MC สุดสตรอง!!! ไตรมาส 3 โชว์กำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5%
14 May 2025

 

ช้อปออนไลน์โตสนั่น!!! ดันผลดำเนินงาน “แม็คกรุ๊ป” เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางกำลังซื้อ เศรษฐกิจโตชะลอตัว สงครามการค้าระอุ ไตรมาส 3 ปีบัญชี 2568 (1ม.ค 2568-31 มี.ค 2568) โชว์กำไรสุทธิ 188  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% หนุน งวด 9 เดือนกำไรไว้แล้ว 626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% โกยรายได้ 3,245 ล้านบาท ขณะที่ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นระดับสูงกว่า 64.3% เชื่อมั่นทั้งปีผลงานโตตามเป้าหมาย !!!

 

เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีบัญชี 2568 ( 1ม.ค 2568 -31 มี.ค 2568) บริษัทมีกำไรสุทธิ 188  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23 ล้านบาทหรือ 14.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 165 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 17.3% ดีขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 16.4% 

ทั้งนี้ในไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้ารวม 1,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 ล้านบาทหรือ คิดเป็น 7.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 995 ล้านบาท เป็นผลจากการขายในช่องทางออนไลน์ แบบก้าวกระโดด อีกทั้งในช่วงไตรมาสนี้แม็คกรุ๊ปได้ ร่วมกับ TikTok Shop จัดทำโปรเจกต์พิเศษ Mc JEANS X TikTok Shop Live Base เปิดตัว LIVE Based studio ที่ Mc Outlet เมืองทองธานี เพื่อสนับสนุนแบรนด์และ Creator ในการทำ Live Commerce ผ่านทาง TikTok โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มยอดขายและขยายโอกาสให้ธุรกิจเติบโตผ่านการไลฟ์สด

โดยรายได้จากการขายสินค้าและกำไรที่เติบโตเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 ไตรมาส ส่งผลให้ งวด 9 เดือนรอบปีบัญชี 2568 (1ก.ค2567 -31 มี.ค 2568 ) แม็คกรุ๊ป มีกำไรสุทธิ 626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49 ล้านบาทหรือ 8.5% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 577  ล้านบาท มีอัตราไรสุทธิ  19% เพิ่มขึ้นเทียบงวดเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 17.9% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวระดับสูงที่ 64.3% ซึ่งอัตรากำไรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น  มาจากยอดขายของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น โดย งวด 9 เดือนนี้บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 3,245 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67 ล้านบาทหรือ 2.10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายไดเจากการขาย 3,178 ล้านบาท รวมถึงการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงส่งผลให้ผลดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

​“บริษัทเติบโตได้แข็งแกร่ง เป็นผลมาจากรายได้จากช่องทางออนไลน์ และการปรับตัวดีขึ้นของช่องทางออฟไลน์ในไตรมาสที่สองและสามอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงจากความกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า รวมไปถึงความกังวลต่อสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอลและขบวนการฮามาส ตลอดจนความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ดีการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือชาวไร่ ชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท มาตรการ Easy E-Receipt ในช่วงเดือน มกราคม ถึงกุมภาพันธ์ 2568 รวมถึงมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทให้แก่ผู้สูงอายุ  การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวภายหลังการเปิดประเทศ ตลอดจนการเปิดฟรีวีซ่า และการขยายเวลาการพำนักของนักท่องเที่ยว จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีขึ้นและบริษัทเองก็จะได้รับอานิสงส์เชิงบวกด้วย“ เจมส์ ริชาร์ดกล่าว

 

เจมส์ ริชาร์ด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในงวดไตรมาส 3 ปีบัญชี 2568 บริษัทมีรายได้จากช่องทางร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หนุนให้สัดส่วนรายได้จาก E-Commerce ขึ้นไปแตะที่  18 % จาก 9% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน หรือมีรายได้จากการขาย 194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104 ล้านบาทหรือ 114.6% จาก 90 ล้านบาทเมื่องวดปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือนมีรายได้ 531 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 66.3% หรือ 212 ล้านบาท จาก 319 ล้านบาท

ขณะที่สัดส่วนรายได้ช่องทางร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) คิดเป็นสัดส่วน  63 % ลดลงจาก 70% หรือมีรายได้ 670 ล้านบาท ลดลง 23 ล้านบาท จาก 693 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีรายได้ 2,096 ล้านบาท ลดลง 71 ล้านบาท จาก 2,167 ล้านบาท, ห้างสรรพสินค้า (Department Store) คิดเป็นสัดส่วน 17 % ลดลงจาก 19% หรือมีรายได้ 181 ล้านบาท ลดลง 5 ล้านบาทจาก 186 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีรายได้ 561ล้านบาท ลดลง 47 ล้านบาท จาก 608 ล้านบาท ขณะที่ช่องทางอื่น ๆ มีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 2 %เท่าเดิม

เจมส์ ริชาร์ด  กล่าวว่า ณ วันที่ 31 มี.ค 2568 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,605 ล้านบาท ลดลง 135 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 3,741 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการนำเงินไปจ่ายเงินปันผล 752 ล้านบาทในงวดครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา ในขณะที่บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวรวม 1,733 ล้านบาทยังคงทรงตัวระดับสูงและเพียงพอรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในภาวะการณ์ต่างๆได้

 

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจงวดไตรมาสสุดท้ายของปียังมั่นใจว่าจะเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะโตในเลข2หลักแม้ว่าเศรษฐกิจจะต้องเผชิญกับการขึ้นภาษีของสหรัฐที่จะกด GDP ของประเทศให้โตได้น้อยลง แต่ทางบริษัทมีแผนตั้งรับไว้แล้ว  เช่น การจัดแคมเปญลดกลางปีที่เตรียมตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายให้กับลูกค้า รวมถึงการเน้นเพิ่มกลุ่มลูกค้าผู้หญิงด้วยสินค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ยังคงตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายสำหรับลูกค้าผู้ชาย รวมถึงการโปรโมทสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มต่างๆที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุด เพื่อช่วยสนับสนุนผลดำเนินงานในงวดสุดท้ายของปี

[อ่าน 379]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กิฟฟารีนเขย่าวงการขายตรง เปิดตัว “AI Coach” พลิกเกมธุรกิจ MLM ไทย
Beyoncé และ Levi’s® เปิดตัว The Denim Cowboy
เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง ผนึก TOA สร้างบ้านยุคใหม่สู่ Green Living เดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero
Whoscall ผนึกกำลัง “หนุ่ม กรรชัย” ลุยบิลบอร์ดทั่วไทย ขยายยุทธศาสตร์ TrustTech สกัดมิจฉาชีพ
AWC ผนึก A49 สร้างแลนด์มาร์กท่องเที่ยวยั่งยืน ต่อยอดสู่ “Lifestyle Destination”
BAM พลิกเกมธุรกิจครึ่งหลังปี 2568 จาก “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” สู่ “Opportunities for All” ครึ่งปีแรกโชว์ผลงานแรง กำไรโต 72%
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved