หากพูดถึงผลงานของลิซ่าในปี 2023 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงขาขึ้นของนักร้องสาว ไม่ว่าจะเป็น การออกโซโล่อัลบั้มเพลงเดี่ยวครั้งแรก และ มียอดสตรีมถึง 1 พันล้านสตรีม บน Spotify

ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการ K-POP ได้ทำงานเพลงร่วมกับแทยง ไอดอลรุ่นเดอะของวงการเกาหลีใต้ รวมทั้งการแสดงที่เป็นที่ฮือฮา คาบาเรต์ Crazy Horse อันโด่งดังของปารีส

และ Guinness World Records ที่ปรากฎชื่อของเธออย่างมากมาย แต่ในปี 2024 นี้ นักร้องสาวเชื้อชาติไทยกำลังจะสร้างตำนานบทใหม่อีกครั้ง

และ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา ลิซ่าได้โพสต์ลงใน Instagram ของเธอซึ่งมีผู้ติดตามถึง 100 ล้านคน ประกาศถึง การเปิดตัวบริษัทของตัวเองในนาม ‘LLOUD’ 

"เป็นแพลตฟอร์ม เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ของฉันในด้านดนตรีและความบันเทิง" ควบคู่ไปกับภาพถ่ายที่เปิดเผยลุคอันน่าทึ่งของเธอในชุดสูทสีดำ  ลิซ่าขอให้แฟนๆ ของเธอ “ร่วมเดินทางที่น่าตื่นเต้นนี้กับฉันเพื่อก้าวข้ามขอบเขตใหม่ไปด้วยกัน”

 

นอกจากนี้ Lisa ยังได้แชร์ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของ LLOUD ซึ่งรวมถึงบัญชีโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการบนช่องทางโซเชียลมีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram, YouTube และ TikTok เพื่อให้แฟนคลับของเธอสามารถติดตามข่าวสารได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น

LLOUD การผสมผสานของเสียง และ นวัตกรรม

เว็บไซต์ LLOUD ได้ประกาศว่า

“ความหลงใหลของเราในฐานะบริษัทผู้ดูแลศิลปินคือการสร้างประสบการณ์ที่ก้าวข้ามแนวเพลง และเชื่อมโยงคนรุ่นต่างๆ เข้าด้วยกัน 

หัวใจหลักในการดำเนินงานของเรา คือ การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง และความมุ่งมั่นในความถูกต้อง เราไม่เพียงแค่ก้าวข้ามขอบเขตของดนตรีเท่านั้น

แต่เราจะสร้างคำจำกัดความใหม่ สร้างสรรค์เพลงที่ติดอันดับชาร์ต และท้าทายแนวเพลงเดิมๆโอบรับจุดเริ่มต้นของยุค LLOUD ไปกับเรา”

หากเรามองในข้อเท็จจริง เห็นได้ว่าอาชีพของลิซ่าจนถึงตอนนี้สามารถนิยามได้ว่าเป็นทั้ง "ติดอันดับชาร์ต" และ "แนวเพลงที่ท้าทาย"

ลิซ่าไม่เพียงแต่ทำลายสถิติชาร์ตเพลงในนาม Blackpink กลายเป็นวงผู้หญิงกลุ่มแรกที่ติดอันดับ Billboard 200 ตั้งแต่ปี 2008 และทำคะแนนซิงเกิลเกิร์ลกรุ๊ปที่ติดชาร์ตสูงสุดของ K-pop แต่ผลงานเดี่ยวของเธอก็เป็นที่ประจักษ์ในความสามารถของเธอเช่นกัน

เพลงแรกในการเป็นศิลปินเดียวของลิซ่าในชื่อ “Lalisa” สามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต World Digital Song Sales ของ Billboard

เช่นเดียวกับเพลง “SG” ที่เธอทำงานร่วมกับ DJ Snake, Ozuna และ Megan Thee Stallion ที่ครองอันดับ 1 ในชาร์ตวิทยุ Latin Airplay ได้

ในตอนนี้ บัญชี Instagram อย่างเป็นทางการของ LLOUD มีผู้ติดตามมากกว่า 990,00 บัญชีอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง และน่าจะทะลุ 1 ล้านบัญชีในเวลาอีกไม่นานอย่างแน่นอน

ถึงแม้จะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ชื่อของ LLOUD น่าจะได้รับอิทธิพลมากจากชื่อเต็มของลิซ่า คือ ลลิสา มโนบาล โดยตัว L สองตัว อาจบ่งบอกถึงความเกี่ยวข้องกับชื่อจริงของเธอ

ซึ่งแน่นอนว่า แฟนคลับจะต้องจำได้ว่า ลลิษา เป็นทั้งชื่อจริง และชื่อเพลงไตเติ้ลที่ได้รับรางวัลจากโปรเจ็กต์เดี่ยวเดบิวต์ของเธอในปี 2021

มิวสิกวิดีโอ “Lalisa” มียอดวิว 73.6 ล้านครั้งภายใน 24 ชั่วโมงแรก ทำลายสถิติมีเป็นมิวสิกวิดีโอที่มียอดคนดูมากที่สุดภายในเวลา 1 วันคน และได้รับรางวัล K-Pop ยอดเยี่ยมจาก MTV Video Music Awards ประจำปี 2022

การประกาศตั้งบริษัทเองของลิซ่า เกิดขึ้นหลังจากเดือนธันวาคม ปี 2022 สมาชิกวง Blackpink ไม่ต่อสัญญาเดี่ยวกับต้นสังกัด YG Entertainment แต่ก็ยังคงต่อสัญญากลุ่มเพื่อทำกิจกรรมวงต่อไป

ซึ่งข่าวการไม่ต่อสัญญาของลิซ่าในครั้งนั้นส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วงลงเกือบ 9% แต่เมื่อมีข่าวการเซ็นสัญญาทำงานในนามวง ก็ทำให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นถึง 26% เลยทีเดียวแต่อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาดหุ้นของบริษัทยังคงต่ำกว่าเมื่อ 6 เดือนที่แล้วเกือบร้อยละ 30  และบริษัท YG ไม่ได้กล่าวถึงสัญญาเดี่ยวของสมาชิกทั้งสี่คนในขณะนั้น

เจนนี่ เป็นสมาชิก Blackpink คนแรกที่ประกาศและก่อตั้งเอเจนซี่ของเธอเองเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ในนาม ODD ATELIER หรือ OA โดยเจนนี่ยังคงรักษาความมุ่งมั่นของเธอต่อ Blackpink เช่นกัน เช่นเดียวกับลิซ่า ส่วนเพือนจีซู และโรเซ่ เพื่อนร่วมวง ยังไม่มีการประกาศเพิ่มเติมใดๆ เกี่ยวกับสัญญาเดี่ยวของทั้งสอง

ในวงการศิลปินเกาหลี การมีเอเจนซี่ และผู้บริหารหลายรายอาจทำให้กิจกรรมของกลุ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่การตั้งค่ายเองของศิลปินยุคนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก มีตัวอย่างมากมายทั้งจากรุ่นพี่อย่าง Girls’ Generation, 2PM, Infinite, GOT7 และ MAMAMOO ที่สมาชิกบางคนย้ายไปค่ายเพลงใหม่ หรือก่อตั้งค่ายเพลงของตนเองในขณะที่ยังคงทำกิจกรรมร่วมกับวงอยู่

ลิซ่าได้กล่าวในการสัมภาษณ์ครั้งล่าสุดกับ Billboard เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2023 ว่า

“เป้าหมายของเราคือการก้าวข้ามขีดจำกัดและสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำให้กับบลิ๊งค์”

การเปิดบริษัทของลิซ่าได้สร้างความสุขให้กับแฟนคลับเป็นอย่างมาก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า การที่ลิซ่าเป็นคนต่างชาติ และเข้าไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ทำให้เธอมีข้อจำกัดในเรื่องงานบ่อยครั้ง รวมถึงการที่แฟนคลับรู้สึกว่า ตัวเธอถูกละเลย และไม่ได้รับการสนับสนุนมากพอจากต้นสังกัด เนื่องจากเป็นชาวต่างชาติ การยกเลิกสัญญาเกี่ยวกับค่ายเก่า และมาเปิดบริษัทของตัวเอง จึงหมายความว่า ลิซ่าจะสามารถรับงานได้หลากหลาย และสามารถโชว์ศักยภาพของตัวเองได้มากขึ้น

การที่ศิลปินชาวต่างชาติถูกกีดกันในการทำงานในวงการเพลงของเกาหลีใต้ ไม่ใช่เรื่องใหม่มากนัก เหล่าแฟนคลับ K-Pop ส่วนมากมักรับรู้ถึงการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกัน ระหว่างไอดอลเชื้อชาติเกาหลีใต้กับไอดอลเชื้อชาติอื่น 

ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะปรากฏมาในรูปแบบของการไม่ให้แอร์ไทม์, MV หรือไม่ป้อนงานเดี่ยวให้กับไอดอลต่างชาติ บางครั้งอาจรวมถึงศิลปินเชื้อชาติเดียวกัน ที่ต้นสังกัดไม่อนุญาตให้แสดงศักยภาพของตนออกมา หรือได้รับการดูแลที่ไม่ดี ซึ่งสาเหตุทั้งหมดนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ศิลปินส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิม

 

สำหรับลิซ่า การที่เธอได้เปิดบริษัทของตัวเองที่ให้ความสนับสนุนเธอในด้านดนตรีโดยเฉพาะ จะทำให้เธอได้แสดงความสามารถมากขึ้น แม้ว่า LLOUD จะเป็นบริษัทที่ดูแลด้านดนตรีโดยเฉพาะ แต่ในเว็บไซต์บริษัทก็การอัพเดทการทำงานของลิซ่าไว้เช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือด้านแฟชั่นครั้งล่าสุดของเธอกับ Bulgari คลิป คัฟเวอร์เพลง ELLE Taiwan และยังมีคลิปการสัมภาษณ์ "Spotify Billions Club" และล่าสุดคือข่าวการแสดงที่ Le Gala des Piéces Jaunes ซึ่งเป็นการร่วมงานระดับโลกแทบทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ลิซ่ายังได้เริ่มทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เธอสนใจ ไม่ว่าจะเป็นนางแบบ ทำช่อง YouTube ออกหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์สินค้าอื่นๆ รวมถึงการทำงานร่วมกับบริษัทเกาหลีใต้ ไทย จีน และอเมริกาหลายแห่ง

เห็นได้ชัดว่า ศักยภาพระดับโลกของ Lisa ก็ไม่มีใครหยุดยั้งได้ และยิ่งในตอนนี้เธอมีทีมงานที่พร้อมทุ่มเท สนับสนุนความสามารถอันไม่มีที่สิ้นสุดของเธอ

เชื่อได้ว่าหลังจากนี้ เด็กหญิงตัวน้อยที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเดบิวต์เป็นศิลปินในวันนั้น จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินระดับแนวหน้าของโลกได้อย่างแน่นอน