ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นปีที่ดีนักสำหรับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพราะภาพรวมมีการเติบโตแบบน้อยมาก ทำให้แต่ละค่ายต่างต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภค ขนาดที่ว่าเจ้าตลาดอย่าง ‘มาม่า’ ยังต้องลงทุนจ้างซุปตาร์เบอร์หนึ่งอย่าง ‘อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ’ ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์

         โดยที่ในปี 2558 ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีมูลค่ารวมราว 20,000 ล้านบาท มีการแบ่งสัดส่วนเป็นแบบซอง 70% และแบบถ้วย 30% แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในแบบซองมีการติดลบ 1-2% ส่วนแบบถ้วยมีการเติบโต 7-8% เพราะด้วยเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภคที่เน้นความสะดวกขึ้น และมีความพรีเมียมมากกว่าแบบซอง

         สาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่เติบโตนั้น ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจก็มีส่วน แต่ในเรื่องของภาพรวมในตลาดเองนั้น ไม่ได้มีความหวือหวาอะไร ไม่มีแบรนด์ใหม่ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เข้ามากระตุ้นตลาด แบรนด์ต่างๆ ในตลาดก็ดำเนินกลยุทธ์ของตนเองต่อไป

         ด้วยเหตุนี้เองทำให้ ‘มอนเด นิสซิน (ประเทศไทย)’ มองวิกฤติเหล่านั้น เป็นโอกาสสำคัญในการปั้นแบรนด์ใหม่รุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับแบรนด์ ‘ลัคกี้ มี’ (Lucky Me!) แต่สร้างความแตกต่างด้วยจับเซกเมนต์  ‘อูด้งกึ่งสำเร็จรูป’ ที่ยังเป็นตลาดเล็กมาก ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี ทำให้มีราคาสูง 

         ลัคกี้ มี ได้วางจุดยืนเป็นอูด้งกึ่งสำเร็จรูปในระดับพรีเมียม และชูจุดเด่นด้วยความที่เป็นเส้นอูด้งสด เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 25-35 ปี มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในเมืองด้วยความเร่งรีบ และต้องการอาหารสำเร็จรูปที่มีคุณภาพ

         การออกอูด้งกึ่งสำเร็จรูปในครั้งนี้ถือว่าเป็นการขยับตัวครั้งใหญ่ของ มอนเด นิสซิน (ประเทศไทย) เช่นกัน เพราะแต่เดิมที่ทำตลาดในประเทศไทยมา 10 ปีได้อยู่แต่ธุรกิจขนมบิสกิต มีแบรนด์ว๊อยซ์ และซูโม่ จึงเป็นการแตกสายธุรกิจมายังธุรกิจอาหารเป็นครั้งแรก ได้ทุ่มงบลงทุน 1,500 ล้านบาทในการสร้างโรงงาน และไลน์ผลิตอูด้งสดสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแห่งแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นิคมอมตะนคร จ. ชลบุรี ซึ่งไลน์ผลิตนี้สามารถผลิตเส้นอื่นๆ ได้ อย่างเช่น สปาเก็ตตี้ พาสต้า ราเมน ยากิโซบะ เป็นต้น

         เว็นเซสเลา วี ซานโตส ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท มอนเด นิสซิน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยยังคงที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะว่าในตลาดไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ สินค้ามีแต่เดิมๆ และเรายังพบว่าอัตราการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อหัวของคนไทยอยู่ที่ 45 ซอง/คน/ปี เท่านั้น เป็นอัตราที่น้อยเมื่อเทียบกับประเทศเกาหลีอยู่ที่ 72 ซอง/คน/ปี ทำให้ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกเยอะ”

         นอกจากงบลงทุนสร้างโรงงานมหาศาลแล้ว มอนเด นิสซินได้ทุ่มอีก 50 ล้านบาท เป็นงบการตลาดในการสร้างแบรนด์ และโปรโมทในปีแรก ที่จะครอบคลุมทั้งสื่อ Above & Below The Line และมีกิจกรรมออนกราวน์ก็คือฟู้ดทรัค รถบรรทุกอาหารยอดนิยมไปตามย่านธุรกิจต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ในวันจันทร์-ศุกร์ และตลาดนัดอีเวนต์ต่างๆ เพื่อให้คนได้เห็น และรู้จักแบรนด์

         โดยที่มอนเด นิสซินได้ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ 200 ล้านบาท เติบโตปีละ 30-40% และมีส่วนแบ่งการตลาดของบะหมี่แบบถ้วย 3.5% คาดว่าภายใน 5 ปีจะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งการตลาดราว 5%

         ปัจจุบันลัคกี้ มีจำหน่าย 2 รสชาติด้วยกันคือ รสเทมปุระ และรสต้มยำกุ้ง แบบถ้วยในราคา 49 บาท และแบบซองในราคา 39 บาท และตั้งเป้าที่จะออกรสชาติใหม่ๆ ปีละ 2 รสชาติ