Accor กำลังมุ่งสู่การปฏิวัติวงการโรงแรมหรูโดยการลงทุนอย่างหนักเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้นำอย่าง Marriott และ Hilton ตั้งแต่ปี 2015 บริษัทได้ขยายข้อเสนอห้องพักหรูหราจาก 6% เป็นมากกว่า 10% ของห้องพักทั้งหมด ด้วยความตั้งใจที่จะยกระดับประสบการณ์การเข้าพักให้เหนือกว่าความคาดหมาย การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความหรูหราและประวัติศาสตร์อย่าง Orient Express
นับเป็นหนึ่งในความพยายามหลักที่จะขับเคลื่อนการเติบโตนี้ โดยแบรนด์ดังกล่าวจะครอบคลุมทั้งโรงแรม รถไฟนอน และเรือยอทช์ พร้อมกับโรงแรมแห่งแรกที่มีกำหนดเปิดในกรุงโรมในปี 2025 นอกจากนี้ Accor ยังได้ปรับโครงสร้างแผนกโรงแรมหรูให้มีความเป็นอิสระมากขึ้น และเน้นการให้บริการระดับไฮเอนด์ผ่านแบรนด์ดังๆ เช่น Raffles และ Fairmont
การเปิดตัวแบรนด์ Orient Express ไม่เพียงแต่สัญญาว่าจะเป็นการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ ของห้องพักหรูหรา แต่ยังเป็นการนำเสนอบริการที่หรูหราด้วยมรดกอันล้ำค่าที่ถูกบรรจุไว้ในทุกประสบการณ์การเดินทาง แบรนด์นี้เริ่มต้นจากบริการรถไฟสุดหรูที่เปิดตัวในปี 1883 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก ให้การเดินทางข้ามกาลเวลาและวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการออกแบบที่ไม่เพียงสะท้อนความสง่างามแต่ยังเติมเต็มด้วยความสะดวกสบายและทันสมัย
สิ่งที่ทำให้ Orient Express แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ คือการผสมผสานของงานฝีมือช่างฝีมือที่มีความสามารถ การออกแบบที่สร้างสรรค์ และประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงแขกกับมรดกของแต่ละจุดหมายปลายทาง โรงแรมแต่ละแห่งของ Orient Express จะกลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่ให้บริการแขกด้วยประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความคิดถึงและความสง่างาม ผ่านการร่วมมือกับนักออกแบบและช่างฝีมือท้องถิ่นที่มีความชำนาญ ทุกสิ่งนี้ได้ถูกนำเสนอในรูปแบบที่สร้างความทรงจำอันล้ำค่าและไม่เหมือนใคร
แต่การจะเดินทางสุดหรูไม่ใช่แค่การต้อนรับแขกเท่านั้น การมุ่งเน้นที่ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและการใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการบริการ เพื่อให้แขกรู้สึกถึงความสะดวกสบายที่ดีที่สุดจากทั้งโลกแห่งประวัติศาสตร์และความทันสมัยนั้นก็เป็นสิ่งที่ Orient Express ต้องการจะนำเสนอ การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยกับเสน่ห์เหนือกาลเวลาได้สร้างประสบการณ์การเดินทางสุดหรูที่ไม่มีที่ติ
การร่วมมือระหว่าง Accor และ LVMH ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ Orient Express ด้วยการนำความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของทั้งสองบริษัทมาร่วมมือกันเพื่อขยายธุรกิจที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานจากรถไฟสุดหรูสู่โรงแรมและเรือยอทช์ภายใต้การเป็นเจ้าของของ Accor ตั้งแต่ปี 2022 ด้วยการลงทุนอย่างมุ่งมั่นจาก LVMH ที่มุ่งหวังที่จะเพิ่มคุณค่าและยกระดับแบรนด์ให้ไปไกลยิ่งขึ้น การเปิดตัวโรงแรมในกรุงโรมและเวนิส การเปิดตัวรถไฟประวัติศาสตร์ และการเปิดตัวเรือยอทช์ลำแรกในปี 2026 ล้วนแต่สะท้อนถึงความตั้งใจในการฟื้นฟู Orient Express ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ทั้งสองบริษัทต่างมีความมั่นใจว่า Orient Express จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางที่หรูหราและทันสมัย ผสมผสานประเพณีและนวัตกรรมไว้ได้อย่างลงตัว ทำให้ทุกการเดินทางกลายเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน ด้วยความร่วมมือที่สำคัญนี้ แน่นอนว่า Orient Express จะไม่เพียงแค่กำหนดนิยามใหม่ของการเดินทางหรูหราในยุคปัจจุบัน แต่ยังคงรักษามรดกและความสง่างามที่มีมาอย่างยาวนาน
ปัจจุบัน ตลาดโรงแรม Ultra-luxury (ราคาเริ่มต้นคืนละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35,000 บาท) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพสูงในระดับโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีความต้องการสูงในกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ซึ่งมักจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการเฉพาะในเรื่องของประสบการณ์สุดหรู การบริการที่เหนือระดับ และการตกแต่งที่สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์
หนึ่งในปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของตลาดนี้คือการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ ที่ไม่เพียงแต่ต้องการที่พักที่สะดวกสบาย แต่ยังคาดหวังการให้บริการที่ทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแบรนด์ โรงแรม Ultra-luxury จึงต้องมีการนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างจากโรงแรมระดับทั่วไป เช่น บริการส่วนตัวที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า การเชื่อมโยงกับประสบการณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น และการนำเสนอบริการทางด้านสุขภาพและความงามที่ระดับสูงสุด
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการขยายตัวของกลุ่มลูกค้าระดับสูงจากประเทศจีน, อินเดีย, และตะวันออกกลาง ซึ่งมีความต้องการโรงแรมที่สามารถตอบสนองความต้องการในด้านความหรูหราและบริการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น โรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษเช่น วิลล่าหรู, สปาชั้นสูง, และร้านอาหารที่มีเชฟมิชลิน
นอกจากนี้ การขยายตัวของแบรนด์โรงแรมหรูหลายแบรนด์ที่ร่วมมือกับธุรกิจหรูหราอื่นๆ เช่น LVMH ที่ร่วมลงทุนใน Orient Express ก็ช่วยเพิ่มศักยภาพและความน่าสนใจในตลาด Ultra-luxury นี้ได้อย่างมาก โดยไม่เพียงแต่เป็นการพักผ่อน แต่ยังเป็นการสร้างประสบการณ์พิเศษที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์หรูหรา
ท้ายที่สุด ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้โรงแรม Ultra-luxury ต้องมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมและการบริการที่ทัดเทียมกับความคาดหวังของลูกค้าระดับสูง พร้อมสร้างความแตกต่างที่ยั่งยืนจากคู่แข่งในอุตสาหกรรมโรงแรมสุดหรู
ปัจจุบัน Accor มีโรงแรมหรูกว่า 380 แห่ง ยังไม่ใช่ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้เท่ากับ Marriott ซึ่งมีโรงแรมชั้นนำระดับโลกอยู่ 529 แห่ง และ Hilton ซึ่งมีโรงแรมหรูมากกว่า 500 แห่งทั่วโลก