“กองวัณโรค” เผยตัวเลขน่ากังวล ย้ำเร่งนำกลุ่มเสี่ยงตรวจ ชี้พบเชื้อเร็วหายได้ไว เดินหน้าขับเคลื่อน แผน “ยุติวัณโรค” ของประเทศ
18 Feb 2024

กองวัณโรค กรมควบคุมโรค เดินหน้าสร้างความตระหนักรู้เรื่องความรุนแรงของการติดเชื้อวัณโรคในไทยและทั่วโลก พร้อมเน้นย้ำการตรวจคัดกรองเชื้อในวงกว้างเป็นหนทางสู่การบรรลุเป้าหมายการยุติวัณโรคของประเทศไทย ล่าสุด กองวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

โดย พญ.ผลิน กมลวัทน์ แพทย์ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค ที่ปรึกษากองวัณโรค อดีตผู้อำนวยการกองวัณโรค และวันนี้ท่านเป็นตัวแทนผู้อำนวยการกองวัณโรค (นายแพทย์ไกรสร โตทับเที่ยง) เผยสถิติอันน่าเป็นห่วงของการติดเชื้อวัณโรคในประเทศไทย ร่วมส่งเสริมให้สังคมไทยเห็นภาพรวมสถานการณ์ล่าสุด พร้อมกระตุ้นให้เกิดการตรวจคัดกรองในวงกว้าง ชี้วัณโรคเป็นภัยสุขภาพร้ายแรงที่มีความท้าทายในการควบคุม เนื่องจากผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดสู่คนใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว ย้ำแผนการตรวจคัดกรองเชื้อเชิงรุกระยะยาว เป็นกลไกสำคัญในการต่อสู้วัณโรค

 

 

พญ.ผลิน กมลวัทน์ แพทย์ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค ที่ปรึกษากองวัณโรค เล่าถึงสถานการณ์วัณโรคล่าสุดในไทยว่า

ไทยมีผู้ป่วยวัณโรค 155 คนต่อประชากรแสนคน เทียบกับญี่ปุ่นที่จริงจังเรื่องการต่อสู้กับวัณโรค ปัจจุบันญี่ปุ่นจึงเหลือผู้ป่วยเพียง 8 คนต่อประชากรแสนคน คาดการณ์ว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ในไทยปีละกว่า 111,000 คน แต่ที่ตรวจพบเชื้อมี 72,000 คน คิดเป็น 65% อีกราว 35% หรือ กว่า 40,000 คน ไม่ได้เป็นผู้ป่วยในระบบ ทำให้มีความเสี่ยงสูงในการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น ส่วนอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 12,000 -14,000 คนต่อปี หรือคิดเป็นกว่า 40 คนต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก ขณะที่ทั่วโลกมีผู้ป่วยวัณโรคราว 10.6 ล้านคน และเสียชีวิตปีละ 1.3 ล้านคน โดยประเทศไทยมีแผนการยุติวัณโรค ซึ่งเป้าหมายคือการควบคุมตัวเลขผู้ป่วยให้เหลือต่ำกว่า 10 คนต่อประชากรแสนคน ภายในปี 2578 แต่ปัจจุบันสถานการณ์ถือว่ายังน่ากังวลอยู่มาก”

 

 

ในประเทศไทย อุปสรรคในการต่อสู้กับวัณโรคนั้นมีหลายประการ “จริง ๆ วัณโรคไม่เคยหายไปจากไทย และเราจำเป็นต้องรณรงค์เรื่องการตรวจคัดกรองเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เพราะความท้าทายคือ โรคนี้ใช้เวลาฟักตัวนานตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป หรือบางรายอาจนานถึง 5-10 ปี หลายๆ คนไม่แสดงอาการ การใช้เครื่องเอกซเรย์ปอดดูความผิดปกติเป็นสิ่งจำเป็นในการคัดกรองค้นหาผู้ป่วยให้เจอและรักษาให้หาย คือหัวใจของการต่อสู้กับโรคนี้

โดยเมื่อพบความผิดปกติที่ปอด จะส่งต่อไปตรวจเสมหะเพื่อยืนยันผลการติดเชื้อทันที จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการรักษาด้วยการรับประทานยาทุกวันจนครบ 6-8 เดือนก็สามารถหายจากโรคได้ ซึ่งจริงๆ หากทำให้การออกตรวจคัดกรองเป็นวาระสำคัญแห่งชาติในระยะยาว เราจะเจอผู้ป่วยได้อีกมาก ก็จะช่วยให้ขยับใกล้เป้าหมายการยุติวัณโรคมากขึ้น” พญ.ผลิน กมลวัทน์ อธิบาย

 

 

ปัจจุบัน มีนวัตกรรมที่ช่วยในการคัดกรองผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ คือเครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลแบบพกพาขนาดเล็กพร้อมระบบประมวลผล AI ทีมแพทย์สามารถพกไปออกตรวจในชุมชนได้ ใช้เวลาตรวจรวดเร็วเพียง 1 นาที มีความแม่นยำเหมือนกับเครื่องเอกซเรย์ตัวใหญ่ในโรงพยาบาล โดย พญ.ผลิน กมลวัทน์ กล่าวว่า “เมื่อเครื่องตรวจพบรอยโรคจะส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ทราบ ก็จะได้นำคนไข้ไปตรวจเสมหะ และเมื่อพบโรคก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไปได้ หากมีการใช้เครื่องเอกซเรย์พกพาในพื้นที่เสี่ยง ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองได้เป็นอย่างดี ซึ่งล่าสุดกองวัณโรคได้รับการสนับสนุนจากกองทุนโลก (Global Fund) ในการต่อสู้กับวัณโรค จึงได้จัดซื้อเครื่องเอกซ์เรย์แบบพกพาทั้งสิ้น 16 เครื่อง และได้ส่งมอบให้แก่หลายโรงพยาบาลเพื่อใช้การคัดกรองวัณโรคเรียบร้อยแล้ว”

 

 

มร.โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

"ฟูจิฟิล์ม ตระหนักถึงความเร่งด่วนในการยุติการแพร่ระบาดของวัณโรค และได้ร่วมทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ ในประเทศไทยและทั่วโลกเพื่อนำเสนอนวัตกรรมเครื่องเอกซเรย์แบบพกพาเพื่อใช้ในการตรวจคัดกรองวัณโรคได้อย่างสะดวก แม่นยำ รวดเร็ว โดยเป้าหมายหลักของเราคือการยกระดับด้านการแพทย์และสุขภาพให้สอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในการยุติวัณโรคภายในปี ค.ศ. 2030 เราจึงเร่งเดินหน้าต่อสู้กับวัณโรค โดยมุ่งเน้นที่การตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่นๆ ผ่านนวัตกรรมอันล้ำสมัยของเรา”

 

“ปีนี้และต่อไปในอนาคต ทุกภาคส่วนยังต้องเดินหน้าช่วยกันรณรงค์เรื่องความสำคัญของการตรวจคัดกรองวัณโรคในเมืองไทยต่อไป ตอนนี้เรามีนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาช่วยคัดกรอง ช่วยให้พบผู้ป่วยวัณโรคได้รวดเร็วเพื่อมอบการรักษาอย่างทันท่วงที หากเราเร่งตรวจคัดกรองต่อเนื่องเช่นนี้ ในปี พ.ศ. 2578 ก็มีความหวังว่าประเทศไทยจะคว้าชัยเป็นหนึ่งในประเทศที่ยุติวัณโรคได้จริงๆ” พญ.ผลิน กมลวัทน์ กล่าวย้ำทิ้งท้าย

 

[อ่าน 783]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กสิกรไทย - DKSH - วีซ่า ผนึกกำลังยกระดับโซลูชันรับชำระเงินครบวงจร
กรุงศรีร่วมเป็นผู้นำขับเคลื่อนความเป็นเลิศด้านการธนาคารสีเขียวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โรงไฟฟ้าในเครือ CKPower รับประกาศนียบัตรฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นต์
อีมิแน้นท์แอร์ คว้า 2 มาตรฐานใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำผู้นำแอร์ไทยรักษ์โลก
อลิอันซ์ อยุธยา ขับเคลื่อนแคมเปญ “ตรงไปตรงมา” คว้ารางวัล Best Outdoor Ads
เปิดรับสมัครแล้ว! PIM International Hackathon #5 ชิงทุนการศึกษากว่า 200,000 บาท

MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved