KBank Private Banking และ Lombard Odier เผย 4 เมกะเทรนด์ลงทุน เตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลก
20 Dec 2023

KBank Private Banking ร่วมกับ Lombard Odier เผย 4 เมกะเทรนด์การลงทุนที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ท่ามกลางความผันผวนของสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ซึ่งทุกความเปลี่ยนแปลงส่งผลต่อเศรษฐกิจและการลงทุนได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการส่งต่อความมั่งคั่งครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนผ่านทรัพย์สินและรูปแบบการลงทุนไปสู่คนรุ่นใหม่ การลงทุนอย่างยั่งยืนเป็นที่ได้สนใจจากนักลงทุนมากขึ้น การเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนจากออฟชอร์สู่ออนชอร์ และความผันผวนและความไม่แน่นอนของตลาดทุน ทำให้การจัดสรรสินทรัพย์แบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป

 

จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า

การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการลงทุนเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ทำให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้นจนทำให้การส่งต่อความมั่งคั่งของแต่ละครอบครัวช้าลงกว่าในอดีต และกระจุกตัวกันจนเกิดเป็นการส่งต่อความมั่งคั่งครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในทศวรรษหน้า สภาวะวิกฤตของสภาพอากาศ ทำให้นักลงทุนตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนแบบยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงของกฏเกณฑ์ข้อบังคับและการพัฒนาของสถาบันการเงินที่ทำให้เกิดการนำเงินทุนกลับมาลงทุนในประเทศมากขึ้น และความผันผวนของตลาดในอัตราที่เพิ่มขึ้นทำให้รูปแบบการจัดสรรเงินลงทุนในแบบดั้งเดิมต้องมีการเปลี่ยนแปลง

 

KBank Private Banking ร่วมกับ Lombard Odier จึงได้สรุป 4 เมกะเทรนด์การลงทุนสำคัญ ดังนี้

  1. The Great Weath Transfer คาดว่าภายในปี 2573 บุคคลผู้ที่มีสินทรัพย์สูงทั่วโลกจะมีการส่งต่อความมั่งคั่งที่มีมูลค่าถึง 18.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 640 ล้านล้านบาท) โดยบุคคลผู้มีสินทรัพย์สูงในเอเชียแปซิฟิกจำนวนกว่า 70,000 ราย ส่งต่อความมั่งคั่งซึ่งจะมีมูลค่าประมาณ 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 88 ล้านล้านบาท)  ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวจะได้รับการส่งต่อให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีทัศนคติ รูปแบบการใช้ชีวิตและได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ ทำให้มีมุมมองที่กว้างขวางมากขึ้น และสนใจสิ่งใหม่ๆ ต่างจากรุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะในด้านการลงทุน กลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจและแสวงหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนในด้านเทคโนโลยี ดิจิทัลไฟแนนซ์ หุ้นนอกตลาด (Private Equity) ธุรกิจเงินร่วมทุน (Venture Capital) เป็นต้น
  2. Sustainability Revolution จากความเชื่อของ Lombard Odier ที่ว่ารูปแบบการดำเนินธุรกิจกำลังเปลี่ยนผ่าน จากการดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดิมที่เรียกว่า W.I.L.D (Wasteful - สิ้นเปลือง, Idle - เกินความจำเป็น, Lopsided – ไม่ทั่วถึง และ Dirty - สกปรก) มาเป็นการดำเนินธุรกิจในรูปแบบที่เรียกว่า C.L.I.C.® (Circular - หมุนเวียนได้ Lean -  เต็มประสิทธิภาพ Inclusive - เข้าถึงคนทุกกลุ่ม และ Clean - สะอาด) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะสร้างโอกาสในการลงทุนกว่า 5.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (กว่า 190 ล้านล้านบาท) ต่อปี ซึ่งโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ครั้งใหญ่นี้นอกจากจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางบวกและการสร้างความยั่งยืนให้กับโลก ยังนำไปสู่ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นและลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนได้อีกด้วย
  3. Onshorisation ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคนส่วนใหญ่มักกระจายการลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากมีทางเลือกและโอกาสในการลงทุนที่มากกว่า แต่ในปัจจุบัน ผู้ให้บริการและที่ปรึกษาด้านการลงทุนภายในประเทศ สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนในประเทศได้โดยที่มีโอกาสและทางเลือกไม่ต่างกัน  นอกจากนี้ในทศวรรษที่ผ่านมา ภาครัฐและองค์กรต่างๆ ทั่วโลกได้มีการดำเนินการเพื่อประสานงานเพื่อแลกเปลี่ยนและรายงานการตรวจสอบทรัพย์สินที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพื่อการดำเนินการด้านภาษีเพียงเท่านั้น แต่เป็นการระบุการไหลเวียนของเงินทุนข้ามพรมแดนและการถือครองความมั่งคั่งในต่างประเทศ จึงทำให้นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่นำเงินลงทุนกลับมาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น
  4. Current Macro Environment ตลาดที่ผันผวน อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่มากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับพลังงาน วิกฤตสภาพอากาศและสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้นำไปสู่ความไม่แน่นอนแก่เศรษฐกิจในระดับ มหภาค ส่งผลต่อเศรษฐกิจในหลายด้าน อาทิ วัฏจักรเศรษฐกิจจากเดิมที่จะมีระยะเวลา 7-10 ปี จะสั้นลงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีช่วงเวลาที่เศรษฐกิจแย่มากว่าช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดี การจัดการการลงทุนด้วยการกระจายการลงทุนแบบดั้งเดิม (Traditional Asset Allocation) อาจจะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อีกต่อไป แต่จะต้องเป็นการกระจายการลงทุนที่ยึดความเสี่ยงเป็นหลัก (Risk-based Asset Allocation) เพื่อตอบสนองต่อสภาพเศรษฐกิจ

จะเห็นได้ว่าโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและการเปลี่ยนแปลงเกิดเร็วขึ้นในระยะเวลาที่สั้นลง มีความเป็นไปได้ที่หลายคนจะตามไม่ทันและไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีความกังวลเกิดขึ้น KBank Private Banking ในฐานะผู้ให้บริการบริหารความมั่งคั่งให้กับลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงในประเทศไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า โดยนำโซลูชันและเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อนำพาลูกค้าไปถึงเป้าหมายในสถานการณ์โลกที่ผันผวนต่อเนื่องเช่นในปัจจุบัน

[อ่าน 766]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมรณรงค์ “ปีใหม่อุ่นใจ เดินทางปลอดภัย ประกันภัยคุ้มครอง”
โปรเดือดส่งท้ายปี! AIS จัดหนัก มัดรวมส่วนลดดีไวซ์ทุกค่าย ส่ง iPhone Air ลดสูงสุด 18,700 บาท ที่ AIS Shop ทุกสาขา
ทรู คอร์ปอเรชั่น มอบ 2.5 ล้านบาท หนุนโรงพยาบาลหาดใหญ่ ร่วมฟื้นระบบการแพทย์หลังอุทกภัย
เมืองไทยประกันชีวิตจับมือเคาน์เตอร์เซอร์วิส เปิดตัว “ประกันอุ่นใจข้ามปี” รับปีใหม่
หัวเว่ยจับมือ Shopee เปิดดีลเอ็กซ์คลูซีฟ ดัน MatePad 12 X (2026) บุกตลาดคนทำงานดิจิทัล
บุญรอดฯ คว้า 5 รางวัล Gold Award เวที ICQCC 2025 การันตีโรงงานผลิตมาตรฐานสากล
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved