เอสซีจี เผยผลประกอบการรายธุรกิจ
ในวันที่ 30 เมษายน 2568 เอสซีจีได้แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 โดยรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 124,392 ล้านบาท ลดลง 5% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายที่ลดลงของเอสซีจีเคมิคอลส์ (SCG Chemicals) โดยเฉพาะของโรงงาน LSP แต่ยังมีกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้นเป็น 1,099 ล้านบาท จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกธุรกิจ รวมถึงการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ของเอสซีจี กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทาย และความสามารถในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าและปัจจัยภายนอกที่ไม่แน่นอน”
4 กลยุทธ์สำคัญในการรับมือสงครามการค้า
เอสซีจีได้ประเมินสถานการณ์สงครามการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และการปรับลดประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งได้ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยที่อาจเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นจากสหรัฐฯ ดังนั้น เอสซีจีจึงได้เตรียมแผนกลยุทธ์สำคัญเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ โดยมี 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
ลดต้นทุนการผลิต เพื่อแข่งขันในตลาดโลก การใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะและเทคโนโลยีอัตโนมัติในการผลิตช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
ขยายพอร์ตสินค้า โดยมุ่งเน้นการพัฒนา "สินค้ามูลค่าเพิ่มสูง" (HVA Products) และ "สินค้ากรีน" เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
บุกตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง การขยายการส่งออกไปยังตลาดที่ได้ประโยชน์จากสงครามการค้า เช่น การส่งออกสินค้าจากฐานการผลิตในอาเซียน
สร้างความได้เปรียบจากฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการส่งออกจากฐานการผลิตที่มีอัตราภาษีนำเข้าต่ำ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า
การปรับตัวและผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทุกธุรกิจ
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กล่าวเพิ่มเติม ว่า การปรับตัวของธุรกิจในไตรมาส 1 ปี 2568 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในธุรกิจซีเมนต์และการก่อสร้างที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธุรกิจเคมิคอลส์ (เอสซีจีซี) ยังปรับตัวได้ดีจากการบริหารต้นทุนและการปรับพอร์ตสินค้า
แม้จะมีการชะลอตัวในบางตลาด แต่เอสซีจีมั่นใจว่ายังสามารถรักษาความเติบโตได้จากกลยุทธ์การขยายธุรกิจและการใช้ฐานการผลิตที่หลากหลายในการส่งออก
กลยุทธ์เสริมความเข้มแข็งทางการเงิน
เอสซีจีได้ดำเนินมาตรการเสริมความเข้มแข็งทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เช่น การบริหารจัดการกระแสเงินสดและการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งทำให้บริษัทสามารถรักษาความยืดหยุ่นทางการเงินและพร้อมรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นในตลาดโลก โดยในไตรมาส 1 ปี 2568 มีการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและการลดหนี้สินสุทธิลงอย่างมีประสิทธิภาพ
แนวโน้มการเติบโตในอนาคต
จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2568 เอสซีจีมั่นใจในความสามารถของธุรกิจในการเติบโตในปี 2568 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยและภูมิภาคอาเซียนจะยังคงเป็นแหล่งเสถียรภาพสำคัญในการขยายตลาดเอสซีจีในอนาคต บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกระดับ
ด้วยการปรับตัวและกลยุทธ์ที่เข้มข้น เอสซีจีพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายจากสงครามการค้าและสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนในอนาคต พร้อมยกระดับการทำธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีความแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์