“มูลนิธิเอสซีจี” ส่งต่อพลังใจ มอบทุนการศึกษาบุตร “ผู้พิทักษ์ป่า”
24 Sep 2018

          “ผู้พิทักษ์ป่า” อาชีพที่ใครหลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าเขาเหล่านี้ ต้องปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางความเสี่ยงและอันตรายมากเพียงใด เพื่อดูแลเเละปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของประเทศให้คงอยู่   


          จากข้อมูลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  ประเทศไทยมีผืนป่ากว่า 102 ล้านไร่ คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 31 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศไทยอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจำนวน 20,000 คนซึ่งหมายถึงพื้นที่ป่ากว่า 5,000 ไร่อยู่ภายใต้การดูแลของผู้พิทักษ์ป่าเพียง 1 คนเท่านั้น

 


          เบื้องหน้า คือ ผืนป่าอันกว้างใหญ่ เบื้องหลัง คือ ครอบครัวที่ห่วงใย แม้จะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักหน่วง  บางครั้งอาจจะต้องเผชิญกับขบวนการลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ โรคภัยไข้เจ็บสารพัด หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติและความดุร้ายของสัตว์ป่าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นการทำหน้าที่ไปพร้อมกับความกังวลว่าใครจะดูแลลูกและครอบครัวแต่เขาเหล่านี้ยังคงเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ในฐานะฮีโร่อย่างเข้มแข็ง แม้จะตกอยู่ในภาวะ “ห่วงหน้า พะวงหลัง” ก็ตาม


          เพื่อตอบแทนความทุ่มเท เสียสละทั้งเเรงกายเเรงใจของผู้พิทักษ์ป่า “มูลนิธิเอสซีจี” จึงมอบทุนการศึกษาเเก่บุตรผู้พิทักษ์ป่า ภายใต้ โครงการ “Sharing the Dream Scholarship โดยมูลนิธิเอสซีจี” ซึ่งเริ่มดำเนินการในปี 2558 เป็นปีแรกจนถึงปัจจุบันได้มอบทุนเเก่บุตรผู้พิทักษ์ป่าไปแล้ว 366 ทุน ใน 152 พื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งในปี 2561 นี้ นับเป็นปีที่ 4 ได้มอบทุนแก่บุตรผู้พิทักษ์ป่าอีกจำนวน 160 ทุน ใน 92 พื้นที่อนุรักษ์  เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้พิทักษ์ป่าให้ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถโดยไม่ต้อง ‘ห่วงหน้าพะวงหลัง’ ต่อไป

 


          “ทุนการศึกษาที่บุตรของผู้พิทักษ์ป่าได้รับนั้นเป็นทุนให้เปล่า ไม่มีภาระผูกพันต้องใช้คืน มูลนิธิเอสซีจีจะมอบให้ต่อเนื่องไปจนจบการศึกษา เรียกได้ว่าช่วยลดความกังวลให้กับผู้พิทักษ์ป่า ไม่ต้องห่วงหน้า พะวงหลัง สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่” ขจรเดช เเสงสุพรรณ กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี กล่าว 


          “ถาวร ชูกรณ์” พนักงานพิทักษ์ป่าสำนักป้องกัน ปราบปรามและควบคุมไฟป่าเล่าว่า จุดเริ่มต้นชีวิตผู้พิทักษ์ป่าของเขาเริ่มขึ้นเมื่อปี 2550 ในตำแหน่งพนักงานจ้างเหมาชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่า ในขณะนั้นทำหน้าที่ลาดตระเวนตรวจหาไฟป่าและควบคุมไฟป่า ตลอดระยะเวลา 7 ปี ปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเทมาโดยตลอด จนกระทั่งได้รับการบรรจุเป็นพนักงานราชการ ตำแหน่งพนักงานพิทักษ์ป่า สำนักป้องกัน ปราบปรามและควบคุมไฟป่าในปี 2557


          ถาวรต้องปฏิบัติงานในพื้นยากลำบาก หน้าที่หลักของเขาคือการทำแนวกันไฟเพื่อป้องกันไฟไม่ให้ลุกลามต่อเนื่อง และเมื่อเกิดไฟป่าขึ้น ต้องควบคุมไฟและดับไฟให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง นับเป็นการปฏิบัติหน้าที่บนความเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่เขาก็ยังยืนหยัดที่จะปฏิบัติหน้าที่นี้ เพราะต้องการจะปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติไว้ให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสและชื่นชมต่อไป 

 


          11 ปี กับอาชีพผู้พิทักษ์ป่า ภารกิจที่ถาวรภูมิใจมากที่สุดคือ การได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดับไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุ จ. นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2555 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น ไฟป่ามีความรุนแรง ลุกโหมกินพื้นที่กว่าพันไร่ 


          เขาต้องแบกเครื่องสูบน้ำเข้าไปในป่าเป็นระยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตรเพื่อดับไฟป่า และต้องอัดฉีดน้ำลงไปในดิน ให้น้ำซึมลงไปให้ลึกพอที่จะดับไฟได้ การดับไฟป่าในครั้งนี้ทำให้ถาวรต้องใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในป่านานกว่า 2 เดือน เลยทีเดียว 

 
          สิ่งที่ถาวรห่วงอยู่เสมอนอกเหนือจากการดูแลป่า คือการศึกษาของลูก “รายได้ของผมตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะส่งลูกๆ เรียน ผมต้องทำงานกรีดยางเป็นอาชีพเสริม เพื่อสานฝันของพวกเขาให้เป็นจริง พอผมรู้ว่ามูลนิธิเอสซีจีให้ทุนการศึกษาลูกผม ทำให้ผมหายห่วง และมีกำลังใจทำงานต่อไป และบอกลูกเสมอว่าได้ทุนเรียนแล้ว ขอให้ตั้งใจเรียน เรียนให้เก่งๆ เมื่อโตขึ้นจะได้เป็นพยาบาลอย่างที่ลูกตั้งใจไว้” ถาวร กล่าว


          ด.ญ.ทักษิณา ชูกรณ์ หรือ “น้องวิว” บุตรสาวคนโตของถาวร ปัจจุบันอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนทุ่งสง จ. นครศรีธรรมราช หนึ่งในผู้รับทุนการศึกษาบุตรผู้พิทักษ์ป่า กล่าวว่า รู้สึกดีใจและตื้นตันใจที่มีคนมองเห็นความสำคัญของพ่อ ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ ก่อนที่พ่อจะออกไปทำงานในป่าแต่ละครั้งจะยกมือไหว้ แม้จะไม่แสดงออกมาเป็นคำพูดว่ารักพ่อมากแค่ไหน แต่เมื่อพ่อกลับมาบ้านทุกครั้ง จะวิ่งเข้าไปกอดพ่อ ดีใจที่พ่อกลับมาบ้านอย่างปลอดภัยทุกครั้ง  


          สำหรับความรู้สึกที่ได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้  รู้สึกดีใจและขอขอบคุณมูลนิธิเอสซีจีที่เล็งเห็นความสำคัญของผู้พิทักษ์ป่า ตนเองในฐานะลูกจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ปัจจุบันเกรดเฉลี่ยอยู่ในระดับ 3.5 และมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นพยาบาล เพื่อจะได้ดูแลพ่อและแม่ในอนาคต


          “เฉลิม ปิดกลาง” เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี บอกเล่าถึงการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ว่า ตนเองเป็นชาว ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มีครอบครัวและลูก 2 คน เริ่มรับราชการเมื่อปี 2550 ในตำแหน่งพนักงานจ้างเหมาที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 5 ปี จึงได้ย้ายมารับตำแหน่งที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ต่อมาในปี 2557 ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานราชการในตำแหน่งผู้พิทักษ์ป่า   


          ตลอดอายุการทำงานกว่า 11 ปี เฉลิมเป็นผู้เสียสละและทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำงานอย่างเต็มที่มาโดยตลอด เหตุการณ์ที่ตอกย้ำความเสียสละในการทำงานของเขาคือ การกระโดดลงจากรถยนต์กระบะ เข้าขวางรถยนต์ของกลุ่มขบวนการลักลอบตัดและลำเลียงไม้พะยูงที่ ต.หนองยายพิมพ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อสกัดกั้นและจับกุม ตัวเฉลิมถูกรถยนต์คันดังกล่าวพุ่งชนจนร่างกระเด็น ส่วนรถยนต์คันที่พุ่งชนก็เร่งเครื่องหลบหนีไป แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามจับกุมกลุ่มผู้ร่วมขบวนการได้ 2 คน พร้อมรถยนต์กระบะ 1 คัน และไม้พะยูงแปรรูปซุกซ่อนอำพราง จำนวน 8 แผ่น จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ จนเพื่อนๆ และผู้บังคับบัญชาตั้งฉายาให้เป็น “เฉลิม คนบิน”

 


          อีกสิ่งหนึ่งที่เฉลิมไม่เคยบกพร่อง คือ หน้าที่ของหัวหน้าครอบครัว เขาต้องดูแลลูก 2 คนและภรรยา นับเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน  


          “เดือนหนึ่งๆ ผมเข้าป่า 26 วัน มีเวลาให้ครอบครัวแค่ 4 วัน ผมคิดถึงและห่วงพวกเขามาก ลูกๆ ก็ห่วงผมเช่นกัน เวลาที่ผมออกไปลาดตระเวนในป่าแต่ละครั้ง เขากลัวผมจะไม่ได้กลับมา เวลาที่ลูกป่วย เราเป็นพ่อเขาแท้ๆกลับไม่มีเวลาไปดูแลลูก เคยคิดถอดใจกับอาชีพนี้หลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ได้รับกำลังใจที่ดีจากภรรยา ผมจึงบอกกับลูกๆ เสมอว่ามันเป็นหน้าที่ที่พ่อต้องทำ ถ้าไม่ทำใครจะดูแลป่า ซึ่งผมรู้สึกดีใจมากที่มูลนิธิเอสซีจีเข้ามาช่วยสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับลูก ต่อไปนี้ไม่ต้องห่วงคนข้างหลัง สามารถทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างเต็มที่ ผมสอนลูกเสมอให้ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด อยากเห็นลูกได้เรียนสูงๆ มีอนาคตที่ดี” เฉลิม กล่าว


          “โตขึ้นผมจะเป็นผู้พิทักษ์ป่าแบบพ่อ” นี่คือสิ่งที่ “น้องฟลุ๊ค” ด.ช. วัชรชัย เพรชสาโย อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านซับใต้ จ.นครราชสีมา บุตรชายของ “เฉลิม คนบิน” หนึ่งในผู้รับทุนการศึกษาบุตรผู้พิทักษ์ป่า บอกถึงความมุ่งมั่นกับอาชีพที่เขาใฝ่ฝันในอนาคต นั่นคือการเดินตามรอยพ่อ ในอาชีพ “ผู้พิทักษ์ป่า” ด้วยความตั้งใจที่จะดูแลผืนป่า ซึ่งสิ่งที่น้องฟลุ๊คบอกมานั้น ทำเอาเฉลิม ผู้เป็นพ่อได้ฟังถึงกับภาคภูมิใจและตื้นตันใจอยู่ไม่น้อย และดีใจที่ลูกของตนมีความกล้าหาญและอยากสานต่ออาชีพของพ่อ ซึ่งเป็นอาชีพที่หลายคนมองว่าเสี่ยงและไม่มีใครนึกถึง 


          แม้จะเป็นอาชีพที่มุ่งมั่นในอนาคต แต่ปัจจุบัน “น้องฟลุ๊ค” บอกว่าสิ่งที่ตนสามารถทำได้นั่นคือ การตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและทำหน้าที่ของตนเองในขณะนี้ให้ดีที่สุด ว่างจากการเรียน สิ่งที่จะทำเสมอคือการแบ่งเบางานบ้านเช่น ช่วยยายล้างจาน และเข้าป่าเลี้ยงวัวให้ตา “น้องฟลุ๊ค” ขอบคุณมูลนิธิเอสซีจีที่มอบโอกาสที่ดีให้ ทำให้เขารู้สึกว่ายังมีคนมองเห็นคุณค่าของพ่อ “ฮีโร่” ที่เสียสละทำหน้าที่ในการดูแลผืนป่าที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ 


          “ยอด วงศ์ดวงคำ” เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี เล่าถึงพื้นเพเดิมว่าเกิดที่อ.ห้วยคต ต.ทองหลาง จ.อุทัยธานี ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ จึงตัดสินใจสมัครเข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในปี 2547 ต่อมาในปี 2555 ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานราชการ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ด้วยการออกปฏิบัติการลาดตระเวน  ตรวจปราบปราม ป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าและการลักลอบล่าสัตว์ป่า นับเป็นงานที่เสี่ยงต่อชีวิต ทุกครั้งที่ยอดปฏิบัติงานลาดตระเวน เขาจับกุมผู้ลักลอบล่าสัตว์ป่าได้เสมอ จึงทำให้อัตราผู้ลักลอบล่าสัตว์ป่าลดลงอย่างต่อเนื่อง นับเป็นผลงานแห่งความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสัตว์ป่า


          “ผมไม่เคยกลัว หรือ ท้อ ที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อต้องการปกป้องผืนป่า” นี่คือสิ่งที่ยอดกล่าว และสิ่งที่ตอกย้ำคำพูดของยอดได้ดี นั่นคือเหตุปะทะกับกลุ่มพรานป่าลักลอบล่าสัตว์เมื่อปี 2556 ซึ่งครั้งนั้นทำให้ยอดโดนกระสุนแฉลบเข้าบริเวณคางได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 2 ปี หลังจากหายเป็นปกติ ยอดได้กลับมาปฏิบัติงานที่เขารักอีกครั้ง เหตุการณ์ในวันนั้นไม่ทำให้เขาคิดที่จะทิ้งอาชีพ แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เขาปฏิบัติงานต่อไป เพราะคำว่ารักในอาชีพนี้ 

 


          “เวลาผมไปทำงาน ผมต้องเข้าป่าอย่างน้อยเดือนละ 15 วัน ผมเป็นห่วงและคิดถึงลูกๆ มาก เคยคิดหลายครั้งว่าถ้าหากผมเป็นอะไรขึ้นมาใครจะดูแลครอบครัวของผมโดยเฉพาะลูกๆ แต่พอรู้ว่ามูลนิธิเอสซีจีให้ทุนการศึกษาลูกผม ทำให้ผมหายห่วงและอุ่นใจ ที่อย่างน้อยยังมีคนเห็นคุณค่าและยื่นมือมาช่วยดูแลอนาคตของลูก” ยอด กล่าว


          15 วันที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่า กับ 10 วันที่ประจำการที่หน่วย เหลือเพียง 5 วันเท่านั้นที่ได้กลับมาหาครอบครัว แม้จะเป็นเวลาอันน้อยนิด แต่ยอดก็ใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่า ด้วยการปลูกฝังให้ลูกๆ รักสัตว์ รักป่าเหมือนตนเองอยู่เสมอ และหวังว่าพวกเขาจะมีอนาคตที่ดี ท่ามกลางภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่วัยชรา และดูแลลูกอีก 2 คน การที่ลูกได้รับทุนการศึกษาบุตรผู้พิทักษ์ป่าที่มูลนิธิเอสซีมอบให้ นับเป็นพลังใจอันสำคัญที่ทำให้เขายังคงยืนหยัดในการเป็นผู้พิทักษ์ป่าต่อไป ไม่ต้องห่วงหน้า พะวงหลังอย่างที่เคยเป็น 


          “ทุกครั้งที่พ่อเสร็จสิ้นจากภารกิจลาดตระเวนในป่ากลับมาบ้าน หนูจะใช้เวลากับพ่อเสมอ พ่อจะชอบสอนหนูทำการบ้าน ให้หนูอ่านหนังสือให้ฟังทุกเช้าและก่อนเข้านอน ดีใจที่พ่อกลับมาบ้าน เวลาพ่อเข้าป่าจะบอกพ่อทุกครั้งว่า ขอให้พ่อกลับมาบ้านอย่างปลอดภัยนะ หนูรอพ่ออยู่” ด.ญ.อรจิรา วงศ์ดวงดำ “น้องโฟร์” บุตรสาวของยอดหนึ่งในผู้รับทุนการศึกษาบุตรผู้พิทักษ์ป่ากล่าวถึงความรู้สึกเมื่อเวลาพ่อออกไปปฏิบัติภารกิจในฐานะ “ผู้พิทักษ์ป่า”


          ปัจจุบัน น้องโฟร์เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีความฝันอยากเป็นคุณหมอในอนาคต เมื่อมูลนิธิเอสซีจีมอบทุนการศึกษาให้ตน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเล่าเรียนทุกวันนี้ตนพยายามตั้งใจเรียน ทำหน้าที่ของความเป็นลูกอย่างดีที่สุด ให้สมกับโอกาสดีๆ ที่มูลนิธิเอสซีจีหยิบยื่นให้แม้ว่าจะได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อน้อยกว่าเด็กๆ คนอื่นเขา แต่ตนก็ไม่เคยรู้สึกน้อยใจ กลับรู้สึกภูมิใจมากกว่าที่มีพ่อเป็นฮีโร่  

 

[อ่าน 1,312]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอสซีจี ขนกองทัพนวัตกรรมจาก 10 แบรนด์ชั้นนำ ร่วมงานสถาปนิก 67
“โยเกิร์ต - ณัฐฐชาช์ บุญประชม” อวดแฟชั่นจากแบรนด์ MISTY MYNX คอลเลกชั่นล่าสุด
เอไอเอ ประเทศไทย มอบรางวัลเกียรติยศแก่สุดยอดตัวแทน “ที่สุดแห่งปี” AIA Annual Agency Awards Presentation 2023
Coach เปิดตัว The Coach Tabby Shop ลาน PARC PARAGON
พานาโซนิค บิวตี้ ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ “Panasonic nanocare EH-NA0J” เจาะตลาดไฮเอ็นด์
SCG แถลงผลประกอบการไตรมาสแรก มุ่งเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด รุกธุรกิจที่เติบโตสูง
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved