หลายคนอาจกำลังมองหาทางเลือกในการออมเงินที่ให้ผลตอบแทนแน่นอน พร้อมกับความคุ้มครองชีวิตไปในตัว “ประกันออมทรัพย์” จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประกันออมทรัพย์แบบไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ หรือไม่ต้องตรวจสุขภาพก่อนทำสัญญา ซึ่งฟังดูแล้วเหมือนจะง่ายและน่าสนใจสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกังวลเรื่องสุขภาพ แต่ก่อนตัดสินใจทำประกันออมทรัพย์แบบนี้ มีหลายสิ่งที่ควรรู้ เพื่อให้เลือกแผนประกันได้เหมาะสมและไม่พลาดในภายหลัง

ประกันออมทรัพย์ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพคืออะไร ?

คือแบบประกันชีวิตที่เน้นการออมเงินควบคู่กับความคุ้มครองชีวิต โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสุขภาพหรือกรอกประวัติสุขภาพให้ละเอียดเหมือนแบบประกันทั่วไป ส่วนมากจะเปิดรับผู้เอาประกันที่มีอายุอยู่ในช่วงที่กำหนด เช่น 1 เดือน – 65 ปี และกำหนดวงเงินเอาประกันไว้ในระดับที่บริษัทรับประกันความเสี่ยงได้โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ (เช่น ไม่เกิน 500,000 – 1,000,000 บาท)

ข้อดีของแบบไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ

1. สมัครง่าย รู้ผลเร็ว
    ไม่ต้องเสียเวลาตรวจร่างกาย หรือรอลุ้นว่าผ่านพิจารณาหรือไม่ โดยเฉพาะคนที่มีประวัติสุขภาพซับซ้อน
2. เหมาะกับผู้มีโรคประจำตัว หรือมีภาวะสุขภาพบางอย่าง
    เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ หรือมีประวัติผ่าตัด ที่มักจะถูกปฏิเสธเมื่อขอทำประกันแบบทั่วไป
3. การันตีการรับประกัน
    แบบไม่คัดกรองสุขภาพมักเป็นกรมธรรม์ที่เน้นการออมระยะสั้นถึงกลาง เช่น 5 ปี 10 ปี และให้ผลตอบแทนแน่นอน
   
    

แต่...ก็ต้องเข้าใจข้อจำกัดให้ชัด

แม้จะสะดวก แต่ประกันออมทรัพย์ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพก็มีข้อจำกัดบางประการที่ผู้ทำสัญญาควรรู้ ได้แก่

• ระยะเวลารอคอย (Waiting Period)
  โดยทั่วไปจะมีช่วงเวลารอคอยประมาณ 1-2 ปี หากเสียชีวิตจากโรคภายในช่วงนี้ บริษัทจะคืนเบี้ยที่จ่ายไปพร้อมดอกเบี้ยเล็กน้อยแทนการจ่ายทุนประกันเต็มจำนวน
  ความคุ้มครองอาจจำกัดเฉพาะการเสียชีวิต
  กรมธรรม์ลักษณะนี้มักจะไม่มีความคุ้มครองเพิ่มเติม เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือโรคร้ายแรง
• ผลตอบแทนอาจน้อยกว่าประกันแบบตรวจสุขภาพ
  เพราะบริษัทต้องรับความเสี่ยงมากกว่า เบี้ยที่จ่ายอาจสูงกว่าหากเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับในแบบอื่น
  
   

เคล็ดลับการเลือกประกันออมทรัพย์แบบไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ

1. ตรวจสอบ “วงเงินเอาประกัน” ให้ดี
   บางบริษัทจำกัดทุนประกันสูงสุด หากคุณต้องการคุ้มครองในระดับที่สูงกว่านั้น อาจต้องทำหลายกรมธรรม์หรือพิจารณาแบบอื่น
2. พิจารณาเรื่องผลตอบแทนและเงินคืนระหว่างสัญญา
   เปรียบเทียบผลตอบแทนโดยคิดเป็น % ของเบี้ยทั้งหมด เพื่อดูว่าแบบไหนคุ้มค่ากับเงินที่คุณวางแผนจะออม
3. เช็กข้อกำหนดกรณีเสียชีวิตช่วงต้นสัญญา
   ดูเงื่อนไขให้ละเอียดว่า ถ้าเสียชีวิตด้วยโรคในปีแรกๆ จะได้รับอะไรบ้าง เช่น เบี้ยคืนทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน
4. เปรียบเทียบเบี้ยประกันกับประกันแบบตอบคำถามสุขภาพ
   หากสุขภาพคุณไม่มีปัญหา ลองเปรียบเทียบกับแบบทั่วไปก่อนตัดสินใจ เพราะอาจได้ทุนประกันที่สูงกว่าในราคาใกล้เคียงกัน
   
    

ประกันออมทรัพย์แบบไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่กังวลเรื่องสุขภาพ หรือไม่อยากยุ่งยากกับกระบวนการตรวจร่างกาย แต่ก็ต้องเข้าใจข้อจำกัดที่มากับความง่ายดายนี้
เช่น ความคุ้มครองที่จำกัด และผลตอบแทนที่อาจน้อยกว่าประกันแบบปกติ การเลือกแผนประกันที่ดี ควรเริ่มจากการประเมินความต้องการของตัวเองให้ชัดเจน แล้วค่อยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความคุ้มครองและการออมในระยะยาวอย่างแท้จริง