“Café Leitz by Pacamara” ไลฟ์สไตล์คาเฟ่สำหรับคนรักไลก้า แห่งที่ 2 ของโลก
31 Aug 2018

          ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ภาพถ่ายจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่บันทึกความทรงจำ แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนตัวตนของคนรุ่นใหม่ ด้วยเหตุนี้ ดนัย สรไกรกิติกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอลิส  ไพรเวต จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย “ไลก้า” แบรนด์กล้องลักชัวรี่ระดับโลก จึงเปิดร้าน “Café Leitz by Pacamara” (คาเฟ่ ไลท์ซ บาย พาคามาร่า) ไลฟ์สไตล์คาเฟ่สำหรับคนรักไลก้า แห่งที่ 2 ของโลก ที่ผสมผสานความรื่นรมย์ของชีวิตคนรุ่นใหม่ใจกลางเมือง อย่างการถ่ายภาพ อาหาร กาแฟ และมิตรภาพ รวมไว้ในที่เดียว เพื่อดื่มด่ำและแลกเปลี่ยนมุมมองในบรรยากาศโคซี่และรีแล็กซ์ ทั้งยังเป็นคอมมูนิตี้ของกลุ่มคนรักไลก้าและการถ่ายภาพได้มาแชร์ความรู้ เทคนิค ประสบการณ์การถ่ายภาพ และฟังก์ชั่นสุดล้ำจากไลก้าที่ยังไม่เคยรู้มาก่อนจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อสร้างสรรค์ภาพพิเศษได้ดั่งใจคุณ ภายใต้แนวคิด “Well to Do Well to Live” บนพื้นที่ 214 ตารางเมตร ณ ชั้น M ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์

 


          เพราะ “ไลก้า” (Leica) ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์ที่สร้างสรรค์กล้องถ่ายภาพระดับลักชัวรี่ ด้วยนวัตกรรมมาตรฐานระดับโลกผนวกกับฝีมืออันประณีตจนเกิดเป็นผลงานชิ้นเอก แต่ยังได้สร้างไลฟ์สไตล์แห่งความหรูหราและละเมียดละไมของผู้คน จนถูกจารึกไว้อย่างไร้กาลเวลา ได้เปลี่ยนความลุ่มหลงและความสมบูรณ์แบบจากจิตวิญญาณของช่างภาพ ให้กลายเป็นภาพถ่ายสุดพิเศษ เต็มไปด้วยเสน่ห์ และสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างครบถ้วน

 

      

           
ร้านค้าและบริการต่างๆ ภายในร้าน

 


•   ร้านคาเฟ่และอาหารนานาชาติที่สร้างสรรค์สุดพิเศษ พร้อมดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟชั้นเลิศจากร้าน Pacamara Coffee Roasters (พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์ส) ผู้นำด้านธุรกิจร้านกาแฟสัญชาติไทยประเภท Specialty สร้างประสบการณ์การดื่มกาแฟจากเมล็ดพันธุ์ชั้นดีที่คัดเลือกจากแหล่งปลูกสำคัญจากทั่วโลก โดดเด่นด้วยการคั่วเมล็ดกาแฟในรูปแบบคั่วอ่อนถึงคั่วกลาง รสชาติเข้มข้น ไม่เปรี้ยว และ ไม่ขม กลมกล่อมด้วยนมวัวแท้ที่ผลิตขึ้นเอง เพื่อเติมเต็มกลิ่นหอมและสัมผัสครีมมี่ที่ไม่เหมือนใคร ผสานกับวิธีการชงกาแฟในวิธีที่แตกต่าง ประดุจการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก

•   คอมมูนิตี้ ที่พบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรักไลก้าในบรรยากาศสุดคูลกลางเมือง

•   บริการให้ทดลองใช้กล้องไลก้าจากการสัมผัสผ่านประสบการณ์ตรง

•   เป็นศูนย์กลางการทำเวิร์กช็อปของ Leica Akademie (ไลก้า อะคาเดมี)

•   เป็นสถานที่จัดนิทรรศการแสดงภาพถ่ายผลงานศิลปินหน้าใหม่ที่น่าจับตามองจาก Leica Akademie (ไลก้า อะคาเดมี) ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง
 
 
สไตล์การตกแต่ง

 


          บนพื้นที่ขนาด 214 ตารางเมตรถูกออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับคนรักไลก้าโดยเฉพาะ ส่วนร้านอาหาร คาเฟ่บาร์ ที่จัดที่นั่งไว้ สถานที่นั่งชิลทั้งโซนภายในร้านในตำแหน่งริมกระจกเพื่อสัมผัสบรรยากาศภายนอก ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งสบาย และเอ้าท์ดอร์ริมระเบียงรับลมธรรมชาติ จัดโต๊ะประชุมขนาดใหญ่กลางร้าน รองรับเวิร์กช็อปของ Leica Akademie และพื้นที่ริมผนังรอบร้านเพื่อจัดนิทรรศการภาพถ่ายจากศิลปินที่มีผลงานน่าจับตาจาก Leica Akademie ที่ออกแบบเป็นผนังสีดำเพื่อขับภาพถ่ายให้โดดเด่น ออกแบบในสไตล์โมเดิร์น คุมโทนด้วยสีหลักอย่าง สีดำ สีขาว สีเทา และสีน้ำตาล ให้อารมณ์โคซี่ รีแล็กซ์และเป็นกันเอง เพื่อการสัมผัสประสบการณ์แบบไลก้าได้ตลอดทั้งวัน ครบทุกประสาทสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
 

Pacamara Coffee Roaster (พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์ส) อีกหนึ่งความลักชัวรี่ระดับโลก

 


ประวัติความเป็นมา


          Pacamara Coffee Roasters (พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์ส) เริ่มต้นขึ้นจากความตั้งใจอยากสร้างโรงคั่วกาแฟเล็กๆ ที่มีคุณภาพระดับโลก จึงนำชื่อของกาแฟสายพันธุ์ พาคามาร่า ซึ่งเป็นกาแฟสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่กว่ากาแฟทั่วไปถึง 2 เท่า มีกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นกว่ากาแฟทั่วๆ ไป มาตั้งเป็นชื่อโรงคั่วฯ จากโรงคั่วขนาดเล็กที่ก่อตั้งในปี 2005 นักชิมกาแฟของโรงคั่วซึ่งเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรองการเป็นนักชิมกาแฟระดับโลก เริ่มออกเดินทางแสวงหากาแฟไปทั่วโลก ตั้งแต่ทวีปอเมริกาใต้ ไปจนถึงทวีปแอฟริกา นำเมล็ดกาแฟเข้ามาเพื่อคั่วหาโปรไฟล์ที่ดีที่สุด จนมีกลิ่นและรสชาติแตกต่างจากทั่วไป และนำมาผสมกับกาแฟไทยจากแหล่งปลูกทางภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มสมาชิกผู้ปลูกกาแฟให้โรงคั่วพาคามาร่าเท่านั้น จนทำให้กาแฟจากโรงคั่ว  พาคามาร่าได้รับรางวัลเหรียญทองอันดับหนึ่งจากประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส ถึงวันนี้ โรงคั่วพาคามาร่าเป็นหนึ่งในสมาชิกนักชิมกาแฟของ Coffee Quality Institute และ Alliance Of Coffee Excellence


          พาคามาร่า เริ่มเปิดสาขาแรกที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งใกล้แหล่งปลูกกาแฟของโรงคั่ว จากร้านกาแฟและโรงคั่วกาแฟขนาดเล็กเริ่มได้รับการไว้วางใจจากนักดื่มกาแฟผู้แสวงหากาแฟอันเป็นเลิศของโลก สนับสนุนให้พาคามาร่าได้เปิดสาขาเพิ่มขึ้นต่อไปที่ กรุงเทพฯ และ นครราชสีมา จนถือเป็นโรงคั่วกาแฟ Specialty Coffee (สเปเชียลตี้  คอฟฟี่) ของไทยรายแรกที่มีจำนวนสาขาให้เข้าถึงได้มากที่สุด

 
Pacamara (พาคามาร่า) : ‘Detail that makes a different’


          พาคามาร่า ทุกรายละเอียดสร้างความเเตกต่าง ตั้งเเต่การคัดสรรพันธุ์เมล็ดกาเเฟ ขบวนการเเละรูปแบบการคั่ว (Roasting Profile) ที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้ตรงกับลักษณะเฉพาะตัว (Characteristic) ของกาเเฟเเต่ละชนิดมากที่สุด เมล็ดกาเเฟที่คั่วอย่างลงตัวถูกทิ้งระยะให้เมล็ดกาแฟได้คายแก๊ส (Degas) ในระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อลดการเกิดเเก๊ส เพราะเเก๊สที่เกิดในขั้นตอนดังกล่าวทำให้เมล็ดที่ถูกนำมาใช้จะได้รสชาติที่ไม่สมบูรณ์


          ทั้ง Single Origins (ซิงเกิล ออริจินส์) เเละ Blend (เบลนด์) เราเดินทางไปทั่วโลก เพื่อคัดสรรเเละเลือกเมล็ดด้วย Q Graders (คิว เกรดเดอร์ส) โดยผู้เชี่ยวชาญจากทีมพาคามาร่าเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกสายพันธุ์ที่เลือกมา ทุกเเก้วที่เสิร์ฟ ลูกค้าจะได้รับรสชาติที่ตรงกับความต้องการที่ชอบมากที่สุด


          ที่พาคามาร่าทุกสาขา ทุกเช้าบาริสต้าต้องตั้งช็อตเพื่อชิม เเละทดสอบรสชาติของกาเเฟ ทุกตัว ทุกวัน และตรวจเช็คด้วย Refractometer (รีแฟร็กโทมีเตอร์) เช็คค่ากาแฟสกัดกาแฟ เพื่อให้ได้รสชาติตามเอกลักษณ์ของกาเเฟชนิดนั้นๆ เพราะลูกค้าต้องได้รสชาติที่ดีที่สุดเเละเเตกต่างจากที่อื่นๆ


          Barista Milk (บาริสต้า มิลค์) คือ นมพาสเจอไรซ์สูตรเฉพาะของพาคามาร่าที่พัฒนาโดยเฉพาะ รสชาติมีความหวานกลมกล่อมในตัวเอง ซึ่งเเตกต่างจากนมที่ใช้ที่อื่นๆ เนื้อสัมผัสของนมจะหนาเเน่นเเละหนัก ทำให้ผสมกับเมนูเครื่องดื่มกาเเฟทั้งร้อนเเละเย็นได้อย่างลงตัว


          บาริสต้าทุกคนถูกคัดเลือกมาด้วยการสัมภาษณ์ในรูปแบบเฉพาะของพาคามาร่า จากนั้นถูกเทรนนิ่งโดยทีม Barista Master (บาริสต้า มาสเตอร์) และ Barista (บาริสต้า) ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาทั้งด้านองค์ความรู้ ทักษะ ในการผสมเครื่องดื่มเเละดูแลลูกค้า บาริสต้าจะถูกพัฒนาให้มีความสามารถโดดเด่น สามารถเเสดงผลงานใหม่ๆ ด้วยการนำเสนอทั้งระดับภายในองค์กร เเละการเเข่งขันในระดับประเทศ เพราะพาคามาร่าเชื่อมั่นในเรื่องของการผลักดันขีดความสามารถของทีมบาริสต้า มุ่งสร้างแรงบันดาลใจ รวมทั้งแรงจูงใจเพื่อขับเคลื่อนทุกทีมให้ไปสู่ความสำเร็จ

 
เมล็ดกาแฟซิกเนเจอร์ สำหรับ Café Leitz by Pacamara


Leitz Classic Blend (ไลท์ซ คลาสสิก เบลนด์)


          เมล็ดกาแฟเกรดพรีเมี่ยมจากแหล่งปลูกกาแฟชั้นนำของโลก อย่าง โคลัมเบีย บราซิล ไทย อินโดนีเซีย คั่วในระดับกลางค่อนไปทางเข้ม (medium to dark roast) เมล็ดกาแฟจาก 4 แหล่งปลูก ทางเราได้เสาะหาจากฟาร์มที่มีคุณภาพดีในการผลิตกาแฟ ผ่านกรรมวิธีที่ดี ตั้งแต่การเก็บเกี่ยวจนไปถึงการผลิตเป็นกาแฟสาร ก่อนนำไปคั่วด้วยเครื่องคั่วที่สามารถสร้างคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นให้กับกาแฟเบลนด์ตัวนี้ได้ดียิ่งขึ้นไปอีก


          Leitz Classic Blend เป็นกาแฟที่ถูกออกแบบตามแบบเยอรมัน (German Style) คาแรกเตอร์และรสชาติ ให้ย้อนไปถึงยุคสมัยของการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มกาแฟแบบชาติตะวันตกที่แพร่หลายในเมืองไทยจนถึงทุกวันนี้ ด้วยรสชาติที่หอมกลมกล่อม เคล้าด้วยกลิ่นของคาราเมล เมื่อได้ลิ้มรสสัมผัสให้ความรู้สึกเหมือนรับประทาน ดาร์คช็อกโกแลต มีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเปลือกส้ม ทิ้งสัมผัสความหวานอยู่ในปากหลังดื่ม เหมาะกับในทุกเมนูที่สร้างสรรค์โดยทีมงานมืออาชีพจากพาคามาร่า

 
ข้อมูลเมล็ดกาแฟ


1.  Leitz Classic Blend (ไลท์ซ คลาสสิก เบลนด์)

          เมล็ดกาแฟชั้นดีจากประเทศไทย อินโดนีเซีย บราซิล และโคลัมเบีย โดดเด่นด้วยรสชาติเข้มคล้ายดาร์คช็อกโกแลต หอมกลิ่นเปลือกส้ม หวานกลมกล่อม ค่าความเป็นกรดต่ำ คั่วบดโดยพาคามาร่า


2.  House Blend (เฮ้าส์ เบลนด์)

          เมล็ดกาแฟเกรดพรีเมี่ยมจากแหล่งปลูกกาแฟที่ดีที่สุดในโลกจาก 4 สายพันธุ์ ประเทศไทย บราซิล อินโดนีเซีย และ กัวเตมาลา พิถีพิถันคั่วในระดับกลาง (Medium Roast) ให้สัมผัสกลิ่นของคาราเมล ถั่ว และคาแรกเตอร์ของช็อกโกแลต มีความเปรี้ยวเล็กน้อยและให้รสสัมผัสในการดื่มที่หนักแน่น (Full Body) เป็นการเบลนด์แทนการต้อนรับอันอบอุ่นจากพาคามาร่า ด้วยรสชาติที่ถูกสร้างสรรค์มาเป็นอย่างดีจึงทำให้กาแฟเบลนด์ตัวนี้ได้รับรางวัลเหรียญทองอันดับ 1 ในการประกวดกาแฟนานาชาติที่ประเทศอิตาลี ในปี 2012 (Golden Medal, International Coffee Tasting 2012) ถือเป็นความภาคภูมิใจของพาคามาร่า


3.  Special Single Coffee Origin (สเปเชียล ซิงเกิล คอฟฟี่ ออริจิน)

          กาแฟไทยจากแหล่งปลูกจังหวัดเชียงราย ในพื้นที่ของดอยปางขอนซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,250 ถึง 1,800 เมตร แปรรูปอย่างพิถีพิถันด้วยน้ำจากภูเขาและนำไปตากแห้งบนแคร่ไม้ไผ่เป็นระยะเวลา 12 - 18 ชั่วโมง เมื่อผ่านการคั่ว กาแฟไทยตัวนี้ให้ความรู้สึก สะอาด ดื่มง่าย มีรสคล้ายเชอรี่แห้ง ลูกเกด และอัลมอนด์ และถูกคัดเลือกได้รับรางวัล 10 สุดยอดกาแฟไทย จากการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟไทยในปี 2018 (Thailand Specialty Coffee Awards)


4.  El Salvador Finca Milaydi Pacamara (Champion, Winning #1 Farm 2016 & 2017)

          กาแฟจากประเทศเอลซัลวาดอร์ เป็นกาแฟสายพันธุ์ พาคามาร่า จากฟาร์มกาแฟ Finca Milaydi ในจังหวัดชาลาเตนังโก เป็นฟาร์มกาแฟที่ปลูกตามแนวสูงชันไหล่เขา สูงเหนือจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร ใช้การเก็บเกี่ยวผลผลิตโดยมือและขนส่งบนหลังม้า ผ่านกรรมวิธีการแปรรูปด้วยความใส่ใจและพิถีพิถัน จึงทำให้เมล็ดกาแฟที่มาจากฟาร์มแห่งนี้ได้รางวัลชนะเลิศ Project Origin การประมูลกาแฟ Project Origin Auction สองปีซ้อน ในปี 2016 และ 2017 กาแฟจากแหล่งปลูกนี้ เมื่อผ่านการคั่วอย่างตั้งใจ มีค่าความเปรี้ยวหรืออซิดิตี้ (Acidity) ในโทนสว่างคล้ายผลไม้เขตร้อน จำพวกสับปะรด ลิ้นจี่ เสาวรส แอปเปิ้ลเขียว และมะนาว


5.  Panama Geisha Morgan Estate Carbonic Maceration Process

          กาแฟเกรดประกวดจากประเทศปานามา เป็นกาแฟสายพันธุ์เกอิชาซึ่งถือว่าเป็นสายพันธุ์กาแฟที่ถูกขนานนามในหมู่นักชิมกาแฟทั่วโลกว่าเป็นกาแฟที่ให้รสชาติที่มีความซับซ้อนและโดดเด่นที่สุดในโลก จึงมักถูกนำไปใช้ในการจัดการแข่งขันชงกาแฟในระดับนานาชาติอยู่เสมอ แต่กาแฟตัวนี้มีความโดดเด่นจากกาแฟปานามาตัวอื่นๆ ด้วยกรรมวิธีการแปรรูปแบบใหม่ โดยการนำกาแฟที่ได้จากการเก็บเกี่ยว ผ่านการล้างให้สะอาดและเก็บในภาชนะสเตนเลสปิดสนิท แล้วนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปแทนที่อากาศในภาชนะเป็นเวลา 48 ชั่วโมงในอุณหภูมิคงที่ คล้ายๆ วิธีการหมักไวน์ โดยวิธีการนี้จะทำให้กาแฟออกมาในรูปแบบที่แตกต่างในเรื่องของกลิ่นและรสชาติ (Carbonic Maceration) กาแฟปานามาที่ผ่านขั้นตอน Carbonic Maceration เมื่อผ่านการคั่วอย่างพิถีพิถันจะให้รสชาติคล้ายแอปริคอท, ส้ม, ชาเอิร์ลเกรย์, องุ่นขาว, พีช, คาร์โมมายล์, และไวน์อ่อนๆ


6.  Ethiopia Gesha Village Natural GG 2018 Lot #43

          กาแฟเกรดคัดเลือกพิเศษ จาก Gesha Village Estate ประเทศเอธิโอเปีย ปลูกในระดับความสูง 1,900 - 2,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากต้นกาแฟสายพันธุ์ Gori ในเขตป่า Gesha forest ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ผ่านกรรมวิธีแปรรูปแบบ Natural Process เป็นระยะเวลา 18 - 30 วัน การใช้เวลาแปรรูปที่นานกว่าปกติทำให้เมล็ดกาแฟเพิ่มความซับซ้อนในเรื่องของรสชาติและเกิดน้ำตาลตามธรรมชาติ ด้วยสาเหตุนี้กาแฟที่มีรสชาติซับซ้อนจึงมีมูลค่าสูงมากในตลาดการประมูลเมล็ดกาแฟของโลก และเมื่อผสานกับการคั่วโดย Roast Master ที่เชี่ยวชาญ จน Coffee Brewer Barista  จากพาคามาร่านำไปใช้แข่งขัน และชนะเลิศรายการ Romania Brewer Championship 2018 เมล็ดกาแฟ Ethiopia Gesha Village ให้รสชาติคล้ายผลไม้รสชาติหวาน มีความหอมคล้ายพีช และมีรสชาติผสมผสานจากผลไม้หลายๆ ตัวเช่น มะม่วง สับปะรด ผสานด้วยแอปเปิ้ลแดง
 

