Reebok กลายเป็นแบรนด์กีฬาล่าสุดที่กระโดดเข้าร่วม Metaverse ต่อจาก Adidas, Nike และ Puma เนื่องจากมุ่งมั่นที่จะขยายโอกาสที่ผู้บริโภคมีปฏิสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์ของตน ตั้งแต่รองเท้าไปจนถึงเครื่องแต่งกาย

โดยจะเริ่มเปิดตัวในปี 2567 ด้วยกิจกรรม “Reebok Impact” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างประสบการณ์รองเท้าดิจิทัลที่ “ทำให้ใจสั่น” ดังที่เห็นได้ชัดในวิดีโอด้านล่าง ประสบการณ์ดังกล่าวจะใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบต่าง ๆ ของ AI, web3, เกม และเทคโนโลยี Metaverse

Reebok ร่วมมือกับ Futureverse (บริษัทผู้สร้างแพลตฟอร์มที่รวม AI เข้ากับเทคโนโลยี Metaverse เพื่อสร้างชุดเครื่องมือ AI สำหรับคอนเทนต์ที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ

โดยเครื่องมือเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงแง่มุมต่าง ๆ ของ Metaverse เช่น ดนตรี วัตถุ ตัวละคร และแอนิเมชันต่างๆ)

เพื่อเริ่มต้นการผจญภัย Metaverse และสัญญาว่าจะเป็นเพียงก้าวแรกในการเป็นหุ้นส่วน "ระยะยาว" โดยขั้นตอนถัดไปจะรวมถึงการเพิ่มฟังก์ชันการทำงาน การบูรณาการ และประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค

เมื่อเจาะลึกลงไปในความร่วมมือครั้งนี้ Todd Krinsky ซีอีโอของ Reebok กล่าวว่า

"ความร่วมมือของเรากับ Futureverse และการเปิดตัว Reebok Impact ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะทำให้เราสามารถก้าวข้ามขอบเขตของนวัตกรรมแบบดั้งเดิม เพื่อดึงดูดผู้บริโภคของเราให้ดื่มด่ำและอิ่มเอมไปกับวิวัฒนาการทางดิจิทัลของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในรูปแบบที่กำหนดขอบเขตของความเป็นไปได้ใหม่"

ในการดำเนินการดังกล่าว Reebok ได้เดินตามเส้นทางที่คล้ายกับ Adidas, Nike และ Puma ในการทำให้อุปกรณ์สวมใส่แบบดิจิทัลพร้อมใช้งานใน Metaverse

ในกรณีของ Nike ถือว่าไปไกลมากแล้ว เพราะธุรกิจดังกล่าวยังได้เปิดตัว Nikeland ซึ่งเป็น "Micro Metaverse" ที่สร้างขึ้นภายในระบบนิเวศ Roblox (แพลตฟอร์มเกมออนไลน์ระดับโลก สำหรับนักเล่นเกมและนักพัฒนาเกม)

แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวอีกมากมายเพื่อยอมรับโลกแห่งความบ้าคลั่งของ XR (หรือ Extended Reality เป็นเทคโนโลยีความจริงขยาย เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีเสมือนจริงที่มีทั้งหมดเข้าด้วยกัน) ตัวอย่างเช่นเปิดตัวแพลตฟอร์มชุมชน SWOOSH Web3 เปิดร้านแนวคิด XR ในกรุงโซลและในปี 2564 ได้ซื้อสตูดิโอชั้นนำที่ออกแบบงานศิลปะ NFT

อย่างไรก็ตาม Shara Senderoff และ Aaron McDonald ผู้ร่วมก่อตั้ง Futureverse เชื่อว่าการทำงานร่วมกับ Reebox จะพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาเป็นผู้บุกเบิกอย่างแท้จริง โดยในแถลงการณ์ร่วม พวกเขากล่าวว่า

"เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศความร่วมมือพิเศษกับ Reebok ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเชื่อที่มีร่วมกันของเราที่ว่า ชีวิตคือการเดินทางของการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน ไม่ใช่การเฝ้าสังเกต

เราจึงต้องการเชิญชวนให้ผู้บริโภคก้าวเข้าสู่โลกที่รอยเท้าทางดิจิทัลมีความสำคัญพอๆ กับทางกายภาพ เรากำลังบุกเบิกความเป็นไปได้ทางดิจิทัลร่วมกัน โดยทุกย่างก้าวบอกเล่าเรื่องราว และทุกเรื่องราวกำหนดโลกของเรา"

สำหรับแนวคิดและการนำ Metaverse มาใช้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม ตลาดมีศักยภาพมากมาย เนื่องจากในอนาคต Metaverse สามารถปฏิวัติปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคได้

ส่วนแนวโน้มปัจจุบันของ Metaverse คือการสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนที่มีผู้ใช้หลายราย ซึ่งผู้ใช้สามารถโต้ตอบกันและวัตถุดิจิทัลแบบเรียลไทม์ การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงและความเป็นจริงเสริมเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและมีส่วนร่วม การพัฒนาสังคมในเกมออนไลน์ ประสบการณ์ การใช้สกุลเงินเสมือน การใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อปรับแต่งและกำหนดเป้าหมายประสบการณ์ให้กับผู้ใช้แต่ละราย ศักยภาพในการสตรีมสด อีคอมเมิร์ซ และธุรกรรมออนไลน์รูปแบบอื่นๆ

ปัจจัยสำคัญสำหรับการเติบโตในอนาคตของ Metaverse คือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น ความเป็นจริงเสมือนและความเป็นจริงเสริม ปัญญาประดิษฐ์ บล็อกเชน 5G และการประมวลผล Edge (การทำงานของการประมวลผลข้อมูลบนอุปกรณ์ต้นทางเอง ซึ่งช่วยลดการส่งข้อมูลไปยังศูนย์กลางและเพิ่มความเร็วในการตอบสนอง)

การนำแพลตฟอร์ม Metaverse มาใช้เพิ่มมากขึ้น ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดีย เกม และกิจกรรมอื่นๆ ในโลกเสมือนจริง การปรับเปลี่ยนในแบบเฉพาะของผู้ใช้งานแต่ละราย และการกำหนดเป้าหมายประสบการณ์ไปยังผู้ใช้แต่ละราย

การใช้สกุลเงินเสมือน การเกิดขึ้นของโมเดลธุรกิจใหม่ ศักยภาพในการสตรีมสด อีคอมเมิร์ซ และธุรกรรมออนไลน์รูปแบบอื่นๆ รวมถึงบทบาทสำคัญของนวัตกรรมและการทดลองในการกำหนดอนาคตของ Metaverse

นอกจากนี้ ความก้าวหน้าในฮาร์ดแวร์ เช่น ชุดหูฟัง VR และ AR ตัวควบคุม และอุปกรณ์ตอบสนองระบบสัมผัสจะมีบทบาทสำคัญในการเติบโตของ Metaverse เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้ยังมีอุปสรรคอยู่บ้าง เช่น ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การเสพติดและผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพจิต ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ การขาดการเข้าถึงของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อไม่เพียงพอ และความกังวลที่มีต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่จะทำให้เส้นแบ่งระหว่างชีวิตเสมือนจริงและชีวิตจริงเลือนหายไป

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Statista รายงานว่าตลาด Metaverse กำลังเฟื่องฟูทั่วโลก โดยประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น เป็นผู้นำในด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการยอมรับของผู้ใช้

ทั้งยังคาดการณ์ว่าตลาด Metaverse จะมีมูลค่าถึง 56.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 มีอัตราการเติบโตสะสมเฉลี่ยต่อปี (CAGR 2566-2573) ที่ 36.80% ส่งผลให้มีมูลค่าตลาดที่คาดการณ์ไว้ที่ 507.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573

ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้ในตลาด Metaverse สูงถึง 2,633 ล้านคน ขณะที่การเข้าถึงผู้ใช้คาดว่าจะอยู่ที่ 12.5% ​​ในปี 2566 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 39.7% ภายในปี 2573 มูลค่าเฉลี่ยต่อผู้ใช้หรือรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ที่ชำระเงิน (ARPU) คาดว่าจะอยู่ที่ 71 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ในปี 2566 ตลาดในสหรัฐอเมริกามีมูลค่าสูงสุดในตลาด Metaverse โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 17.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของผลประกอบการของ Reebok ในปีงบประมาณ 2565 ธุรกิจ Reebok ภายใต้ Adidas Group มียอดขายสุทธิประมาณ 353 ล้านยูโร  แต่หลังจากที่ Adidas ขายแบรนด์ Reebok ให้กับ Authentic Brands Group LLC ของสหรัฐอเมริกา ได้มีการเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าขอซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565

ประวัติศาสตร์ของ Reebok เริ่มต้นย้อนกลับไปในปี 2433 หรือกว่า 133 ปีที่แล้ว เมื่อช่างทำรองเท้าชื่อ J.W.Foster พัฒนารองเท้าวิ่งที่มีปุ่มแหลมขึ้นเป็นครั้งแรก ช่วยให้นักกีฬาวิ่งได้เร็วกว่าที่เคย

#Reebok #Metaverse #MarketPlusDaily #MarketPlusUpdate