้งสำนักงานใน 27 มณฑล รวม 60 แห่งทั่วจีน พร้อมพนักงานอีก 1,000 กว่าคน ทั้งมองหาโรงงานผลิตในจีน (OEM) เพื่อลดต้นทุนการขนส่งจากไทยด้วย
"ปีนี้น่าจะเห็นยอดขายถึง 300 ล้านกระป๋อง ปีต่อไปจะขยับเป็น 1,000 ล้านกระป๋อง หากตลาดตอบรับ คนเก่าก็ดื่มเพิ่ม คนใหม่ก็จะเข้ามาดื่มเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่าสัดส่วนการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังในจีนจะอยู่ที่ 50% ของโลก ใน 2-3 ปีข้างหน้า หรือมียอดขายรวมเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านกระป๋องต่อปี”
สำหรับตลาดต่างประเทศการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังเป็นที่นิยม ตลาดจึงเติบโตมากโดยคาดการณ์ว่าปี 2562 ตลาดทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2 ล้านล้านบาท ขณะที่ตลาดในประเทศไทยมีมูลค่าราว 36,000 ล้านบาท ซึ่งนายเสถียร เผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2561 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งเป็นการเติบโตจากตลาดในประเทศไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนตลาดต่างประเทศคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% โดยตลาดในประเทศปีนี้ บริษัทจะเน้นการกระจายสินค้าให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นแบรนด์ระดับโลก สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของคาราบาว กรุ๊ป “สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก World Class Products, World Class Brand”