ประเทศไทยได้รับความเชื่อมั่นในระดับสูงจากนักลงทุนชั้นนำระดับโลกอีกครั้ง เมื่อคณะผู้บริหารระดับสูงจาก Global Infrastructure Partners (GIP) กลุ่มทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ BlackRock ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ นำโดย อเดบาโย โอกุนเลซี ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอของ GIP และกรรมการผู้จัดการอาวุโสของ BlackRock
ในการนี้ โอกุนเลซี ได้เข้าพบ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือแนวทางการลงทุนและความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศไทย โดยมี ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) พร้อมด้วยผู้บริหารจาก True IDC ร่วมแสดงวิสัยทัศน์และยืนยันความพร้อมของภาคเอกชนไทยในการยกระดับประเทศไทยสู่ ศูนย์กลางเทคโนโลยีและ AI ของภูมิภาค
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับ และแสดงความยินดี พร้อมระบุว่า ทางรัฐบาลจะพยายามทำให้กระบวนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของเอกชนมีความสะดวกรวดเร็ว และราบรื่น นอกจากนี้ยังยินดีที่จะสนับสนุนความร่วมมือของภาคเอกชน กับหน่วยงานการศึกษา เกี่ยวกับการพัฒนาองค์ความรู้ และทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล และดาต้าเซ็นเตอร์อย่างเต็มกำลัง
ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า
“ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลและ AI ของภูมิภาคอาเซียน และกำลังเข้าสู่ยุคของ Giga Data Center ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับพลังงานระดับกิกะวัตต์ รองรับเวิร์กโหลดที่มีความเข้มข้นสูง ตอบสนองความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ต่างพากันเข้ามาลงทุนในไทย
CP Group จึงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับนานาชาติอย่าง GIP และภาครัฐไทย เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศให้ตอบโจทย์การเป็นดิจิทัลฮับของอาเซียน เพิ่มทุนพัฒนามนุษย์ ตลอดจนโครงการวิจัย และพัฒนาที่จะต้องมีรองรับ สามารถยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับลูกหลานของไทยในด้านการศึกษา และการคิดค้นนวัตกรรม”
ด้าน อาเดบาโย โอกุนเลสี ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธานและซีอีโอของ GIP และกรรมการผู้จัดการอาวุโส BlackRock กล่าวว่า
“GIP มีเครือข่ายการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศ และมีประสบการณ์ยาวนานในการสนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่สำคัญระดับโลก อาทิ สนามบิน ท่าเรือ ระบบพลังงานไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และเครือข่ายศูนย์ข้อมูล ซึ่งล้วนแต่เป็นระบบพื้นฐานที่รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในระยะยาว
เราเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีความพร้อมทั้งในด้านภูมิศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อการเติบโตในระยะยาว การลงทุนของ GIP ในประเทศไทยครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่โอกาสทางธุรกิจ แต่คือความร่วมมือที่มีเป้าหมายเพื่อร่วมสร้างระบบดิจิทัลที่มั่นคง มีเสถียรภาพ และยั่งยืน พร้อมวางรากฐานใหม่ให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลระดับภูมิภาค”
ไฮไลต์สำคัญของการเยือนไทยในครั้งนี้ คือ GIP-BlackRock จะร่วมมือกับพันธมิตร ผ่านแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล มูลค่ากว่า 3-5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 105,000-175,000 ล้านบาท ในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไทย โดยเฉพาะด้านศูนย์ข้อมูล (Data Center) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสามารถในการรองรับเวิร์กโหลดของเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, Big Data และ Cloud Services การลงทุนดังกล่าวไม่เพียงสร้างการจ้างงานใหม่จำนวนมากในกลุ่มวิศวกรรมและเทคโนโลยี แต่ยังช่วยเพิ่มศักยภาพของประเทศไทยในการแข่งขันในเวทีเศรษฐกิจโลกยุคใหม่
ในบริบทระดับภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการเติบโตในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมีรายงานการคาดการณ์มูลค่าตลาดจะเติบโตที่ 3.81 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 ถึง 2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีราว 6.8% จากแรงขับเคลื่อนของ Edge Computing, AI และการใช้งานคลาวด์ในวงกว้าง ตลอดจนการคาดการณ์ว่าตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีราว 7.5%-8.5% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า นี่คือโอกาสของประเทศไทยที่จะกลายเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของอาเซียน
การเยือนไทยของ GIP-BlackRock ครั้งนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ การหลอมรวมวิสัยทัศน์ของภาครัฐ ผู้นำอุตสาหกรรมไทย และนักลงทุนระดับโลก เป็นการวางรากฐานเพื่อสร้างนวัตกรรมแห่งอนาคต ที่ประเทศไทยจะเป็นผู้กำหนดทิศทางใหม่ของภูมิภาค สู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะอย่างแท้จริง