ย้อนไปในปี 2537 โลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ของ กลุ่มซีพี เปิดสาขาแรกที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ มาในปีนี้ โลตัส มีอายุครบ 30 ปี พร้อมกับก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ต

ทิศทางการรุกตลาดของโลตัสต่อจากนี้ไป ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะจากที่ สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย พูดไว้ในงานแถลงข่าวฉลองครบรอบ 30 ปี เมื่อเร็วๆ นี้ บอกว่า โลตัส จะไม่ได้เป็นแค่เพียงร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งไปสู่การเป็น SMART Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนในชุมชน

การวางทิศทางไปในรูปแบบดังกล่าว จะทำผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ ไล่ตั้งแต่

1.การเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับอาหารและอาหารสดคุณภาพสูง

2.การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตรอบด้าน ทั้งความบันเทิง กิจกรรม รวมถึงการให้บริการแบบ omni-channel เชื่อมต่อการให้บริการทั้งที่สาขาและแพลตฟอร์มออนไลน์

3.การมอบสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าและตรงใจในแต่ละบุคคล ด้วยโปรแกรมสมาชิกมายโลตัส

4.ความยั่งยืนในทุกมิติที่ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจในทุกๆ วัน

ในแง่ของการนำเสนอสินค้านั้น โลตัส เพิ่มน้ำหนักมาที่การทำตลาดอาหาร โดยเฉพาะอาหารสดมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการเติมเต็มร้านอาหารเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของคนเมืองรุ่นใหม่เข้าไปในพื้นที่ที่เป็นช้อปปิ้งมอลล์มากขึ้น

ปัจจุบัน โลตัสมีพื้นที่เช่าอยู่ที่ประมาณ 830,000 ตารางเมตร จากจำนวนสาขาทั้งหมดกว่า 2,400 สาขา แบ่งเป็นฟอร์แมตไฮเปอร์มาร์เก็ต 177 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต ภายใต้แบรนด์ โลตัส โก เฟรช 225 สาขา และโลตัส โก เฟรช ที่เป็นค้าปลีกไซส์เล็ก กระจายอยู่ในชุมชนอีก 1,783 สาขา

ที่ผ่านมา โลตัสเริ่มมีการรีโนเวทพื้นที่ในส่วนช้อปปิ้ง มอลล์ เพื่อเติมเต็มร้านค้าที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เข้าไป โดยเริ่มเห็นการปรับเปลี่ยนดังกล่าวแล้วใน 40-50 สาขา อย่างล่าสุด สาขาสุขุมวิท 50 ที่มีการปรับเพิ่มเติมร้านค้าและบริการใหม่ๆ เข้าไป อาทิ การขยายพื้นที่ฟู้ดคอร์ท ที่วันนี้โลตัสมีการปั้นแบรนด์ ‘EATERY’ ขึ้นมา เพื่อสร้างให้เป็นฟู้ดคอร์ทที่สามารถตอบโจทย์การทานอาหารนอกบ้านของทั้งคนทำงาน และครอบครัวคนรุ่นใหม่ และจะถูกใช้เป็นแบรนด์ฟู้ดคอร์ทในโลตัส รวมถึงพื้นที่ค้าปลีกอื่นๆ ของกลุ่มซีพี

สาขาสุขุมวิท 50 ถือเป็นการปรับใหญ่ ที่นอกจากจะเติมร้านอาหารใหม่ๆ อย่าง ร้านเนื้อแท้ เข้าไปแล้ว ในพื้นที่บริเวณด้านหน้าที่เคยเปิดเป็นร้านโลตัส โก เฟรช ก็มีการรื้อออกเพื่อทำเป็นออฟฟิศ ทำให้สาขานี้กลายเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่มีทั้งค้าปลีก และอาคารสำนักงาน

---

“ในโอกาสที่โลตัสครบรอบ 30 ปี เราขอขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า พันธมิตรธุรกิจ ชุมชน สังคม ที่เชื่อมั่นและให้โอกาสเราได้อยู่เคียงข้าง และขอบคุณพนักงานทุกคน ที่ร่วมส่งมอบความรู้สึกดีดีทุกวันให้กับลูกค้า ในปีนี้ เราได้เตรียมของขวัญสุดพิเศษโดยการดึงศิลปินเกาหลีมาร่วมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ แทนคำขอบคุณจากใจ มอบให้กับลูกค้าคนสำคัญ ตอกย้ำความมุ่งมั่นเคียงข้างสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง สร้างความยั่งยืนจากการดำเนินงานในทุกๆ วัน ภายใต้นโยบาย Vision 2030. Actions every day.ที่ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) ผ่านโครงการต่างๆ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ภายในปี ค.ศ. 2030”

---

 

โลตัส เริ่มต้นจากการเป็นซูเปอร์เซ็นเตอร์ หรือไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่ขายสินค้าราคาถูกทุกวัน ก่อนที่ในปี 2541 กลุ่มเทสโก้ จากสหราชอาณาจักรจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และได้มีการเดินหน้าขยายสาขาพร้อมกับนำเครื่องมือในการบริหารค่าปลีกสมัยใหม่เข้ามา เพื่อทำให้สามารถขายสินค้าราคาถูกได้ทุกวัน หลังจากการกลับคืนสู่อ้อมกอดของกลุ่มซีพี พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น Lotus’s หรือโลตัส กลุ่มซีพี ก็มีการปรับเปลี่ยนภาพของการทำตลาดของโลตัสไปจากเดิมค่อนข้างมาก โดยมีการนำเรื่องของเทคโนโลยี เข้ามาเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะในมุมของการใช้ดาต้า เป็นกลไกสำคัญในการเข้าถึง และเข้าใจลูกค้าผ่านทางลอยัลตี้แพลตฟอร์มอย่าง มายโลตัส

ขณะเดียวกัน ก็มีการปรับรูปแบบการนำเสนอสินค้า รวมถึงการปรับพื้นที่ของช้อปปิ้งมอลล์ใหม่ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่มากกว่าแค่การช้อปปิ้ง แต่คือเรื่องของการใช้ชีวิต จึงเป็นที่มาของการวางหมุดหมายให้โลตัสก้าวขึ้นไปเป็น SMART Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนในชุมชน ผ่านการปรับโฉมโลตัสในหลายสาขา และที่กำลังทยอยรีโนเวทก็มีไม่ต่ำกว่า 40-50 สาขา 

ถือว่า เป็นการปรับโฉมที่ชวนติดตามดูไม่น้อยทีเดียว โดยนอกจาก 4 กลยุทธ์ข้างต้นแล้ว การฉลองครบรอบ 30 ปีของโลตัส ยังมีการเปิดตัวแคมเปญ ‘ซื้ออะไรก็ได้เจอกงยู’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรม ‘Lotus’s 30th Anniversary with Gong Yoo in Bangkok’ เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี ของโลตัสในบ้านเรา ไม่เพียงแค่ การทำรายการส่งเสริมการขายทั้งการแจก Coin 30 ล้าน Coin ที่สามารถใช้แทนเงินสดได้ รวมถึงการนำ ‘โรลแบ็ค’ ที่เป็นภาพจำของโลตัสในเรื่องของสินค้าราคาถูกกลับมาใช้เท่านั้น 

แม่เหล็กสำคัญของแคมเปญนี้ น่าจะอยู่ที่การนำศิลปินชื่อดังอย่าง ‘กงยู’ มาเป็นแกนหลักของการทำแคมเปญ ‘ซื้ออะไรก็ได้เจอกงยู’ ที่ดึงศิลปินเกาหลีอย่าง ‘กงยู’ มาร่วมกิจกรรม Lotus’s 30th Anniversary with Gong Yoo in Bangkok แบบพิเศษสุดที่ประเทศไทย สำหรับลูกค้าที่เป็น Top Spender 2,000 ท่านแรก ทั้งที่ซื้อสินค้าในโลตัสทั่วประเทศ รวมทั้งที่ช้อปร้านค้าในศูนย์การค้าโลตัส (ร้านทองไม่เข้าร่วมกิจกรรม Top Spender)

ไม่เพียงแค่กลุ่ม Top Spender แต่ยังมีการให้ลูกค้าทั่วไปลุ้น Lucky Draw อีก 1,300 รางวัล โดยทุกการช้อป 100 บาทในโลตัสทั่วประเทศ และร้านค้าในศูนย์การค้าโลตัสรับ 1 สิทธิ์ เพื่อลุ้นเป็นผู้โชคดีในปีนี้ ขณะเดียวกัน ก็มีการตัดตัวสินค้าประเภทของการซื้อทองคำออกจากกลุ่ม Top Spender เหมือนปีที่ผ่านมา แต่ให้ร่วมสนุกผ่านการมอบสิทธิในการชิงโชคเป็นผู้โชคดี 1 ใน 1,300 คน แทน เนื่องจากมองว่า การซื้อสินค้าในกลุ่มทองคำ มีมูลค่าค่อนข้างสูง โดยลูกค้าสามารถร่วมสนุกกับแคมเปญนี้ได้ตั้งแต่ 15 สิงหาคม ถึง 2 ตุลาคมนี้ โดยร่วมรายการเฉพาะสมาชิกมายโลตัส ซึ่งผู้โชคดี และ Top Spender จะได้ร่วมกิจกรรมแฟนมีตกงยูได้ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ ที่ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5-6

สำหรับการเลือก ‘กงยู’ เข้ามาเป็นแม่เหล็กของแคมเปญนั้น สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย บอกว่า มาจากอินไซต์ของลูกค้าโลตัส ที่นิยมชมชอบสตาร์จากเกาหลีคนนี้ ขณะเดียวกัน กงยู ยังช่วยเชื่อมโยงมาสู่แบรนด์โลตัส ที่เป็นร้านค้าปลีกยอดนิยมของคนไทยมาตลอด 30 ปี 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลตัส ทำแคมเปญส่งเสริมการขายด้วยการดึงศิลปินเค ป๊อป มาทำแคมเปญ โดยในปีที่แล้ว โลตัสฉลองครบรอบ 30 ปี ก็มีการดึงซูเปอร์สตาร์เกาหลีชื่อดัง พัคซอจุน เข้ามาพบปะกับแฟนคลับ โดยการร่วมแคมเปญจะเปิดให้ลูกค้าซื้อสินค้า รวมถึง ทองคำด้วย ทำให้มียอดผู้ซื้อสะสมสูงสุดถึง 78 ล้านบาท

เป็นอีกการต่อจิ๊กซอว์เพื่อรุกตลาดในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของโลตัส....