“บสย.” โชว์ผลงาน SMEs เข้มแข็ง-PGS 10 เข้าถึงคนตัวเล็กมากขึ้น
20 Jul 2023

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย.โชว์ผลงาน 6 เดือนแรกปี 2566 ทำได้ตามเป้าหมาย ชูโครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs เข้มแข็ง” (PGS 10) เข้าถึงผู้ประกอบการรายย่อยมากขึ้น พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ “3 เร่ง” ดันผู้ประกอบการไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ

 
 

“SMEs เข้มแข็ง PGS 10” เข้าถึงคนตัวเล็กมากขึ้น

สิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า โครงการค้ำประกันสินเชื่อที่โดดเด่นในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs เข้มแข็ง หรือ PGS 10 ที่อนุมัติค้ำประกัน 24,766 ล้านบาท จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติในเดือนกุมภาพันธ์จำนวน 50,000 ล้านบาท จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อทั้ง 5 กลุ่ม คือ 1. Smart Biz มีสัดส่วนค้ำ 62% วงเงินค้ำเฉลี่ยต่อราย 5.17 ล้านบาท 2. Smart One 25% วงเงินค้ำเฉลี่ยต่อราย 2.72 ล้านบาท 
 
3. Small Biz 13% วงเงินค้ำเฉลี่ยต่อราย 90,000 บาท 4. Smart Green 0.14% วงเงินค้ำเฉลี่ยต่อราย 3.82 ล้านบาท และ5. Startup 0.01% วงเงินค้ำเฉลี่ยต่อราย 70,000 บาท ซึ่งช่วยให้ SMEs ได้สินเชื่อจำนวน 40,254 ราย และโครงการค้ำประกันดอกเบี้ยถูกตามพ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2 ที่ทำร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถช่วย SMEs ได้สินเชื่อจำนวน 5,450 ราย 
 
ทั้งนี้มองว่ากลุ่ม Small Biz ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยนั้นมีสัดส่วนการค้ำประกัน 13% ซึ่งน่าสนใจว่ากลุ่มนี้ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบจากธนาคารพาณิชย์ได้มากขึ้น รวมถึงกลุ่ม Startup ที่เริ่มให้ความสำคัญในการเข้าปรึกษากับบสย.เพื่อการค้ำประกันสินเชื่อ จากเดิมส่วนใหญ่กลุ่ม Startup ที่เข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินมีน้อย เนื่องจากสัดส่วน 70% ของกลุ่มนี้ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นของตนเองเป็นหลักและมีเพียง 30% ที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ 
ในขณะที่หากมองแบบมุมกลับหาก Startup สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินเพื่อการลงทุนได้ถึง 70% จะเป็นเรื่องที่ดีมาก ทั้งนี้นโยบายของธนาคารเพื่อการพาณิชย์ส่วนใหญ่มีเงื่อนไขในการพิจารณาการให้สินเชื่อเน้นไปที่ความสามารถในการชำระหนี้ซึ่งไม่ได้มองที่การเติบโตแบบก้าวกระโดดที่กลุ่มนี้ทำได้ และเมื่อเริ่มต้นธุรกิจยังไม่มีประวัติทางการเงินอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบธนาคารได้ 
 
ทั้งนี้โปรแกรมสำหรับรองรับ Startup ของบสย.จึงตอบโจทย์และพบว่าส่วนใหญ่ที่เข้ามาปรึกษาไม่เคยมีประวัติเครดิตบูโร ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ซึ่งหลังจากบสย.พิจารณาแล้วจึงทำการค้ำประกันสินเชื่อให้ โดยมีธนาคารหลายแห่งที่เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ชิพในโครงการนี้ซึ่งเล็งเห็นว่ากลุ่ม Startup มีศักยภาพในการชำระหนี้
 
อีกทั้งมองว่ากระแสการทำธุรกิจบนความยั่งยืนซึ่งยึดหลักการของ ESG นำไปใช้ในแผนดำเนินการของบริษัทและมีการเก็บข้อมูลรวมถึงรายงานที่ชัดเจนเพื่อนำเสนอต่อสถาบันการเงินเพื่อเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ซึ่งในโครงการ SME เข้มแข็ง มีการออกแบบโปรแกรม Smart Green เพื่อสนับสนุนกลุ่มธุรกิจที่ต้องการปรับเปลี่ยนและปรับตัวให้สอดรับกับกระแสการทำธุรกิจในปัจจุบัน เช่น กลุ่มธุรกิจพลังงานที่ต้องการเปลี่ยนจากพลังงานฟอสซิลเป็นพลังงานหมุนเวียนซึ่งอาจจะไม่มีหลักประกันในกู้สินเชื่อกับธนาคารสามารถเข้าโปรแกรมนี้เพื่อให้บสย.ค้ำประกันได้ โดยใน 4 ปีแรกจะฟรีค่าธรรมเนียม เป็นต้น
 
 
 

ครึ่งแรกปี 2566 “บสย.” ได้งานตามเป้าหมาย

กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวต่อว่า ผลดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีนี้ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายทั้งด้านการค้ำประกันสินเชื่อ การเติมสภาพคล่องทางการเงินต่อยอดธุรกิจ SMEs การแก้หนี้ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผ่านมาตรการ ‘บสย. พร้อมช่วย’ การให้คำปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A. Center) การขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล Digital Technologyและการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานบน Line @tcgfirst  
 
ทั้งนี้งานอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อวงเงินรวม  67,987 ล้านบาท สามารถช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 51,427 ราย สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 280,786 ล้านบาท สร้างสินเชื่อสู่ระบบ 76,049 ล้านบาท รักษาการจ้างงานรวม 493,552 ตำแหน่ง โดยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ 4 โครงการหลัก ได้แก่ 
 
 
 
 
  1. โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก (พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2) วงเงิน 30,280 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 45% ของวงเงินรวม ช่วย SMEs 5,450 ราย 
  2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs เข้มแข็ง (PGS 10) วงเงิน 24,766 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36% ของวงเงินรวม ช่วย SMEs 40,254 ราย 
  3. โครงการค้ำประกันสินเชื่อรายสถาบันการเงิน ระยะที่ 7 (BI7) วงเงิน 8,634 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13% ของวงเงินรวม ช่วย SMEs 4,453 ราย 
  4. โครงการค้ำประกันสินเชื่ออื่นๆ (PGS Renew และ PGS 5 ขยายเวลา) วงเงิน 4,307 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6% ของวงเงินรวม ช่วย SMEs 1,702 ราย
 
ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ภาคบริการ สัดส่วน 31% ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ภัตตาคาร ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจโรงแรมและหอพัก ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจแวร์เฮ้าส์ 2.ภาคเกษตรกรรม สัดส่วน 11% ได้แก่ ธุรกิจผัก-ผลไม้ ธุรกิจชา กาแฟ  ธุรกิจข้าว และพืชไร่ ธุรกิจสินค้าเกษตร ธุรกิจปศุสัตว์และธุรกิจประมง และ3.ภาคการผลิตและสินค้าอื่น สัดส่วน 10% ได้แก่ ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจค้าปลีก ตลาดสด และแผงลอย ธุรกิจค้าของเก่า ธุรกิจจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์ ธุรกิจการค้า ธุรกิจการผลิตอื่นๆ 
 
 
 
 
นอกจากนี้บสย. ได้ให้คำปรึกษาทางการเงินกับ SMEs ในส่วนของบสย. F.A. Center มากกว่า 14,076 ราย ส่วนโครงการช่วยลูกหนี้ ‘บสย. พร้อมช่วย’ ซึ่งเป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือลูกหนี้แก้หนี้ยั่งยืนได้รับผลสำเร็จที่ดีสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านโครงการประนอมหนี้ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในมาตรการ 3 สี คือ ม่วง เหลืองและเขียว ‘ผ่อนน้อย เบาแรง’ ได้มากถึง 10,208 ราย คิดเป็นวงเงิน  3,745 ล้านบาท โดยชำระครั้งแรก 10% ผ่อนนาน 7 ปี ตัดเงินต้นทั้งจำนวน ดอกเบี้ย 0% มีสัดส่วนผู้ใช้บริการสูงสุด หรือคิดเป็น 84% 
 

ตอกย้ำ “Fast & First” กับกลยุทธ์ “3 เร่ง” ดันรายย่อยถึงเงินทุน 


กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวต่อว่า ทิศทางการดำเนินงานครึ่งหลังของปีนี้ยังคงเน้นย้ำที่การยกระดับค้ำประกันด้วย Digital Technology สู่การเป็น SMEs Gateway ตามแนวทาง TCG Fast & First  รวดเร็ว รอบคอบ ที่หนึ่งในใจ SMEs เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบให้ได้มากที่สุดในช่วงฟื้นประเทศ โดยเน้นการทำงาน 3 เร่ง คือ เร่งค้ำ เร่งพัฒนา เร่งยกระดับ ซึ่งจะต้องทำไปพร้อมๆ กัน
 
 1. เร่งผลักดันการค้ำประกันสินเชื่อ โดย บสย. มีวงเงินค้ำประกันสินเชื่อโครงการ PGS 10 รองรับราว 25,000 ล้านบาท โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก (พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู ระยะที่ 2) มีวงเงินรองรับราว 50,000 ล้านบาท และโครงการค้ำประกันสินเชื่อรายสถาบัน ระยะที่ 7 มีวงเงินรองรับราว 15,000 ล้านบาท
 
 2. เร่งพัฒนาโครงการพัฒนานวัตกรรม บสย. การให้บริการลูกค้าผ่านช่องทาง Digital Platform และพัฒนา Line @tcgfirst เพื่อการเข้าถึงบริการใหม่ อาทิ การจองคิวปรึกษา “หมอหนี้” ผ่าน Line @tcgfirst ตลอด 24 ชั่วโมง 
การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อที่สอดคล้องตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ และเทรนด์ผู้ประกอบการ SMEs ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ในกลุ่ม Start up กลุ่มธุรกิจรักษ์โลก และสิ่งแวดล้อม Green Business  กลุ่ม ESG การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน   โครงการพัฒนากระบวนการจัดการการเก็บหนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารหนี้ และโครงการพัฒนาระบบ TCG Data Management Platform เชื่อมโยงฐานข้อมูลทั้งภายในและภายนอก
 
3. เร่งยกระดับการเข้าถึงบริการให้คำปรึกษา หมอหนี้ บสย. โครงการพัฒนารูปแบบการให้คำปรึกษาทางการเงิน ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A. Center) และโครงการการให้บริการ Credit Mediator เพื่อให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น
 
 
 
 
 
[อ่าน 1,087]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ออร์บิกซ์เปิดตัวแคมเปญ “Power Up Your Life” ทุกการเทรดสะสม OBX Point แลกรับสูงสุด 100,000 คะแนน
AIS ยืนหยัดต้านคอร์รัปชัน ตอกย้ำองค์กรโปร่งใส เดินหน้ายกระดับมาตรฐานธุรกิจ
Primal เปิดตัวโซลูชัน SEO ยุคใหม่ “ElevateSEO” หนุนธุรกิจรับมือการเปลี่ยนแปลงจาก AI Search
เปิดแล้ววันนี้! AIS Shop สาขาใหม่ เซ็นทรัล พาร์ค พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ดิจิทัลเหนือระดับ ใจกลางกรุงเทพฯ
ไม่โกง…. ตรวจสอบได้! ทรูย้ำจุดยืนในวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2568 ภายใต้แนวคิด “ไม่โกง ไม่เกิด…จริงหรือ?”
Chivas Regal ร่วมสดุดีพลังแห่งการขับเคลื่อนเบื้องหลังทีม Scuderia Ferrari HP

MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved