แคลเซียมโบรอน เป็นสารอาหารเสริมที่เกษตรกรนิยมนำมาใช้เพื่อช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่พืชกำลังออกดอกและติดผล ซึ่งเป็นช่วงที่พืชต้องการแคลเซียมและโบรอนในปริมาณที่สูง เพื่อช่วยในการสร้างผนังเซลล์ให้แข็งแรง ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดี รสชาติดี และเก็บรักษาได้นานขึ้น

แคลเซียมโบรอน มีความสำคัญต่อพืชอย่างไร ?

แคลเซียม :

• ช่วยในการสร้างผนังเซลล์ให้แข็งแรง ทำให้พืชมีความทนทานต่อโรคและแมลง
• ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำและอาหารภายในพืช
• ช่วยในการสร้างรากและลำต้นให้แข็งแรง
• ป้องกันอาการเน่าของผลผลิต

โบรอน :

• ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต
• ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและธาตุอาหารอื่นๆ
• ช่วยในการสร้างดอกและผสมเกสร
• ช่วยในการพัฒนาเมล็ด

อาการขาดแคลเซียมโบรอนในพืช

อาการขาดแคลเซียม :

• ปลายยอดและใบอ่อนเหี่ยวเฉา
• ผลผลิตมีรอยแตกหรือเน่า
• รากเจริญเติบโตไม่ดี

อาการขาดโบรอน :

• ใบม้วนงอและเหลือง
• ยอดและดอกแห้งตาย
• ผลผลิตมีขนาดเล็กและผิดรูป

วิธีการใช้แคลเซียมโบรอน

แคลเซียมโบรอนมีจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ เช่น ผงละลายน้ำ และน้ำหมักชีวภาพ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชและความต้องการของแต่ละพื้นที่ วิธีการใช้ที่ถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยให้พืชได้รับประโยชน์สูงสุด

อย่างไรก็ตามข้อควรระวัง คือ การใช้แคลเซียมโบรอนในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดความเป็นพิษต่อพืชได้ ดังนั้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด

ประโยชน์ของการใช้แคลเซียมโบรอน

• เพิ่มผลผลิต : ช่วยให้พืชออกดอกและติดผลได้มากขึ้น
• เพิ่มคุณภาพผลผลิต : ทำให้ผลผลิตมีขนาดใหญ่ รสชาติดี และเก็บรักษาได้นานขึ้น
• ลดการเกิดโรคและแมลง : ช่วยให้พืชมีความแข็งแรง ทนทานต่อโรคและแมลง
• เพิ่มความคุ้มค่าในการผลิต : ช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร

โดยสรุปแล้ว แคลเซียมโบรอนเป็นสารอาหารเสริมที่สำคัญสำหรับพืช การใช้แคลเซียมโบรอนอย่างถูกวิธีและเหมาะสมจะช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ผลิตผลมีคุณภาพดี และเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น