ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) เปิดแผนกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรปี 2567 มุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ บริการผ่าน Ecosystem Play
โดยเน้นการใช้ช่องทางดิจิทัลเป็นแพลตฟอร์มหลักในการพัฒนาความสัมพันธ์ และดูแลลูกค้าในระดับบุคคลตลอดทุกช่วงเวลา
ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้าและหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทีทีบี ในฐานะ D-SIBs Bank ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจ ภายใต้พันธกิจหลักในการช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคล และลูกค้าธุรกิจ โดยให้ความสำคัญในเรื่องของการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) เพราะเรื่องหนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยที่ต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ลูกค้าธุรกิจก็ต้องการความช่วยเหลือในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Transition Finance) เพื่อให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคตและเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทีทีบีจึงได้นำหลักคิดเหล่านี้มาใช้ในการพัฒนากลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งลูกค้าผู้ถือหุ้น และสิ่งแวดล้อม
“การช่วยลดภาระหนี้ของประชาชนอย่างยั่งยืนและเป็นระบบมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยตั้งแต่ต้นปี 2567 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม เพื่อสานต่อการแก้หนี้ครัวเรือน ยกระดับการบริหารจัดการสินเชื่อให้มีความรับผิดชอบและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น
พร้อมส่งเสริมให้ลูกค้าที่มีความจำเป็นก่อหนี้ใหม่อย่างมีคุณภาพและมีวินัยทางการเงินที่ดีขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาทีทีบีได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับพันธกิจในการช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น
โดยในปี 2566 ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านสินเชื่อสำหรับรวบหนี้ โอนยอดหนี้ และสวัสดิการ มากกว่า 17,000 ราย คิดเป็นกว่า 6.7 พันล้านบาท ช่วยลูกค้าประหยัดดอกเบี้ยไปได้กว่า 1.2 พันล้านบาท”
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าว
ทั้งนี้ ความโดดเด่นของทีทีบีในด้าน ‘Responsible Lending’ คือการจัดทีม Loan Specialist มากกว่า 900 คนที่สาขา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์สินเชื่อแบบครอบคลุม จึงสามารถทำให้แนะนำสินเชื่อที่เหมาะสมได้ตรงความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อส่วนบุคคล หรือโซลูชันรวบหนี้ และมีโปรแกรมสวัสดิการพิชิตหนี้เพื่อมนุษย์เงินเดือน และเครื่องมือวัดระดับสุขภาพทางการเงินฟรีให้กับลูกค้าที่ใช้บัญชีเงินเดือนทีทีบี
โดยปัจจุบันมีลูกค้าที่สามารถเข้าถึงสินเชื่ออเนกประสงค์ทีทีบี (ttb welfare loan) ได้มากกว่า 350,000 ราย สำหรับลูกค้าที่เริ่มมีปัญหาในการชำระหนี้ ทีทีบีจะแนะนำให้ลูกค้ามาปรึกษากับทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปรับเทอมการจ่ายและค่างวดให้เหมาะสมกับความสามารถปัจจุบัน หรือการปรับโครงสร้างหนี้ และในอนาคตจะมีทีมโค้ชปลดหนี้ที่จะช่วยให้คำปรึกษากับกลุ่มลูกค้าบัญชีเงินเดือนของทีทีบีต่อไป
ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้กลายเป็นประเด็นสำคัญเร่งด่วนของโลก ซึ่งทีทีบีได้ดำเนินการอย่างจริงจังมาเป็นระยะเวลานาน และในปี 2567 คณะกรรมการมีมติประกาศเป้าหมายสำคัญ ปักหมุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero เพื่อให้สอดรับตามเป้าหมายประเทศไทย
โดยความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธนาคารสะท้อนผ่านการดำเนินกิจกรรมภายในองค์กร (Scope 1 and 2) รวมไปถึงการให้สินเชื่อในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Scope 3)
รวมถึงเล็งเห็นถึงความรับผิดชอบและความสามารถในการสร้างโซลูชันทางการเงินที่จะช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่าน เพราะบทบาทของธนาคารไม่ใช่การนำพาตนเองไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจต่างๆ ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการให้สินเชื่อ ให้คำปรึกษา และสนับสนุนลูกค้าบนเส้นทางการเปลี่ยนผ่านนี้
โดยตั้งวงเงินสินเชื่อ 20,000 ล้านบาทในปี 2567 สำหรับการปล่อยสินเชื่อเพื่อธุรกิจหรือโครงการที่ต้องการมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งยังมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สนับสนุนกลุ่มธุรกิจที่ต้องการปรับตัว และยังคงสานต่อโครงการเสริมสร้างความรู้ ความสามารถให้กับลูกค้าธุรกิจผ่านการจัดสัมมนาที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับความท้าทายของภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงในการเผชิญหน้ากฎระเบียบใหม่ทางด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมช่วยให้คำปรึกษาและวางแผนให้กับธุรกิจที่มีความประสงค์ที่จะมุ่งสู่ Net Zero
จะเห็นได้ว่า นอกจากความแข็งแกร่ง และความพร้อมในการเดินหน้าสร้างประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นแล้ว ทีทีบียังได้ผนวกเรื่องของความยั่งยืนเป็นเนื้อเดียวกันกับการดำเนินธุรกิจ พร้อมยกระดับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล ทั้งด้านธุรกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี ตอกย้ำการเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking) และ มุ่งสู่ Net-zero Commitment