“มินิลากูนา”จุดหมายปลายทางนักลงทุน-ท่องเที่ยว ประกาศแผน 2 ปี จ่อผุด 2 โครงการใหม่ รวมมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท กลุ่ม “มโนธรรมรักษา”ปลื้มหลังขยายฐานปักหมุดสร้างอาณาจักร เป็นแลนด์ลอร์ดใหญ่ทำเลหาดในทอน จ.ภูเก็ต บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ นำร่องผนึกกลุ่มทุนจีนผุดคอนโดฯ โลว์ไรส์ “ซีเฮฟเว่น ภูเก็ต ในทอน” พร้อมดึงเชน WYNDHAM เข้าบริหาร สร้างความเชื่อมั่น ผลเศรษฐีรัสเซียแห่ซื้อเพียบ

แลนด์ลอร์ดใหญ่หาดในทอน
นายวีระวิทย์ มโนธรรมรักษา รองประธานบริษัท บีสตาร์ท เฮฟเว่น จำกัด เปิดเผยว่า ทางครอบครัวได้เริ่มสะสมที่ดินบริเวณหาดในทอนมาตั้งแต่กว่า 10 ปีก่อน ปัจจุบันถือครองที่ดินรวมราว 80 ไร่ โดยเริ่มพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2562 และขยายต่อเนื่องมาจนถึงโครงการ Seaheaven Phuket ร่วมทุนกับกลุ่มทุนจีน

“จุดแข็งของเราคือการเป็นแลนด์ลอร์ดที่ถือครองที่ดินเอง ทำให้สามารถบริหารจัดการการพัฒนาโครงการได้ยืดหยุ่น และเน้นคุณภาพทั้งในด้านการออกแบบ วัสดุก่อสร้าง ไปจนถึงการเลือกพันธมิตรบริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก” นายวีระวิทย์กล่าว

โชว์ผลงานเด่น 3 เฟส ดึง WYNDHAM บริหาร
บริษัทฯ เริ่มต้นพัฒนาโครงการตั้งแต่ปี 2562 ด้วยอาคารพาณิชย์ติดหาดในทอน ต่อเนื่องด้วยการร่วมทุนกับกลุ่มทุนจีน Bestart International Holdings เปิดตัวโครงการ “Seaheaven Phuket Naithon” เฟส 1 และเฟส 2 รวมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท พร้อมดึงเชนโรงแรมระดับโลก WYNDHAM เข้ามาบริหาร มอบผลตอบแทนการลงทุนการันตี 7% ต่อปี โดยเฟส 2 มียอดขายแล้วกว่า 72%

ล่าสุดปี 2568 เปิดตัว “Seaheaven” เฟส 3 เป็นคอนโดฯโลว์ไรส์ 2 อาคาร บนพื้นที่ 4 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 1,400 ล้านบาท โดยเฟสแรกขายแล้ว 69% ส่วนเฟสสองเตรียมเปิดพรีเซลปลายปีนี้

สร้าง “มินิลากูนา” ครบวงจรบนพื้นที่ 80 ไร่
บริษัทตั้งเป้าพัฒนาอาณาจักรอสังหาฯที่มีทั้งคอนโดมิเนียม วิลล่าหรู และพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้ครบวงจร เหมือนโมเดล “ลากูน่า ภูเก็ต” โดยใช้กลยุทธ์พัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีโครงการ “Seaheaven” และ “ภูวิสต้า” เป็นตัวนำร่อง

“เป้าหมายของเราคือการสร้างโครงการให้มีความครบวงจรเหมือน ‘มินิลากูนา’ ที่ลูกค้าเข้ามาอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องออกไปไหน เพราะภายในโครงการจะมีทุกอย่างครบ ทั้งที่พัก ร้านอาหาร โรงแรม และบริการต่าง ๆ” นายวีระวิทย์กล่าว

เลือก “หาดในทอน” เพราะศักยภาพสูง-คู่แข่งน้อย
นายวีระวิทย์ ระบุว่า “หาดในทอน” เป็นพื้นที่ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ เงียบสงบ คู่แข่งน้อย ปัจจุบันมีคอนโดฯที่เปิดขายเพียง 2 โครงการ 820 ยูนิต และบ้านพักตากอากาศเพียง 6 โครงการ 113 ยูนิต คิดเป็นไม่ถึง 3% ของอุปทานทั้งตลาด ถือเป็นโอกาสทองสำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

อีกทั้งพื้นที่นี้ยังมีจุดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม ความเป็นส่วนตัว ใกล้สนามบิน สนามกอล์ฟ โรงแรมห้าดาวและร้านอาหารชั้นนำ จึงตอบโจทย์กลุ่มเศรษฐีที่มองหาบ้านหลังที่สองหรือทรัพย์สินเพื่อปล่อยเช่า

ฐานลูกค้าหลัก: ต่างชาติ 70% - ไทย 30%
กลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ แบ่งเป็นนักลงทุนต่างชาติ เช่น รัสเซีย จีน ยุโรป สแกนดิเนเวีย อินเดีย โดยนิยมซื้อแบบ Leasehold ระยะยาว 30+30 ปี ขณะที่ลูกค้าคนไทยมีกำลังซื้อสูง มองหาอสังหาฯเพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุนปล่อยเช่า

ทั้งนี้ นายวีระวิทย์ ย้ำว่า ความสำเร็จของการขายในภูเก็ตขึ้นอยู่กับ “เอเยนต์” มากถึง 70% โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่ “คุณภาพสินค้าและผลตอบแทนการลงทุน” ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงแบรนด์

มั่นใจด้านความปลอดภัย-มาตรฐานโครงสร้าง
กลุ่มมโนธรรมรักษาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยทุกโครงการออกแบบรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ถึง 7.7 แมกนิจูด และใช้วัสดุก่อสร้างคุณภาพสูง พร้อมควบคุมงานก่อสร้างด้วยตนเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติในระยะยาว

แผนขยายการลงทุนปี 2568-2569
สำหรับแผนการในช่วง 2 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่

• “ภูวิสต้า แอร์พอร์ต” วิลล่าหรูใกล้สนามบินภูเก็ต บนพื้นที่ 15 ไร่เศษ มูลค่า 800 ล้านบาท เปิดพรีเซล พ.ค. 2568

• “Saint Tropez” คอนโดฯมิกซ์ยูสในหาดในทอน มูลค่า 450 ล้านบาท เปิดตัวปี 2569

“เราจะเริ่มพัฒนาโครงการเองโดยไม่พึ่งพาพันธมิตร เพื่อควบคุมคุณภาพและสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ทั้งไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคงและการบริหารแบบมืออาชีพ” นายวีระวิทย์กล่าว