‘เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล’ เปิดสำนักงานที่ซาอุฯ เจาะกิกะโปรเจกต์ล้านล้านดอลลาร์
21 Dec 2023

เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล (SCG International) ประกาศตั้งสำนักงานในซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการ ชู 3 กลยุทธ์สยายปีกบุกริยาด ตอกย้ำการเป็น “ผู้นำพันธมิตรการค้าครบวงจรระดับโลก” พร้อมเป็น Global Connector เชื่อมต่อกับคู่ค้าจากทั่วทุกมุมโลก รับตลาดที่จะเป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต โดยนำร่องเปิดตัวในงาน Thailand Mega Fair & Festival 2023 ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

ทั้งนี้ภายในงานได้มีการจัด Panel Discussion ในหัวข้อ Unleashing KSA’s Growth Potential : The Resilience of Supply Chains in Action โดยได้รับเกียรติจาก ดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ร่วมกล่าวเปิดงาน

พร้อมกันนี้ ยังได้รับเกียรติจาก ฟาฮัด อัลฮาเชม กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง กระทรวงการลงทุนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เข้าร่วมพูดคุยถึง แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจซาอุฯ ในอนาคต พร้อมด้วยตัวแทนจากหอการค้าไทยและผู้ประกอบการภาคผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมก่อสร้างของไทย

 

 

อบิจิต ดัดต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า

เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ เปิดสำนักงานใหม่ ณ กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ โดยเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ถือเป็นบริษัทจากไทยอันดับต้นๆ ที่ไปตั้งสาขาที่ซาอุฯ เนื่องจากมองเห็นแนวทางการสร้างโอกาสการลงทุนธุรกิจใหม่ในตลาดซาอุฯ และอินเดีย จากอุตสาหกรรมก่อสร้าง

ซึ่งกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากซาอุฯ จะเป็นมหาอำนาจในภูมิภาค ด้วยมูลค่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่สูงถึง 118,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว ยังมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ติดอันดับ 17 ของโลกด้วย

อีกทั้งนโยบาย “Saudi Vision 2030” ยังทำให้เกิดการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาน้ำมัน กระตุ้นการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนการก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่มากมายในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในการเปิดประตูทางการค้าและการลงทุนอย่างเปิดกว้างกับนานาประเทศ ซึ่งสอดรับกับวิสัยทัศน์ของเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ที่ตั้งเป้าจะขยายตลาดใหม่ไปสู่ภูมิภาค SAMEA (เอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา)

 

อย่างไรก็ตาม ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การบริหารจัดการซัพพลายเชนที่ครบวงจรและมีความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นกลยุทธ์สำคัญในการบุกตลาดซาอุฯ ครั้งนี้ คือ

1. “ธุรกิจซัพพลายเชน” ที่พร้อมช่วยบริหารจัดการเรื่องซัพพลายเชนให้พาร์ทเนอร์ ได้อย่างครบวงจรผ่านการผลักดันเครือข่ายธุรกิจของเครือเอสซีจีทั้งหมด ครอบคลุมทั้งธุรกิจก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างอาคาร กระดาษ & แพคเกจจิ้ง ตลอดจนวัตถุดิบและชิ้นส่วนอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมีแผนที่จะขนส่งสินค้าจากซาอุฯ ส่งกระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลก และเป็นผู้จัดหาสินค้าจากทวีปอื่นๆ เข้ามายังซาอุฯ เช่นกัน

2. “การสร้างความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทคู่ค้าไทย” เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นระหว่างไทย-ซาอุฯ อาทิ การจับมือกับพันธมิตรผู้ประกอบการซาวไทยที่มาร่วมออกงาน Thailand Mega Fair & Festival ด้วยกัน

3. “มองหาโอกาสทางธุรกิจจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่” โดยเฉพาะโอกาสในธุรกิจก่อสร้าง เน้นการเจาะลูกค้าโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (giga project)

 

“เราเชื่อว่าด้วยจุดแข็งของเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ที่มีประสบการณ์ด้านซัพพลายเชนกว่า 45 ปี บวกกับการมีเครือข่ายพาร์ตเนอร์ในกว่า 50 ประเทศ จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คู่ค้าและลูกค้าในซาอุฯ ว่าเราสามารถให้บริการ จัดหาสินค้า จากแหล่งผลิตที่มีคุณภาพและ น่าเชื่อถือ พร้อมนำเสนอโซลูชันการจัดหาสินค้าแบบครบวงจรให้ตอบสนองต่อความต้องการที่เฉพาะของธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพและความสำเร็จให้ กับเจ้าของธุรกิจอย่างยั่งยืน” อบิจิตกล่าว

 

 

อบิจิต ยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจในฐานะกลุ่มบริษัทชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง จึงมีแนวคิดที่จะต่อยอดขยายธุรกิจไปในระดับสากล โดยเฉพาะใน SAMEA

โดยก่อนหน้านี้ได้มีการจัดตั้ง The Dubai Hub ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดหาและขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาคตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และแอฟริกา โดยหลายชาติในภูมิภาคนี้มีลักษณะการเติบโตของตลาดและเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน

ดังนั้น เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ จึงได้วางกลยุทธ์ และต่อยอดจุดแข็งของการดำเนินงานบริษัทฯ ที่ผ่านมา ให้เหมาะสมกับแต่ละภูมิภาคเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตและเข้าตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2024

 

การดำเนินการดังกล่าว อาทิ ตั้งเป้าให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นฮับศูนย์กลางซัพพลายเชนในการขับเคลื่อนการค้าและเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างชาติในภูมิภาค SAMEA โดยเฉพาะ ซึ่งแนวโน้มของธุรกิจกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ภายหลังจากทางเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ได้จัดงานสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ CEO Night กับกลุ่มธุรกิจชั้นนำในตะวันออกกลางเมื่อช่วงกลางปีนี้ที่เมืองดูไบ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และมีแผนความร่วมมือทางธุรกิจอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ในขณะที่ประเทศ “บังกลาเทศ” นั้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเป็นคู่ค้าของเอสซีจี อินเตอร์ฯ ได้อย่างเด่นชัดมากว่า โดยบริษัทเข้ามาช่วยยกระดับการให้บริการธุรกิจและตอบโจทย์ทางการค้าแก่ลูกค้าได้ด้วยโซลูชัน Value-Added ที่สามารถบริหารจัดการจัดส่งสินค้าหลากหลายประเภทไปยังบริษัทชั้นนำในบังกลาเทศ โดยตอบสนองความต้องการในการทำธุรกิจทางซัพพลายเชนของลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

ส่วน “อินเดีย” นั้น ทางแบรนด์ได้เตรียมตัวเปิดไลน์สินค้าอิฐมวลเบา (ALC) ออกสู่ตลาดภายในเดือน มี.ค. 2024 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญหลังจากได้ร่วมทุน

 


ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SCG International: www.scginternational.com

[อ่าน 941]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
BAM คว้ารางวัล ESG100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สะท้อนความมุ่งมั่นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ADAM Elements แกดจิตไอทีที่ออกแบบมาเพื่อชีวิตยุคดิจิทัล
เอไอเอส เดินเกมใหญ่! ปั้น AIS PLAY ศูนย์รวมคอนเทนต์อันดับ 1 พรีเมียร์ลีกครบฤดูกาล-ไทยลีกดูฟรี
PTG ติดอันดับ Fortune Southeast Asia 500 ต่อเนื่องปีที่ 2 ขยับขึ้นอันดับ 48 สะท้อนการเติบโตยั่งยืน
EGCO Group ปิดดีลเข้าลงทุน 49% โรงไฟฟ้า “Downeast Wind” ในสหรัฐอเมริกา
Krungthai CIO ชู “Income Theme” รับมือเศรษฐกิจผันผวน ชี้โอกาสลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก เสริมพอร์ตสร้างรายได้ระยะยาว
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved