กรุงไทยชี้เทรนด์ Biodiversity มาแรง ประเมินกระทบมูลค่าส่งออกเกษตรและอาหารกว่า 6 หมื่นลบ.
29 May 2025

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ชี้ "ความหลากหลายทางชีวภาพ" (Biodiversity) กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในด้าน ESG ที่หลายประเทศโดยเฉพาะกลุ่มสหภาพยุโรปเริ่มบังคับใช้จริงจัง คาดกระทบผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารสัตว์ ซึ่งมีมูลค่าส่งออกไปอียูรวมกว่า 60,000 ล้านบาทต่อปี แนะภาคธุรกิจเร่งปรับตัว สู่แนวปฏิบัติด้าน Biodiversity เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันและความเชื่อมั่นจากคู่ค้า

 

 

Biodiversity: ประเด็นร้อนระดับโลก

ดร.สุปรีย์ ศรีสำราญ ผู้อำนวยการฝ่าย ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS เปิดเผยว่า เทรนด์เรื่อง Biodiversity กำลังได้รับความสนใจทั่วโลก โดยข้อมูลจาก World Economic Forum ระบุว่าการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกถึง 44 ล้านล้านดอลลาร์ หรือครึ่งหนึ่งของ GDP โลก สะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างระบบนิเวศธรรมชาติกับเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“Biodiversity ไม่ได้หมายถึงแค่การอนุรักษ์สัตว์หายาก แต่หมายรวมถึงความหลากหลายในระดับพันธุกรรม ชนิดพันธุ์ และระบบนิเวศ ซึ่งเป็นหัวใจของความสมดุลในธรรมชาติ และเริ่มเป็นเกณฑ์พิจารณาสำคัญของผู้บริโภคและคู่ค้าในระดับสากล” ดร.สุปรีย์กล่าว

โดยเฉพาะหลังการประชุม COP15 เมื่อปี 2565 ที่นานาประเทศร่วมกันตั้งเป้าหมายปกป้องพื้นที่ธรรมชาติอย่างน้อย 30% ภายในปี 2573 เท่ากับว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป แต่กลายเป็นประเด็นด้านเศรษฐกิจและความยั่งยืนของภาคธุรกิจในระยะยาว

 

 

กลุ่มสินค้าเสี่ยงสูง: เนื้อสัตว์แปรรูป-อาหารสัตว์

นายปราโมทย์ วัฒนานุสาร นักวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยฯ กล่าวว่า ธุรกิจไทยที่พึ่งพาตลาดสหภาพยุโรป เช่น เนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารสัตว์ เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจากกฎระเบียบใหม่ โดยเฉพาะหากใช้วัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับการแผ้วถางป่าหรือทำลายระบบนิเวศ แม้ไม่ใช่ในไทยโดยตรง แต่หากมีการแปรรูปในไทยแล้วส่งออก อาจเสี่ยงถูกระงับการนำเข้า ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

สินค้ากลุ่มดังกล่าวมีมูลค่าการส่งออกไปอียูถึง 6 หมื่นล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นประมาณ 7% ของมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยทั้งหมด ซึ่งสูงถึง 1 ล้านล้านบาทต่อปี

 

 

ทางรอด: ระบบตรวจสอบย้อนกลับ-ความร่วมมือทั้งห่วงโซ่อุปทาน

นายกฤชนนท์ จินดาวงศ์ นักวิเคราะห์ของ Krungthai COMPASS แนะว่า ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว โดยเริ่มจากการเลือกวัตถุดิบจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่ามาจากพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำลายป่า พร้อมจัดทำระบบข้อมูลที่โปร่งใสตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงผู้บริโภค

นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการได้รับการรับรองจากมาตรฐานด้าน Biodiversity รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลตามกรอบ Taskforce on Nature-Related Financial Disclosures (TNFD) ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านธรรมชาติ และตอบสนองต่อข้อเรียกร้องจากทั้งผู้บริโภค นักลงทุน และคู่ค้าระดับโลกได้ดีขึ้น

 

 

สร้างความร่วมมือเชิงระบบ

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ยังแนะให้ภาคธุรกิจเกษตรและอาหารพัฒนาโครงการเชิงรุกด้าน Biodiversity เช่น เกษตรกรรมเชิงนิเวศ การลดใช้สารเคมี หรือการอนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ท้องถิ่น พร้อมเปิดความร่วมมือกับองค์กรวิจัยและพันธมิตรในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อยกระดับธุรกิจให้แข่งขันได้บนเวทีโลกอย่างยั่งยืน

[อ่าน 416]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ต้องรู้อะไรก่อนทำประกันออมทรัพย์ -ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ ?
5 แนวทางการหางานอุตสาหกรรมให้ได้งานโดนใจ
3 ข้อควรรู้ ไม่พกบัตรเครดิต ก็จ่ายได้ครบ จบในมือถือ
เคล็ด(ไม่)ลับกับ 5 วิธีวางแผนปรับปรุงและตกแต่งบ้านแบบมือโปร
ดิฟเฟอเรนเชียล เผย “อีซูซุ-มาสด้า-มิตซูบิชิ” ติด 3 อันดับศูนย์บริการซ่อมสี และตัวถังรถยนต์ ที่ลูกค้าพึงพอใจสูงสุดในประเทศไทย
ttb analytics มองภาคก่อสร้างเอกชนหมดบุญเก่าไร้แรงหนุนใหม่ แนะภาครัฐเร่งฟื้นเศรษฐกิจสร้างความเชื่อมั่นหนุนให้ธุรกิจเดินหน้าต่อ
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved