เศรษฐกิจสุขภาพไทยปี 2566 โตแรง อาหารสุขภาพ-จิตใจ-ป้องกันโรค มาแรง ดันไทยสู่ Wellness Hub โลก เศรษฐกิจสุขภาพ (Wellness Economy) ของไทยในปี พ.ศ. 2566 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างรายได้รวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท

โดยมีภาคส่วนที่โดดเด่นและเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนี้:

• อาหารเพื่อสุขภาพและโภชนาการ: สร้างรายได้ 308,900 ล้านบาท เติบโต 8.4% โดยเฉพาะอาหารเพื่อสุขภาพ วิตามินและอาหารเสริม รวมถึงผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก
• สุขภาพจิต (Mental Wellness): สร้างรายได้ 22,500 ล้านบาท เติบโต 13.7% สะท้อนถึงความตระหนักด้านสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น โดยผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น สมุนไพรบำรุงสมอง โยคะ และการทำสมาธิ ได้รับความนิยม
• เวชศาสตร์ป้องกันและการแพทย์เฉพาะบุคคล: สร้างรายได้ 91,500 ล้านบาท เติบโต 10.5% บ่งชี้ถึงแนวโน้มการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่กำลังมาแรง
• การแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก: สร้างรายได้ 118,000 ล้านบาท เติบโต 7.7% โดยยาสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติยังคงเป็นที่นิยม
• อสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพ (Wellness Real Estate): สร้างรายได้ 17,800 ล้านบาท เติบโต 11.4% แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี

แนวโน้มอนาคตสดใส ดันไทยเป็น Wellness Hub

อุตสาหกรรมสุขภาพของไทยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 7-10% ต่อปี โดยการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเวชศาสตร์ป้องกันจะเป็นภาคส่วนที่เติบโตเร็วที่สุด

ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับโลก (Wellness Hub) ด้วยจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยความร่วมมือระหว่าง Global Wellness Institute และ BDMS

Wellness Clinic จะช่วยผลักดันให้ไทยก้าวสู่เป้าหมายนี้ 5S โมเดล สู่ระบบสุขภาพยั่งยืน ประเทศไทยมุ่งเน้นการพัฒนา Wellness Economy ด้วยแนวคิด 5S ได้แก่:

 * สุขภาพ (Sanitation)

 * จิตวิญญาณ (Spirit)

 * ความยั่งยืน (Sustainability)

 * บริการ (Service)

 * รอยยิ้ม (Smile)

แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสุขภาพที่โดดเด่น แต่ยังเป็นต้นแบบของระบบสุขภาพที่ยั่งยืน (Sustainable Wellness) ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่วงชีวิตที่มีสุขภาพดี (Health Span) ให้กับประชากรทั่วโลก