Menu Highlight


แรงบันดาลใจสุดสร้างสรรค์ บาย พาคามาร่า


          เเรงบันดาลใจเเละสูตรอาหารแต่ละเมนูโดยพาคามาร่าไม่เพียงเเค่นำสูตรอาหารเเบบดั้งเดิมมาใช้ปรุง เเต่ได้ประยุกต์อย่างสร้างสรรค์ปรับจนเกิดเป็นอาหารจานใหม่โดยฝีมือเชฟผู้มีประสบการณ์ หลงใหลในการค้นคว้าหารสชาติใหม่ๆ อยู่เสมอ บวกกับความคิดสร้างสรรค์รวมกันเพื่อประดิษฐ์อาหารจานพิเศษที่ทั้งให้ประโยชน์ต่อร่างกาย และให้รสชาติชั้นเลิศ ผ่านการนำเสนอที่เรียบง่ายเเต่แฝงลูกเล่น เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ด้วยเทคนิคการคัดเลือกส่วนผสมและวัตถุดิบทั้งที่มีภายในประเทศ และจากต่างประเทศทั่วโลก ที่สามารถหาได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เเต่มีสีสัน ผสมผสานรสชาติให้เกิดเป็นความบาลานซ์ เพราะเราเชื่อว่า อาหารที่ดีไม่ใช่เเค่เพื่อรสชาติ เเต่เพื่อสร้างอารมณ์ด้วย จากการผสมผสานสไตล์อินเตอร์เนชั่นแนลเเละไทยฟิวชั่น สร้างสรรค์ให้เกิดเทคนิคการผสานส่วนผสมและวัตถุดิบในเเบบที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อให้ลูกค้าของพาคามาร่าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด ทั้งในแง่รสชาติเเละความพึงพอใจ


          สำหรับเมนูเครื่องดื่มนั้น พาคามาร่า ถือเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 20 ปี เครื่องดื่มทั้งในส่วนของกาเเฟ ชา เเละเครื่องดื่มซิกเนเจอร์อื่นๆ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นในเเบบฉบับของพาคามาร่า ที่มีเป้าหมายเพื่อต้องการนำเสนอเเนวคิด รสชาติ เเละสัมผัสที่เเตกต่างให้กับลูกค้า โดยเเต่ละสูตรถูกปรุงอย่างตั้งใจโดยทีมงานบาริสต้าระดับเทรนเนอร์จากครอบครัวพาคามาร่า บวกกับความชำนาญและประสบการณ์การเดินทางไปเสาะหาทั้งเมล็ดกาเเฟ ชาพันธุ์ดี เเละเครื่องปรุงนานาชนิดจากทั่วโลก และได้นำเอาสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ได้จากการเดินทางทุกทริปมาสร้างให้เกิดเป็นเมนูเครื่องดื่มเเละกาเเฟในเเบบใหม่ๆ เพราะความเชื่อที่ว่า “สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดคือสิ่งที่ดีที่สุด” เช่นเดียวกับความสวยงามของท้องฟ้า ทะเล เเละธรรมชาติ เป็นต้น
 

เมนูไฮไลต์ : อาหาร


1. Soft-Shell Crab Avocado (ปูนิ่มทอดกรอบกับสลัดอโวคาโด) ราคา 390 บาท

 


          ปูนิ่มทอดกรอบ รับประทานคู่กับอโวคาโดปรุงรสหอมมันเเละไข่ดาวน้ำ ซอสที่ให้รสชาติเผ็ด หวาน มัน อย่างศรีราชาครีมฮอลลันเดสบาลานซ์เข้ากัน เเต่โดดเด่นไม่มีใครเหมือนด้วยตัวซอสสูตรเฉพาะของเชฟที่ปรุงรสเพื่อตัดความกรอบมันของปูนิ่ม จากเมนูกลิ่นอายไทยผสมผสานให้มีรสชาติกลมกล่อม เเต่ Up Beat ในเวลาเดียวกัน เหมาะสำหรับเป็นเมนูของว่างสุดโปรด หรือเเชร์ให้เพื่อนที่รู้ใจ

 

2. E-San Pasta (อีสานพาสต้า) ราคา ไส้กรอกโฮมเมด 350 บาท / กุ้งแม่น้ำ 430 บาท    

 


       

            ผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย - อีสานให้เข้ากับเสน่ห์ของอาหารอิตาเลียนได้อย่างลงตัว กลิ่นหอมของเครื่องเทศสูตรเฉพาะที่หมักพร้อมกับปลาร้า ยกระดับความเป็นไทยสู่นานาชาติ รสเผ็ด หวาน มัน เค็ม เเละนัวตามเเบบฉบับอาหารไทย กุ้งเเม่น้ำสดที่ย่างสุกอย่างพิถีพิถัน ให้ความหวานธรรมชาติเมื่อรับประทานคู่กับเเหนม เส้นพาสต้าปรุงตามเเบบฉบับอิตาลีที่เรียกว่า Al Dente หมายถึง ไม่เละ ไม่สุก เคี้ยวแล้วยังรู้สึกกรุบๆ อยู่ เป็นจานที่บาลานซ์ทั้งในด้านของรสชาติเเละการตกเเต่ง เมนูนี้สามารถเลือกได้ระหว่างไส้กรอกโฮมเมด ในราคา 350 บาท หรือ กุ้งเเม่น้ำในราคา 430 บาท

 
3. Crab Curry Pasta (พาสต้าแกงปู) ราคา 370 บาท

 

      
          ด้วยเเรงบันดาลใจที่ได้จากขนมจีนเเกงปูของภาคใต้เกิดเป็นพาสต้าเเกงปูขึ้นมา โดยใช้เครื่องเเกงใต้เเท้ๆ จากส่วนผสมหลัก ขมิ้น กระชาย และใบชะพลู สูตรเฉพาะของเชฟ ปรุงรสให้เผ็ดกำลังดี มีความหอมมันของเครื่องเเกง เเละกะทิ สร้างสรรค์ให้จานนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวเเบบไม่เหมือนใคร กลิ่นหอมของเครื่องเทศนานาชนิดคลุกเคล้ากับเส้นพาสต้า รับประทานคู่กับเนื้อปูเเน่นๆ รสชาติหวานจากทะเลไทย โดดเด่นด้วยเครื่องเคียงสำคัญอย่างหัวหอมดองสูตรเฉพาะของร้านพาคามาร่าที่มีรสอมเปรี้ยว ช่วยยกให้จานที่รสชาติเข้มข้น ดูสดชื่นขึ้นได้อย่างลงตัว


4. Beef Gravy & Grilled Corn - Rice Bowl Collection (ข้าวหน้าเนื้อกับข้าวโพดย่าง) ราคา 280 บาท

 


          ความนุ่มจากเนื้อวากิวจากออสเตรเลีย ย่างบนกระทะ สุกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกับข้าวหอมมะลิร้อนๆ พร้อมด้วยเบบี้เเครอท ถั่วหวาน เเละข้าวโพด ผัดกับเนยบางๆ เพิ่มความหวาน มัน ราดด้วยซอส Red Wine Reduction ซึ่งเป็นการเคี่ยวไวน์เเดงเเละเบสเกรวี่ซอสนาน 48 ชั่วโมง พร้อมเครื่องปรุงสูตรลับของพาคามาร่า จนได้ซอสไวน์เเดง อโรม่า หอมเครื่องเทศจางๆ เเต่รสชาติหนักแน่น

 
5. Tarte Au Citron (ทาร์ตมะนาว) 285 บาท

 


          เลม่อนทาร์ต ความธรรมดาที่เเตกต่าง ตัวทาร์ตทำจากสูตรดั้งเดิมของฝรั่งเศส ส่วนครีมเลม่อน หรือ เลม่อน เคิร์ด (Lemon Curd) ถูกเคี่ยวกับเนยชนิดพิเศษ ให้รสหวาน มัน โดดเด่นด้วยซีตรัสโทนของเลม่อน สำหรับตัวเมอเเรงค์เป็นซอฟต์อิตาเลี่ยน เมอเเรงค์ เนื้อนุ่ม มัน มีความหวานอ่อนๆ ไม่เลี่ยนจนเกินไป ตกเเต่งแเละเพิ่มความกลมกล่อมด้วย สะเก็ดช็อกโกแลต (Chocolate Dirt Crumbs) เนื้อกรุบกรอบ เเละ เมอแรงค์อบ (Baked Meringue)

 
เมนูไฮไลต์ : กาแฟและเครื่องดื่ม

 


1. Drip : Ethiopia - Gesha Village Natural GG 2018 Lot #43 (กาแฟดริป: เอธิโอเปีย – เกชา วิลเลจ เนเชอรัล  จีจี 2018 ล็อตที่ 43) ราคา 300 บาท

 

 


          กาเเฟสายพันธุ์กอรี เกชา (Gori Geisha) ล็อตที่ 43 จากฟาร์มเกชาวิลเลจ (Farm Gesha Village) ประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งเป็นแหล่งกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดของโลก นำมาผ่านการชงด้วยวิธีดริป ให้เทสต์โน้ตความหวานคล้ายพีช เเละผลไม้หลายชนิด มีความซับซ้อนเเต่นุ่มนวล รสชาติคล้าย มะม่วง สับปะรด และแอปเปิ้ล มีความพิเศษคือเป็นกาแฟที่ Romania National Brewer Champion 2018 ส่งเข้าเเข่งขันเเละได้เเชมป์ในปีนี้

 
2. Snow Cold Brew (สโนว์ โคลด์ บริว) ราคา 140 บาท

 


          เครื่องดื่มเย็นซิกเนเจอร์จาก พาคามาร่า รสชาติหวานมันด้วยบาริสต้า มิลค์ (Barista Milk) ที่ทำให้เป็นเกล็ดน้ำแข็ง เย็นชื่นใจ เพิ่มเทคเจอร์ด้วยกาแฟเยลลี่ ราดท็อปด้วยกาเเฟคลาสสิก โคลด์ บริว (Classic Cold Brew) เพิ่มเลเยอร์ความรู้สึกในปาก กลมกล่อมด้วยรสชาติของกาแฟ หวานมันจากนม และได้รสชาติแฝงคล้ายคาราเมลในตอนท้าย

 
3. Radiance Booster (เรเดียนซ์ บูสเตอร์) ราคา 160 บาท

 


          ด้วยเเรงบันดาลใจจากทีมบาริสต้าของพาคามาร่า ที่ต้องการสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่สดชื่นเเละให้วิตามินซีจึงได้พัฒนาสูตรเครื่องดื่มที่ผสมผสานจุดเด่นของน้ำส้ม, น้ำส้มโอพันธุ์พลอยชมพู (Pink Grapefruit), น้ำสับปะรด และน้ำมะนาว ที่ไม่ใช่เเค่เพียงได้รสชาติหวานอมเปรี้ยวตามเเบบฉบับของผลไม้รสเปรี้ยวเเบบไทยๆ เเต่ยังได้ความหอมหวานจากส้มโอพันธุ์พลอยชมพู ที่ช่วยบาลานซ์โทนที่เปรี้ยวได้อย่างลงตัว

 
4. Blue Ocean (บลู โอเชียน) ราคา 180 บาท

 


          การเดินทางข้ามทะเลเพื่อตามหากาเเฟสายพันธุ์ใหม่ๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเครื่องดื่มสีฟ้าครามน้ำทะเลเเก้วนี้ ที่ได้จากน้ำอัญชัน เพิ่มความกรุบมันด้วย นม เเละคุกกี้ เสิร์ฟกับไอศกรีมวานิลลาเคลือบช็อกโกแลต

[อ่าน 1,396]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เซ็นทารา เปิดตัว “โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ” ใจกลางเมือง พร้อมอิสระแห่งการเดินทาง
บ้านส้มตำ กรุ๊ป ทุ่มทุน 40 ล้านบาท ปักธงสาขาใหม่ใจกลางทำเลทองอย่าง “รังสิต” ประตูสู่ภาคเหนือและภาคอีสาน
คลายร้อนรับซัมเมอร์ กับเมนูอร่อยเติมความเฟรชให้ร่างกาย จากร้านดังที่ไอคอนสยาม และ ไอซีเอส
“EAT OUT” เฉลิมฉลองเทศกาลอาหารตลอด 90 วัน
ฉลองเทศกาลอีสเตอร์ ที่โรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ
ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ จับมือ 2 พันธมิตรรถเช่ารายใหญ่ มุ่งสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเหนือระดับ
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved