โครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว ดำเนินภายใต้ปรัชญา ‘Go Beyond Dreams’ ในกลยุทธ์ Go Exceed, Go Exist สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านความสมดุลในทุกมิติ ทั้งชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว อันเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอน แบบ 1 ต่อ 1
กล่าวคือ ถ้า ‘สิงห์ เอสเตท’ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใดๆ 1 ตารางเมตร ก็จะดูแลผืนป่า 1 ตารางเมตรด้วยเช่นกัน โดยโครงการนี้ประกอบไปด้วยพื้นที่ทั้งหมด 634 ไร่ สำหรับ 2 ปีที่ผ่านมา ได้ทำการปลูกต้นไม้ไปแล้วทั้งหมด 6,200 ต้น ซึ่งมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 20% และในปีนี้ สิงห์ เอสเตทได้จัดเตรียมพรรณไม้พื้นถิ่นอย่างต้นรวงผึ้ง นำมาปลูกเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สาเหตุของภาวะเรือนกระจก
ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S กล่าวว่า
ในปีนี้โครงการ ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว ได้เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว โดยตั้งเป้าปลูกป่าให้ได้ 1 ล้านตารางเมตร ให้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2568 และตั้งเป้าโครงการระยะยาว 10 ปี จากความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินงานเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของบริษัทในการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการทำงานเชิงรุก ปรับกระบวนการผลิต และกลยุทธ์ ก่อให้เกิดผลด้านการดำเนินงานและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มต้นจากสร้างการรับรู้ให้ผู้คนหันมาใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และโครงการปลูกป่าที่จะทำให้ครอบคลุม 3 พื้นที่ เหนือ กลาง และใต้
“เราได้ตั้งเป้าอนุรักษ์พื้นที่ทางทะเลที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 3 ล้านตารางเมตร ทั้งหมดนี้เพื่อเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และเข้าสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ภายในปี 2573 ตามที่ตั้งเป้าไว้ และเราเชื่อว่าการริเริ่มโครงการเหล่านี้จะสะท้อนถึงพันธกิจ ‘Go Beyond Dreams’ ที่สิงห์ เอสเตทตั้งไว้ได้เป็นอย่างดี”
โดยโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว เป็นส่วนหนึ่งในแนวทางการดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability Development) เพื่อเพิ่มพื้นที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแหล่งกักเก็บคาร์บอน จำนวน 1 ล้าน ตารางเมตร ผ่านกลยุทธ์ ‘Go Exceed, Go Exist’ 3 แกนหลัก
จุดมุ่งหมายของโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว มีเป้าหมายในการช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตทเล็งเห็นว่า การปลูกป่าเปรียบเสมือนต้นน้ำ ที่สำคัญที่สุดในการดำรงอยู่ของระบบนิเวศ เพราะหากต้นน้ำอุดมสมบูรณ์แล้ว จะส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพเจริญเติบโตได้อย่างดี รวมถึงระบบนิเวศมีความอุดมสมบูรณ์เช่นกัน
โดยโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้วมีการทำต่อเนื่องทั้งปี เพื่อให้คนในพื้นที่และชุมชนได้มาช่วยกันปลูกผืนป่า พร้อมทั้งดูแลป่าที่สร้างขึ้นมาเอง ซึ่งจะช่วยสร้างทุนทางสังคมและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน ต่อยอดไปสู่การแบ่งปันให้กับชุมชนและสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ
นอกจากจะช่วยเพิ่มอากาศสะอาด และช่วยลดภาวะโลกร้อน จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานดังกล่าวยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Entrusted and Value Enricher ที่ ‘สิงห์ เอสเตท’ มุ่งมั่นสร้างคุณค่า และการเติบโตอย่างยั่งยืน