ณัฏฐ์รดา คุณะวิวัฒนานนท์ นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย หรือ SCATH กล่าวว่า สมาคมฯ มุ่งเน้นพัฒนาและสนับสนุนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนในวงการกาแฟตั้งแต่ เกษตรกร คนแปรรูป โรงคั่วกาแฟ บาริสต้า ไปจนถึงผู้บริโภค ให้สามารถสร้างสรรค์และบูรณาการวัฒนธรรมกาแฟได้อย่างอย่างยั่งยืน โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งตลาดในและต่างประเทศอย่างมั่นคง
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ Thailand Coffee Fest ได้สร้างปรากฎการณ์ที่เชื่อมโยงผู้คนผ่านกาแฟ จนเกิดเป็นโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดและสร้างเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนและเรียนรู้วิถีทางแห่งกาแฟ สู่การจัดงานในปีนี้ที่ขยายความสำเร็จออกไปให้ไกลกว่าเดิม เพื่อเพิ่มโอกาสและกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคัก
อีกทั้งปีนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญในวงการกาแฟจาก 11 ประเทศ เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, กัวเตมาลา, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, อินโดนีเซีย, เยเมน, แคนาดา, อิตาลี, ปานามาและโคลัมเบีย ซึ่งถือเป็นการยกระดับกาแฟไทยสู่สากลในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และวัฒนธรรมกาแฟร่วมกัน
นอกจากจะเป็นกิจกรรมเพื่อยกระดับความเป็นสากลมากขึ้น Thailand Coffee Fest 2023 เพิ่มลิขสิทธิ์การแข่งขัน Thailand Coffee Event 2024 เพื่อหาตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งขันบนเวทีระดับโลก 2 รายการ ประกอบด้วย รายการแข่งขัน Thailand National Brewers Cup Championship 2024 และรายการแข่งขัน Thailand National Barista Championship 2024 จะเกิดขึ้นที่โซน Coffee Arena ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ของทุกวัน
ทั้งนี้บรรยากาศความสนุกสนานของแต่ละรอบการแข่งขันจะแตกต่างกันไป เพราะผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนก็พกฝีมือและความมั่นใจในประสบการณ์มาแบบเต็มร้อย ทั้งกองเชียร์ ทีมงานฝ่ายสนับสนุนแบบอัดแน่นเวที เพื่อเตรียมรับมือเผชิญกับความกดดันและความท้าทายจากคณะกรรมการตัดสินจากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งผู้ชนะจากรายการดังกล่าว จะเป็นตัวแทนประเทศไทยที่มีส่วนสำคัญ ในการผลักดันเมล็ดกาแฟพิเศษไทย ให้นำไปอวดโฉมผ่านแต่ละมิติการแข่งขันในนามแชมป์บาริสต้าจากประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันกาแฟซิกเนเจอร์สัญชาติไทย World Es Yen Championship 2023 เวทีประลองฝีมือนักชงกาแฟเอสเพรสโซ่เย็น เมนูกาแฟสัญชาติไทยแท้ที่มีรสชาติกาแฟเข้มข้นหวานมัน เย็นสดชื่น เหมาะกับอากาศร้อนของไทย โดดยหลังจากเปิดรับสมัครไม่ถึง 30 นาที มีผู้สมัครเต็มโควต้าที่วางไว้
ช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลาวด์แอนด์กราวนด์ จำกัด กล่าวว่า ปีนี้งาน Thailand Coffee Fest 2023 ขยายพื้นที่การจัดงานจาก 15,000 ตร.ม. เป็น 20,000 ตร.ม. จัดแบ่งเป็น 9 โซน จำนวน 331 บูธ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรักกาแฟ โดยมีบูทร้านค้าจากผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 108 ร้านค้ารอบงาน รวมทั้งบูทจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำของประเทศที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีคุณภาพเพื่อสร้างมูลค่าและการเติบโตให้ธุรกิจ
โซน Coffee Art ที่ร่วมจัดโดย Happening จำหน่ายผลงานศิลปะที่บอกเล่าความสุนทรีย์ของกาแฟในรูปแบบ 2D, 3D และ Art Toy จากนักออกแบบแถวหน้าของไทย, กิจกรรม Coffee Zero Waste ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ที่ทำให้งานนี้เป็น Carbon Neutral Event
เวทีเสวนาที่ได้เติมเต็มความรู้จากกูรูชั้นนำแถวหน้าของวงการกาแฟ ผ่านมิติงานเสวนาพิเศษที่รวบรวมคนทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังที่เป็นคีย์แมนสำคัญในการผลักดันวงการกาแฟพิเศษไทยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นงานเสวนาภายใต้หัวข้อ “คุณค่าของกาแฟพิเศษไทยของคุณคืออะไร ทิศทางการสร้างมูลค่าของกาแฟพิเศษไทยเป็นอย่างไร” ซึ่งมี อายุ จือปา ผู้ก่อตั้ง Akha Ama Coffee ที่ทำให้แหล่งปลูกและชาติพันธุ์อาข่าเป็นที่ยอมรับ
ส่วนหัวข้อ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนอาข่าให้ดีขึ้น โดย วรัตต์ วิจิตรวาทการ ผู้ก่อตั้ง Roots Coffee ร้านกาแฟชื่อดังที่กาแฟทุกแก้ว ทุกเมล็ดที่เบลนด์ใช้เป็นกาแฟพิเศษไทย 100% ที่โซน Coffee Stage และเสริมความรู้ไขทุกข้อข้องใจจากมุมมองผู้เชี่ยวชาญในวงการกาแฟ กับ เคเลบ จอร์แดน ผู้ก่อตั้ง Gem Forest Coffee ที่สร้างองค์ความรู้ในการปลูกกาแฟกับเกษตรกรที่แหล่งปลูกบ้านมณีพฤกษ์ จังหวัดน่าน จนได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟพิเศษไทย 2023 ทั้ง 3 Process, ศึกษิต เทพอารีย์ ผู้ก่อตั้ง Happy Espresso และผู้จัดการส่วน QA ของ Cafe Amazon ผู้บุกเบิกวงการกาแฟพิเศษไทยและเบื้องหลังการผลิตกาแฟ Amazon Coffee
นิทรรศการพิเศษที่จะบอกเล่าความเชื่อมโยงระหว่างข้าวและกาแฟ ที่มีอะไรเหมือนกันมากกว่าที่คิด กับเรื่องราวของ “ข้าวพื้นบ้าน” ด้วยการชิมข้าว 15 สายพันธุ์ที่กำลังจะหายไปจากท้องนาทั่วประเทศ พร้อมเรียนรู้เรื่องข้าวและสิ่งที่เกิดขึ้นในท้องนาไทยแบบลงลึกผ่านสำรับ “กับข้าว” เพื่อชวนให้คนไทยรู้จักสายพันธุ์ข้าวเพิ่มขึ้นและสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ในการบริโภคข้าวไทยให้กับผู้บริโภค ธุรกิจร้านอาหารและเกษตรกร