สิงห์ เอสเตท โชว์แผนโตต่อเนื่อง อนุมัติจ่ายปันผลปี 2567 หุ้นละ 0.01 บาท
27 Apr 2025

 5 จุดเด่นจากการประชุมผู้ถือหุ้น สิงห์ เอสเตท 2568

  1. อนุมัติจ่ายปันผลต่อเนื่อง
    • จ่ายปันผลปี 2567 หุ้นละ 0.01 บาท คิดเป็น 94.54% ของกำไรสุทธิ สะท้อนความมั่นคงทางการเงินและความใส่ใจผู้ถือหุ้น
  2. กลยุทธ์กระจายพอร์ตช่วยเสริมแกร่ง
    • แม้เจอภาวะตลาดท้าทาย แต่รายได้รวมเติบโต 3 ปีต่อเนื่อง จากการกระจายการลงทุนในธุรกิจหลากหลายกลุ่ม
  3. เร่งเครื่องธุรกิจอสังหาฯ ลักชูรี
    • เตรียมเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 8,800 ล้านบาท มั่นใจตลาดลักชูรีแข็งแกร่งทนต่อเศรษฐกิจผันผวน
  4. เสริมรายได้ประจำจากโรงแรม-อาคารสำนักงาน
    • ปรับปรุงสินทรัพย์โรงแรมสำเร็จ เพิ่มรายได้ได้จริง พร้อมวางแผนบริหารทรัพย์เพิ่มประสิทธิภาพลงทุน
  5. มุ่งเติบโตยั่งยืนด้วย Green Finance
    • ได้รับวงเงิน Green Loan จากธนาคาร ชูจุดแข็งพัฒนาโครงการที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน

 

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S โดย คุณปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานกรรมการ และ คุณฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะกรรมการ จัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2568  เพื่อรายงานผลการดำเนินงานในปี 2567 พร้อมนำเสนอกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ซึ่งในที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติ การจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.01 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ร้อยละ 94.54 ของกำไรสุทธิหลังจากการปรับปรุงรายการ มีกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568

 

 

ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังการประชุมว่า

“ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องเผชิญกับสภาวะตลาดที่ท้าทาย เป็นผลให้เกิดการชะลอตัวในบางธุรกิจ แต่ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงในหลายกิจการอย่างเหมาะสม ทำให้รายได้ในปี 2567 ยังสามารถเติบโตขึ้นได้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และจากผลการดำเนินงานดังกล่าวทำให้บริษัทฯ ยังคงสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง”

 

ในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงเน้นการสร้างความมั่นคงด้านกระแสเงินสด ควบคู่กับการเติบโตที่ยั่งยืนทั้งแบบรายได้ประจำ (Recurring Income) และไม่ประจำ (Non-Recurring Income) โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย บริษัทฯ มีแผน เปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,800 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพ 4 แห่งในกรุงเทพมหานคร

ประกอบกับโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 26,744 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการอยู่ในระดับราคาลักชูรีที่มีผลกระทบต่อความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและข้อจำกัดในการให้สินเชื่อของธนาคารน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบ ทำให้บริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่ารายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยในปี 2568 ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง  

 

ขณะที่ธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นรายได้ประจำหลักของบริษัทฯ (Recurring Income) ยังดำเนินตามแผนกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของพอร์ตการลงทุน เน้นลงทุนปรับปรุงทรัพย์สินหลักเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ ตามความสำเร็จของการปรับปรุงทรัพย์สินในช่วงปีที่ผ่านมา ที่โรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต สามารถเพิ่มราคาห้องพักได้กว่า 36% เมื่อเทียบกับราคาห้องพักในปีก่อนปรับปรุง

รวมทั้งกลยุทธ์การขายโรงแรมที่มีผลการดำเนินงานต่ำกว่าเป้าหมาย เพื่อปรับปรุงผลตอบแทนจากการลงทุนรวมให้ดีขึ้น และการพิจารณาซื้อโรงแรมในทำเลที่มีศักยภาพ ตอบรับเทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ และเสริมสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรของธุรกิจโรงแรมให้แข็งแกร่ง

 

ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า และธุรกิจนิคมอุสาหกรรมและสาธารณูปโภค จะเน้นกลยุทธ์การเข้าหาลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการขายของอาคารสำนักงานเอส โอเอซิส และนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง

ในขณะเดียวกันในกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ยังมีความสมดุลจากรายได้ประจำทั้งจากผลการดำเนินงานที่ดีของอาคารสำนักงานหลักทั้ง 3 แห่ง (อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ อาคารซันทาวเวอร์ส และอาคารเอส เมโทร) ของบริษัทฯและรายได้ที่มั่นคงจากส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าและรายได้จากการขายสาธารณูปโภคและค่าบริการของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

 

นอกจากความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการธุรกิจแล้ว บริษัทฯ ยังเสริมสร้างความมั่นคงด้านการจัดหากระแสเงินสดผ่านการกระจายการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ทั้งจากความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และแผนการเสนอขายอย่างต่อเนื่อง การได้รับสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) จากธนาคารสำหรับอาคารสำนักงาน เอส โอเอซิส ที่เป็นอาคารสำนักงานที่ถูกออกแบบให้มีความสวยงามควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม

ซึ่งการได้รับวงเงินดังกล่าวนอกจากจะเป็นการแสดงความเชื่อมั่นของธนาคารที่มีต่อบริษัทฯ แล้วยังเป็นการตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจที่บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาโครงการด้วยความพิถีพิถัน เพื่อสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชนอย่างสมดุล” ฐิติมา กล่าวเสริม

 

[อ่าน 427]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล เผยผลการดำเนินงาน Q1 กำไรจากธุรกิจใหม่เติบโตเพิ่มขึ้น 12%
COTTO ขยายตลาดเดินเกมรุกอุตสาหกรรม “วัสดุตกแต่ง” เจาะกลุ่มนักออกแบบยุคใหม่
Taiwan Excellence โชว์นวัตกรรมสถาปัตย์ยั่งยืนในงาน ARCHITECT EXPO 2025
แอสคอทท์และเชลซีร่วมเฉลิมฉลองการปิดฉากความสำเร็จ The Famous CFC 2024/25
“ไฮเออร์ สมาร์ทโฮม” โตสวนกระแส! รายได้ปี 2024 แตะ 2.85 แสนล้านหยวน
กลับมาตามคำเรียกร้อง! “PRUKSA PASS” ช่วยลูกค้ามีคอนโดได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องรอลุ้นอนุมัติสินเชื่อ!
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved