การเติบโตในไตรมาสแรกมาจากการขยายตัวทั้งในกลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ โดยเฉพาะแบรนด์ในเครือ ORIGIN VERTICAL และ BRITANIA ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่ม
บริษัทมีแผนโอนโครงการใหม่อีก 3 โครงการในไตรมาส 2/68 มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,700 ล้านบาท โดยมี Backlog แล้วกว่า 4,000 ล้านบาท และในครึ่งปีหลังยังมีอีก 7 โครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมโอน ซึ่งมี Backlog สะสมเพิ่มเติมอีกกว่า 6,600 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
ในไตรมาสแรก ORI เปิดตัว 2 โครงการ ได้แก่
คอนโดฯ So Origin สุขุมวิท 105 ใกล้ BTS แบริ่ง เพียง 200 เมตร มาพร้อมดีไซน์ Modern Classic
บ้านเดี่ยว Britania ประชาอุทิศ 90 สไตล์ Road to Norwich ชูแนวคิด Endless Happiness Living
ขณะเดียวกันยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ตลอดปีอีก 11 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 5 โครงการ และบ้านเดี่ยว 6 โครงการ
กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ของ ORI เติบโตต่อเนื่อง โดยมีอัตราเช่าพื้นที่คลังสินค้าสูงถึง 97.6% ล่าสุดเปิดให้บริการคลังใหม่ 2 แห่ง ได้แก่
ALPHA รังสิต พื้นที่ 14,595 ตร.ม. ติดถนนพหลโยธิน กม.33
ALPHA แหลมฉบัง 2 พื้นที่ 13,380 ตร.ม. รองรับสินค้าที่ต้องการควบคุมพิเศษ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ EV อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ พร้อมมาตรฐาน Green Warehouse
ORI ดำเนินธุรกิจภายใต้ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดฯ และบ้านแนวราบ รวมแล้วกว่า 168 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 254,000 ล้านบาท
ธุรกิจรายได้ประจำ เช่น โรงแรม ค้าปลีก และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
กลุ่มธุรกิจบริการ เช่น การจัดการอสังหาริมทรัพย์ และบริการลูกบ้าน
กลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ ได้แก่ โลจิสติกส์ เฮลท์แคร์ พลังงาน การเงิน และเอ็นเตอร์เทนเมนต์
บริษัทมีเป้าหมายขยายโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาธุรกิจที่เชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคในทุกมิติ
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI ระบุว่า
“แม้สภาพเศรษฐกิจยังมีความท้าทาย แต่ ORI มีความพร้อมในการขยายธุรกิจในทุกกลุ่ม ทั้งที่อยู่อาศัย โลจิสติกส์ และบริการ โดยมุ่งพัฒนาโมเดลใหม่ เสริมพอร์ต และขยายตลาดเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว”